‘คอนโด’ 29 ตร.ม. พลิกโฉมให้ดูกว้างรับวิถี 'Work From Home'
5 เทคนิคพลิกโฉม “คอนโด” ขนาด 29 ตร.ม. ให้ดูกว้างขวาง พร้อมรับวิถี “Work From Home”
คอนโด หรือ ‘คอนโดมิเนียม’ มักเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับคนทำงานส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่และวัยเพิ่งเริ่มต้นหางานทำได้ในเมือง ยิ่งอยู่ใกล้ย่านธุรกิจและอาคารสำนักงาน คอนโดมักมีขนาดกระทัดรัด 25-30 ตารางเมตร เนื่องจากที่ดินราคาแพง
ในภาวะโรคระบาด โควิด-19 หลายองค์กรได้ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินงานเป็นรูปแบบ Work From Home มากขึ้น เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เข้ามาเชื่อมต่อให้สามารถทำงานได้ทุกที่ นิยามของ Workplace จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว
ทำให้ ที่พักอาศัย ในปัจจุบัน ต้องมีพื้นที่ใช้สอยพร้อมรองรับทุกกิจกรรม แต่หากจำเป็นต้องใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดมิเนียม การตกแต่งและเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับขนาดห้องจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแปลงโฉมห้องพักให้มีสัดส่วนพื้นที่และบรรยากาศเอื้อต่อการทำงานยิ่งขึ้น
แล้วคอนโดขนาดกระทัดรัดล่ะจะทำอย่างไร
ในฐานะผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รวมถึงบริการตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence ได้เผยถึงเทคนิคการตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับวิถีชีวิต Work From Home ในปัจจุบัน โดยเฉพาะห้องพักในโครงการคอนโดมิเนียมที่ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดประมาณ 29 ตารางเมตร. ให้รองรับทั้งชีวิตการทำงานและพักผ่อนได้อย่างลงตัวด้วย 5 เทคนิคสำคัญ ได้แก่
1. ตกแต่งผนังห้องด้วยสี Earth Tone
นอกจากช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายและรู้สึกสบายตาแล้ว การเลือกใช้วอลเปเปอร์สีโทนธรรมชาติ หรือ Earth Tone โดยเฉพาะ สีเบจ (Beige) และ สีเบจอมเทา (Greige) จะช่วยให้ห้องแลดูมีพื้นที่กว้างขวาง และสว่างมีชีวิตชีวาโดยไม่สะท้อนแสงไฟจนรบกวนสายตาเกินไป เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้สมาธิและความสร้างสรรค์
ขณะเดียวกัน สีโทนนี้ยังเข้ากันได้กับอีกหลายโทน จึงง่ายต่อการตกแต่ง ช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นภายในห้องพักดูโดดเด่น และยังสะดวกต่อการหามุมสำหรับ Video Conference
2. วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ชิดผนัง
การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ให้ชิดผนังหรือเข้ามุม แล้วเปิดพื้นที่กลางห้องให้โล่ง มีทางเดิน จะช่วยให้ห้องดูโปร่ง เช่น วางโต๊ะทำงานชิดผนังห้อง เพื่อให้มีพื้นที่โล่งด้านหลัง ช่วยลดความรู้สึกอึดอัดขณะนั่งทำงาน และสะดวกต่อการถอยเก้าอี้
ทั้งนี้ ควรเลือก เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีทรงเหลี่ยม จะจัดวางได้ง่ายกว่าทรงอื่น รวมถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์แนวสูงอย่างชั้นเก็บของแบบเข้ามุม จะช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บของได้มากขึ้น
3. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Dual-purpose
โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับขนาดห้องพัก อย่างตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว หรือชั้นวางแบบติดผนัง แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น เตียง โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะกลางหน้าโซฟา และโซฟา จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวซึ่งใช้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า จึงควรเลือกใช้ เฟอร์นิเจอร์แบบ Dual-purpose หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน และเฟอร์นิเจอร์พับเก็บได้ อย่างเตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โซฟาเบด และเก้าอี้ที่สามารถเก็บของได้จะช่วยลดจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในห้องและประหยัดพื้นที่ใช้สอย
4. กั้นห้องด้วยฉากโปร่งใส
แม้พื้นที่ในห้องพักจะไม่เหมาะกับ ‘การแบ่งห้อง’ แต่หากต้องการจัดพื้นที่พักผ่อนในห้องนอนกับ ‘พื้นที่ทำงาน’ แยกออกจากกัน ควรใช้ ฉากกั้นแบบโปร่งใส ประตูกระจกบานเลื่อน ติดตั้ง ม่านที่สามารถเลื่อนเก็บได้ หรืออาจจะใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะโปร่ง เช่น ชั้นวางของที่ไม่มีผนังทึบ ซึ่งยังสามารถมองเห็นบริเวณอื่นของห้องได้ ช่วยไม่ให้ห้องดูคับแคบจนเกินไป มอบความรู้สึกโล่งสบายขณะพักอาศัย
5. ติดกระจกเงาบานใหญ่
การนำกระจกเงาบานใหญ่ติดตั้งบนผนังห้องในมุมทำงานหรือมุมนั่งเล่น และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่าง ตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกเงาตรงประตู และ ตู้เก็บอุปกรณ์ในห้องน้ำที่เป็นบานกระจก นอกจากจะใช้งานได้แบบ Dual-purpose แล้ว ยังช่วยสะท้อนภาพให้ห้องพักดูกว้างขึ้น
“การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรือที่พักที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตท่ามกลางกระแส Work From Home หากตกแต่งและประยุกต์พื้นที่ให้มีฟังก์ชันรองรับการใช้ชีวิตได้หลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Interior Design ของ MDPC ได้เข้าไปช่วยแก้ Pain Point เหล่านี้กับผู้พักอาศัย รวมถึงการตกแต่งแบบ Personalized Design เติมเต็มไลฟ์สไตล์ผู้พักอาศัยที่แตกต่างกันให้พร้อมก้าวทันได้ทุกจังหวะชีวิต” นายธนา กล่าว
อนึ่ง บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด MDPC Expertise Meets Excellence เป็นผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปัจจุบัน ให้บริการใน 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจบริหารจัดการอาคาร 2.ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ 4.ธุรกิจตกแต่งและปรับปรุงที่อยู่อาศัย 5.ธุรกิจบริการด้านความสะอาด 6.ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง มีวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือในการดูแลอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้บริโภค
* * * * * * * * * *
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
‘IKEA’ จัดอันดับเดย์เบดขายดี เหมาะกับ “บ้าน” พื้นที่จำกัด
‘MUJI’ เปิดใหม่คอนเซปต์สโตร์ 1,800 ตารางเมตร โชว์ปรัชญา ‘มูจิ’ เต็มรูปแบบ