แปรรูป 'ฟักข้าว' ส่งออกสร้างรายได้งาม
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปรรูป บางกระทุ่ม ผุดไอเดียแปรรูปฟักข้าว สกัดทำสบู่-น้ำมันฟักข้าว ส่งออกต่างประเทศสร้างรายได้ ขณะกระแสการรับประทานสมุนไพรต้านหวัดสูง เนื่องจากมีวิตามีนซีที่สูง วอนสธ.แนะนำทำเป็นแค๊ปซูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปรรูป บางกระทุ่ม ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 บ้านโฉงใต้ ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ได้รวมตัวกันนำพืชพื้นถิ่นอย่างฟักข้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นสบู่ฟักข้าว สกัดเป็นน้ำมันฟักข้าวส่งออกกับประเทศที่ทำบันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู) ร่วมกัน อย่างประเทศแคนาดา สร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร
นายนิรันดร์ ปันทะนันท์ อายุ 42 ปี ผู้จัดตั้งกลุ่ม เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า เมื่อก่อนตนเองทำงานเป็นเซลล์เอ็นจิเนีย อยู่ จ.ระยอง ต่อมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้กลับมาบ้านเพื่อดูแลพ่อแม่จึงคิดว่าอยากจะหาอาชีพทำที่พอมีเวลาได้อยู่กับครอบครัว จึงศึกษาเรื่องของธุรกิจ ประกอบกับอาชีพดั้งเดิมของพ่อและแม่ คือ เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว ปลูกพวกสมุนไพรต่างๆ รวมถึงฟักข้าว ซึ่งเป็นพืชพื้นถิ่น ตระกูลเดียวกับมะระ และมีคุณประโยชน์ให้วิตามินสูง จึงเริ่มศึกษาเรื่องฟักข้าวพบว่า สามารถต่อยอดนำไปทำอะไรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย จึงคิดว่าลงตัวที่การแปรรูปฟักข้าว เริ่มศึกษาหาข้อมูล หาวิธีการแปรรูป โดยใช้ฟักข้าวในสวนพื้นที่ประมาณครึ่งงานของพ่อและแม่ที่ปลูกไว้มาเป็นวัตถุดิบ
สำหรับสิ่งแรกทำ คือ ได้แปรรูปฟักข้าว เป็นสบู่ และใช้ดอกข้าวหอมมะลิที่ปลูกพิเศษสกัดเป็นกลิ่น ก็ได้สบู่ที่มีวิตามินหลากหลายสูง มีกลิ่นหอม เริ่มต้นจำหน่ายเมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าได้ผลตอบรับดีมาก เคยขายสบู่ได้ถึง 3,000 ก้อน จำหน่ายในราคาขายปลีกก้อนละ 120 บาท ขายส่งก้อนละ 70 บาท จากนั้นไม่หยุดที่จะแปรรูปฟักข้าวก็ศึกษาเรื่อยมาจึงได้แปรรูปเป็นผงฟักข้าว และน้ำมันฟักข้าว สำหรับผงฟักข้าว ตนแปรรูปไว้รับประทานเองในครัวเรือนเท่านั้นยังไม่มีจำหน่าย เพราะมีการวิจัยออกมาว่ามีวิตามินซีสูงกว่ามะนาวถึง 20 เท่า และมีวิตามินบีและอี มากกว่าแครอท ถึง 70 เท่า ซึ่งนับได้ว่ามีวิตามินที่สูงมาก
จากนั้นได้มีทางประเทศแคนาดาติดต่อมาทางกลุ่มเพื่อขอทำเอ็มโอยู ร่วมกัน โดยให้ทางกลุ่มผลิตน้ำมันฟักข้าวส่งออก ซึ่งต้องบอกว่าราคาค่อนข้างสูง ถึงลิตรละ 15,000 บาท โดยทางกลุ่มเองได้สกัดและส่งออกให้กับประเทศแคนาดาเรื่อยมา สร้างรายได้ให้กลุ่มเป็นกอบเป็นกำ
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปรรูป บางกระทุ่ม มีสมาชิกอยู่ประมาณ 19 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุในชุมชนที่ปลูกพวกพืชสมุนไพรอยู่แล้ว อาทิ ทองพันช่าง ว่านหางจระเข้ ขมิ้นดำ/ขาว กระชายดำ ว่านชักมดลูก และใช้เวลาว่างเว้นจากการทำอาชีพหลักมาแปรรูปฟักข้าวส่งขาย โดยที่ผ่านมาในช่วงที่พีคสุด สร้างรายได้ถึง 130,000 บาทต่อเดือน จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงเหลือ 2-4 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ขณะนี้กระแสการรับประทานพืชผักสมุนไพรกลับมาดังอีกครั้ง เพราะกลัวโควิด-19 ทำให้คนเชื่องานวิจัยว่า หากไม่อยากเป็นหวัด ให้รับประทานพืชผักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งฟักข้าวเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูง คนจึงเริ่มหันมาสนใจมากขึ้น
ขณะนี้ทางกลุ่ม อยากให้ทางกรทรวงสาธารณสุข หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาแนะนำเกี่ยวกับการสกัดฟักข้าวเป็นแค๊ปซูล ให้กับทางกลุ่ม เพราะถ้าหากทางกลุ่มสามารถแปรรูปและวางจำหน่ายได้ ประชาชนทั่วไปจะได้รับประทานผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ และวิตามินมากมาย และในอนาคตจะเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ ให้คนทั่วไปมาศึกษาวิธีการแปรรูป เพื่อนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้กับครอบครัวต่อไป
สำหรับประชาชนรายใดที่สนใจอยากจะศึกษาดูงาน เรียนรู้ หรือให้คำแนะนำในการแปรรูปฟักข้าว ก็สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปรรูป บางกระทุ่ม ตั้งอยู่ หมู่ 6 ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก โทรศัพท์ 080-6719789