‘สมาร์ทวอทช์’ สุขภาพดีที่ข้อมือด้วย ‘HUAWEI Watch 3’

‘สมาร์ทวอทช์’ สุขภาพดีที่ข้อมือด้วย ‘HUAWEI Watch 3’

เจาะลึกการใช้งานด้านสุขภาพของ “HUAWEI Watch 3” ซีรีส์ใหม่ของ “สมาร์ทวอทช์” สุดอัจฉริยะที่จัดเต็มด้วยฟีเจอร์สำหรับคนรักตัวเอง

สำหรับคนรักสุขภาพ นาฬิกาอัจฉริยะหรือ สมาร์ทวอทช์ น่าจะเป็น Gadget ที่คุ้นเคยกันดี เพราะคุณสมบัติที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยด้านสุขภาพทั้งวัดค่าต่างๆ, แจ้งเตือน หรือแม้กระทั่งวางโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมได้อีกด้วย

ในตลาดของ “สมาร์ทวอทช์” ซึ่งค่อนข้างบูมในไทย แบรนด์ HUAWEI ได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นใช้งานง่ายในประเภท Smartband และในขั้นแอดวานซ์อย่าง Smartwatch โดยที่ล่าสุดหัวเว่ยเพิ่งปล่อย HUAWEI Watch 3 Series เพื่อรองรับตลาดบนของผู้ใช้งานสมาร์ทวอทช์

ในซีรีส์นี้มีอยู่ 3 รุ่น ด้วยกัน คือรุ่น Active, Classic และ Pro-Classic แตกต่างที่วัสดุและฟังก์ชั่นบางอย่าง แต่โดยหลักๆ จะคล้ายกัน

ด้วยสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ณ ขณะนี้ที่ต้องใช้คำว่าวิกฤต วันนี้ Gad&Go จะมาเล่าเจาะลึกจากการใช้งานด้านสุขภาพโดยตรงของ HUAWEI Watch 3 รุ่น Active ที่แม้จะจัดเป็นตัวเริ่มต้นของซีรีส์ แต่ต้องบอกเลยว่า “เหนือความคาดหมาย”

162667977239

  • เป็นหรือไม่เป็น...เห็นได้ทันที

ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 อาจทำให้หลายคนวิตกจริต ถึงจะไม่ติดก็พาลให้จิตตก จนบางทีก็รู้สึกตัวรุมๆ ร้อนๆ หลอนว่านี่ฉันติดแล้วใช่ไหม? ปัญหามโนเพราะโควิดจะหมดไป และไม่ต้องวิ่งหาปรอทหรือเครื่องวัดอุณหภูมิที่ไหน เพราะ “HUAWEI Watch 3” ใส่ฟีเจอร์วัดอุณหภูมิที่ผิวหนังของเรามาให้ด้วย

การใช้งานเพียงกดปุ่ม Dial หรือที่คนไทยเรียกปุ่มหน้าตาแบบนี้ว่า “เม็ดมะยม” เพื่อเรียกดูแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในนาฬิกา แล้วแตะที่แอพรูปปรอท เซ็นเซอร์บน “สมาร์ทวอทช์” จะวัดอุณหภูมิบนผิวหนังทันที ซึ่งตัวเลขที่ขึ้นมานั้นไม่ได้หมายถึงอุณหภูมิร่างกายโดยรวม เพราฉะนั้นไม่ต้องตกใจว่าทำไมส่วนมากตัวเลขถึงน้อยกว่าอุณหภูมิร่างกายปกติอย่างที่เราทราบกัน

สำหรับตัวเลขอุณหภูมิผิวหนังที่ค่อนข้างปกติหรือสบายๆ คือประมาณ 32-34 องศาเซลเซียส

แอพพลิเคชั่นต่อมาที่เข้ากับสถานการณ์ได้ดี คือ การวัดออกซิเจนในเลือด เพียงแค่ปลายนิ้วคุณก็จะรู้ทันทีว่าค่าออกซิเจนในเลือดตอนนี้อยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ ในช่วงโควิดระบาดแบบนี้ ตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างสำคัญมาก เพราะหน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุเลยว่าหากพบว่าค่าออกซิเจนในเลือดหากมีน้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ หมายถึงร่างกายอาจมีการติดเชื้อบางอย่าง ตัวเลขที่ควรจะเป็นคือตั้งแต่ 95 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจนถึง 100 เปอร์เซ็นต์

แต่ทั้งนี้การตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดด้วยสมาร์ทวอทช์จะเป็นเพียงค่าเบื้องต้น หากตัวเลขค่าออกซิเจนน้อยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวัดอย่างละเอียดต่อไป

162667977349

162667977230

  • เมื่อสมาร์ทวอทช์กลายเป็นผู้ช่วยของผู้สูงวัย

ปัญหาสำคัญของผู้สูงวัยที่ลูกหลานเป็นห่วงมากๆ คือ การหกล้ม เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บทันทีแล้ว อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะต่อมาอีกด้วย เช่น หากศีรษะฟาดพื้นหรือของแข็งอาจทำให้เกิดเลือดคั่งในสมองได้ง่าย หรือเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้เลยทีเดียว ดังนั้น “HUAWEI Watch 3” จึงคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงวัย โดยใส่ฟังก์ชั่นดีๆ มาหลายอย่าง

อาทิ การโทรฉุกเฉิน ด้วยการกดปุ่มเม็ดมะยมด้านข้างจำนวน 5 ครั้ง “สมาร์ทวอทช์” จะติดต่อไปยังเบอร์ฉุกเฉินที่ระบุไว้ ไม่ว่าจะเบอร์สถานีตำรวจหรือเบอร์หน่วยกู้ภัย โดยที่เราตั้งค่าเบอร์โทรที่ต้องการได้เองด้วย ซึ่งโหมดนี้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เพราะนาฬิกาเรือนนี้รองรับ eSIM สัญญาณ 4G (ติดต่อเปิดใช้งาน eSIM ได้ที่เครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์แต่ละแบรนด์)

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากคือการตรวจจับการหกล้ม โดยนาฬิการุ่นนี้จะตรวจจับการหกล้มอัตโนมัติ หากล้มไป 1 นาทีแล้วไม่มีการตอบสนอง จะมีข้อความถามว่าต้องการขอความช่วยเหลือฉุกเฉินหรือไม่ โดยผู้ใช้เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ผ่าน HUAWEI Health ซึ่งติดตั้งมาในสมาร์ทโฟน HUAWEI และมีให้ดาวน์โหลดในระบบปฏิบัติการอื่นๆ ทั้ง App Store และ Play Store

162667977397

  • เรือนเดียวจบครบเครื่องเรื่องกีฬา

นี่น่าจะเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างของ “HUAWEI Watch 3” ในฐานะ “สมาร์ทวอทช์” ก็ว่าได้ คือการวัดค่าต่างๆ ในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา แน่นอนว่าคนรักสุขภาพส่วนมากล้วนชื่นชอบการออกกำลังกาย แต่การต่อสู้กับสมาร์ทวอทช์หรือสปอร์ตวอทช์แบรนด์อื่นๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ “HUAWEI” จะรับมือได้หรือไม่

เรื่องนี้ต้องชื่นชมหัวเว่ยที่ทำการบ้านมาดีพอตัว เพราะจากรุ่นก่อนอย่าง HUAWEI Watch 2 ที่อาจไม่สร้างความประทับใจให้สายกีฬามากนัก เพราะการใส่เมนูกีฬามาเยอะๆ แต่วัดค่าได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้หลายเมนูกลายเป็นของเกินจำเป็น

แต่กับ “HUAWEI Watch 3” นอกจากจำนวนเมนูของกีฬาที่มากเหมือนเดิม ยังเพิ่มเติมด้วยความละเอียดในหลายด้าน และหลังจากลองใช้ก็ถือว่าระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ แม่นยำดี เช่น GPS ที่วัดระยะทางได้ถูกต้อง (ทดลองจากการวัดระยะทางวิ่งพร้อมๆ กันกับสมาร์ทวอทช์และสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ), การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ ซึ่งนับว่าตรงและรวดเร็ว เพราะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการออกกำลังกาย หาก “สมาร์ทวอทช์” ทำงานจุดนี้ไม่ดีพอ อาจมีผลต่อสุขภาพร่างกายผู้ใช้งานได้เลย เป็นต้น

สำหรับคนที่รักกีฬาทางน้ำ แต่ก็เคยผิดหวังกับสมาร์ทวอทช์ในหลายๆ รุ่น ที่อาจจะกันน้ำได้ไม่ตรงสเป็กหรือมีปัญหาน้ำเข้าส่วนลำโพงจนทำให้เวลาใช้งานคุยสายหรือฟังเสียงไม่ชัดเจน นาฬิการุ่นนี้แก้ปัญหาดังกล่าวเสร็จสรรพ ด้วยการกันน้ำระดับ IP68 เรียกได้ว่าจะใส่ว่ายน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำสุดมันอย่าง Surfboard, SUP Board, Wakeboard ฯลฯ ก็ลุยได้เต็มที่

เมื่อใช้งานแล้วมีน้ำค้างอยู่ภายใน “สมาร์ทวอทช์” รุ่นนี้มีฟีเจอร์ Drain หรือการถ่ายน้ำออกให้มาด้วย เพียงปัดหน้าจอลงแล้วแตะที่เมนู Drain หลังจากน้ำเขย่าและเอียงนาฬิกาเพื่อช่วยให้น้ำไหลออก

เห็นใช้งานได้เยอะแยะมากมายแบบนี้ อาจกังวลว่าแบตเตอรี่จะอึดสักแค่ไหน สำหรับ “HUAWEI Watch 3” เรือนนี้หากใช้งานปกติ แบตจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 วัน ถามว่านานมากไหมก็อาจจะไม่นานมาก แต่ก็ไม่ใช่ประเภทแบตไหล เพราะการใส่สารพัดฟังก์ชั่นเขามาในนาฬิกาเรือนนี้ล้วนมีผลต่อการใช้พลังงานทั้งสิ้น

162667977314

162667977335

          ...

ในภาวะวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขอย่างนี้ การรักษาสุขภาพให้ดีน่าจะเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันตัวให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงเป็นหนึ่งในผู้ป่วย ซึ่งในปัจจุบัน Gadget สุดไฮเทคมีบทบาทเป็นผู้ช่วยเรื่องสุขภาพได้อย่างดีมากทีเดียว