‘HUAWEI MateView’ หน้าจอในใจของผู้หลงใหลความอัจฉริยะ
ยกความเจ๋งในทุกการใช้งานมาใส่ใน “HUAWEI MateView” จอมอนิเตอร์ที่เรียบหรู สีสวย และสุดแสนจะอัจฉริยะ
ความอัจฉริยะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ Gadget ที่พกพาไปไหนมาไหนอย่างสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตอีกต่อไป เพราะแม้แต่จอมอนิเตอร์ก็ได้รับการพัฒนาให้อัจฉริยะแล้ว
บริษัทด้านไอทีอย่าง HUAWEI ได้ต่อยอดเทคโนโลยีต่างๆ ในมือ ผนวกกับการศึกษาความต้องการของผู้ใช้งานอุปกรณ์ไอที สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จนครอบคลุมทุกประเภท หนึ่งในนั้นคือ จอมอนิเตอร์ที่กำลังตีตลาดและสอดคล้องกับแนวการทำงานแบบ Work from home ได้อย่างดี โดยมีจอสองรุ่นล่าสุดคือ HUAWEI MateView และ HUAWEI MateView GT ออกมาให้เลือกใช้งานกันตามความเหมาะสมของแต่ละคน
คอลัมน์ Gad&Go มองว่าถึง “HUAWEI MateView” จะไม่ได้พ่วงท้ายด้วยตัวอักษร GT แต่กับการใช้งานเรียกได้ว่า “หนักก็เอา เบาก็สู้” ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่จบ แต่เพราะออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานได้ครบถ้วนเท่าที่คนจะใช้จอมอนิเตอร์เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
เริ่มตั้งแต่ขนาดหน้าจอที่ 28.2 นิ้ว และมีอัตราส่วนหน้าจอที่ 3:2 แตกต่างจากหน้าจอทั่วไปที่จะมีอัตราส่วน 16:9 ซึ่งกลายเป็นข้อดีของ “HUAWEI MateView” เพราะครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบเนื่องจากมีด้านกว้างมากกว่าปกติ
ถัดมาที่ดีไซน์ซึ่งสะท้อนความเรียบหรูออกมาชัดเจนมาก ใครต้องการความมินิมอล น้อยแต่มาก น่าจะชื่นชอบ เพราะความบางเฉียบเพียง 6 มิลลิเมตร ผลิตขึ้นรูปด้วยวัสดุอลูมิเนียม บางเบาแต่แข็งแรง แล้วเชื่อมต่อกับฐานด้วยหัวบอลทำให้เกิดจุดหมุนปรับองศาของหน้าจอได้ โดยปรับได้ -5 องศาถึง 8 องศา แม้จะเป็นจุดหมุนเดี่ยวแบบบอล แต่ก็ทำได้ดีมาก คือ ไม่หลวมแต่ก็ไม่แน่นจนปรับองศาได้ยาก จากการใช้งานเบื้องต้นยังมั่นใจได้ว่าจะไม่หลวมจนเกิดอาการจอพับลงมา
หากปรับองศายังไม่เพียงพอ ที่แกนด้านหลังก็ปรับระดับความสูงต่ำได้อีกมากพอสมควรด้วยเช่นกัน
การใช้งาน “HUAWEI MateView” จะทำหน้าที่เป็นหน้าจอ ดังนั้นจะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ แน่นอนว่าหัวเว่ยให้ช่องเชื่อมต่อมาครบถ้วน และน่าจะพอสำหรับการใช้งานทั่วไป เพราะจากการใช้งานเชื่อมต่อกับแทบเล็ตทั้งทำงานเอกสาร, กราฟิก, ดูหนัง, ฟังเพลง, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ ยังไม่พบปัญหาให้รำคาญใจ โดยที่การเชื่อมต่อทำได้หลายวิธี หนึ่งในวิธีที่ง่ายสุดคือใช้สาย USB Type-C To Type-C ที่มีมาให้พร้อมตัวเครื่องเสียบเข้ากับ Device ได้ทันที โดยที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยเท่านั้น ใช้อุปกรณ์ของค่ายอื่นๆ ได้เหมือนกัน
การเชื่อมต่ออีกวิธีคือการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ผ่านอุปกรณ์ของหัวเว่ยทั้งสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต ผ่านฟีเจอร์ Wireless Projection ที่มีใน Device เชื่อมต่อแล้วใช้งานได้แบบ Mirror คือหน้าจอ “HUAWEI MateView” แสดงผลแบบเดียวกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเลย โดยแทบจะไม่ค่อยมีความหน่วงเลย
อีกการเชื่อมต่อ ที่เป็นการเชื่อมต่อเพื่อรับส่งข้อมูล เช่น ภาพ, วิดีโอ, ไฟล์ต่างๆ ให้สังเกตสัญลักษณ์ขีดวงสัญญาณที่อยู่ตรงฐานของมอนิเตอร์ เป็นจุดที่นำสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตของหัวเว่ยมาแตะเพื่อรับส่งข้อมูลผ่านฟีเจอร์ HUAWEI Smart Share ถือว่าสะดวกรวดเร็วมากทีเดียว
ด้านการแสดงผลและความคมชัด เป็นอีกจุดที่ต้องยกนิ้วให้ เพราะเห็นดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติมากมาย อาทิ เป็นจอ 4K+ เหนือกว่า 4K ธรรมดาไปอีกขั้น แถมยังแสดงผลได้ 1.07 พันล้านเฉดสี แปลว่าแสดงผลสีได้กว้างมากๆ เหมาะกับคนที่ต้องการความถูกต้องของเฉดสี เช่น กราฟิกดีไซน์, การตกแต่งภาพ, ตัดต่อวิดีโอ เป็นต้น
เห็นสเป็กการแสดงผลได้จัดจ้านแบบนี้ แต่ในแง่สุขภาพสายตาทางหัวเว่ยก็ไม่ลืมที่จะออกแบบให้หน้าจอ “HUAWEI MateView” มีการกรองแสงสีฟ้าให้เป็นตามมาตรฐาน เมื่อใช้งานเป็นเวลานานจะไม่ส่งผลเสียตาดวงตา โดยที่ไม่ต้องสวมแว่นตากรองแสงสีฟ้าแต่อย่างใด บวกกับเทคโนโลยี Flicker Free ช่วยให้ไม่เกิดอาการสายตาล้าเมื่อจ้องมองจอนานๆ
อีกส่วนที่สะท้อนความอัจฉริยะได้ดีทีเดียว คือการแอบใส่ Smart Tab บริเวณใต้หน้าจอ ใช้สั่งการด้วยปลายนิ้ว เช่น ปรับระดับแสงหน้าจอด้วยการลากนิ้วไปซ้าย-ขวา, ปรับโหมดต่างๆ ของหน้าจอ หรือการออกจากเมนูต่างๆ ด้วยการแตะสองครั้ง
หากถามว่าใครเหมาะกับการใช้งาน “HUAWEI MateView” คงต้องบอกว่าใช้งานได้ทุกคน เพราะจอมอนิเตอร์รุ่นนี้ “HUAWEI” คิดและออกแบบมาเพื่อทุกการใช้งาน และใช้ได้แบบเหลือเฟือ แต่ถ้าจะขีดเส้นใต้ให้ประเภทงานที่เหมาะมากๆ โดยส่วนตัวมองว่าคงเป็นงานด้านกราฟิกหรือวิดีโอ เพราะความเที่ยงตรงแม่นยำของค่าสีรวมถึง Frame Rate เหมาะมากจริงๆ แต่สำหรับคอเกมที่มองหาจอที่ถูกใจเกมเมอร์แบบสุดๆ อาจต้องมองข้ามไปยังรุ่น HUAWEI MateView GT ซึ่งทางหัวเว่ยเคลมว่าทำมาเพื่อสายเกมโดยเฉพาะ