5 ซีรีส์เด็ดหนังดัง ที่ดูแล้วเหมือนได้ไป ‘เที่ยว’ รอบโลก
ชวน “เที่ยว” ทั่วโลกไปกับตัวละครในซีรีส์เรื่องเด็ดและหนังเรื่องดัง ที่จะทำให้ออกไปท่องโลกปังๆ ได้ที่หน้าจอ
โควิด-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะนักเดินทางที่หลงใหลการเที่ยวต่างประเทศ แทบจะขาดใจด้วยความคิดถึง
แพลตฟอร์มด้านการเดินทางอย่าง อโกด้า จึงแนะนำภาพยนตร์และซีรีส์ 5 เรื่องที่จะพาคนชอบดูหนังและคนชอบท่องเที่ยวไปดื่มด่ำกับเรื่องราว ทั้งการเดินทางแบบครอบครัวที่อบอุ่นหัวใจ การผจญภัยแนวโรแมนติกกับคนที่รัก การขับรถท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นกับเพื่อนๆ และการเดินทางของผู้ใหญ่วัยใกล้เกษียณ แม้จะไม่ได้ตามตัวละครไปเที่ยวจริงๆ แต่การได้ดูการเดินทางของตัวละครผ่านจอก็เยียวยาความอยากไปเที่ยวได้บ้าง
- การผจญภัยแนวโรแมนติคสำหรับคนมีคู่ / Crash Landing on You (2019-2020)
ซีรีส์เกาหลีสุดฮิตเรื่องนี้มีทั้งความโรแมนติคและการผจญภัยในธรรมชาติ รวมถึงฉากเมืองที่สวยงาม “Crash Landing on You” เป็นเรื่องราวแนวโรมิโอและจูเลียตสมัยใหม่ที่เพิ่มความเป็นเกาหลีเข้าไป โดยยุนเซรี ทายาทสาวแห่งตระกูลเศรษฐีเกิดประสบอุบัติเหตุขณะเล่นเครื่องร่มร่อนพาราไกลดิ้ง และตกลงไปอยู่ในเขตปลอดทหารของเกาหลีเหนือ หลังจากนั้น รีจองฮยอก นายทหารชาวเกาหลีเหนือก็มาเจอ และตัดสินใจช่วยพาเธอไปซ่อน ก่อนหาทางพายุนเซรีกลับเกาหลีใต้ให้ได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ แต่ขณะที่เรื่องราวดำเนินไป ทั้งสองก็เกิดตกหลุมรักกัน
นอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และกลุ่มนักแสดงที่โดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้คือการเลือกสถานที่ที่ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้กับเนื้อเรื่อง โดยฉากเปิดของเรื่องที่ยุนเซรีพลัดตกไปในเขตของเกาหลีเหนือนั้นถ่ายทำในป่าอันสวยงามของอุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน (Hallasan National Park) ในเกาะเชจู (Jeju Island) อีกหนึ่งฉากคลาสสิกก็คือฉากที่ถ่ายทำบนสะพานข้ามแม่น้ำฮันทัน (Hantan River Sky Bridge) ซึ่งเป็นสะพานแขวนยาวที่ตั้งอยู่ในเมืองโพชอน (Pocheon) ประเทศเกาหลีใต้ มองเห็นภูเขาสูงใหญ่และต้นไม้เขียวขจีได้จากบนสะพาน
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทำแค่ในประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย อย่าง เมืองซูริก (Zurich) ที่มีบรรยากาศครึกครื้น รวมถึงตรอกซอกซอยและอาคารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อนยุคกลาง เทือกเขาแอลป์สวิส (Swiss alps) ตระการตา และทะเลสาบลังเกิ้น (Lake Lungern) อันงดงาม
- ค้นพบความหมายของคำว่า “ครอบครัว” / The Journey (2014)
แม้หลายคนอาจฝันถึงการได้ไปอยู่ที่ที่ไกลแสนไกล ภาพยนตร์ “The Journey” กลับแสดงให้เห็นว่าความจริงแล้วมีการเดินทางมากมายอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชวน คุณลุงคนหนึ่งที่กำลังรอคอย บี ลูกสาวของตัวเองกลับบ้านที่ประเทศมาเลเซีย หลังจากไปอาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลายปี บีกลับมาพร้อม เบ็นจิ คู่หมั้นชาวอังกฤษ ทำให้ลุงชวนรู้สึกผิดหวัง อับอาย แต่ถึงกระนั้นก็ยอมให้บีแต่งงานกับเบ็นจิ แม้จะไม่เต็มใจ โดยมีเงื่อนไขว่าพิธีแต่งงานจะต้องจัดตามประเพณีของจีน ซึ่งกำหนดไว้ว่าลูกเขยในอนาคตของตัวเองจะต้องไปส่งหมายเชิญงานแต่งงานด้วยกัน และเพราะลุงชวนยืนกรานที่จะเชิญเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่อยู่กระจัดกระจายไปทั่วประเทศมาร่วมงานด้วย ลุงชวนและเบ็นจิจึงต้องเดินทางไปตามถนนทั่วประเทศ พร้อมกับพยายามก้าวผ่านอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรมไปด้วยกัน
“The Journey” รวบรวมสถานที่สวยงามในมาเลเซียเอาไว้หลายแห่ง เช่น บ้านของลุงชวนบนที่ราบสูงคาเมรอน (Cameron Highlands) อันเขียวชอุ่ม เกาะเอาร์ (Aur Island) นอกชายฝั่งยะโฮร์ (Johor Coast) ที่ขึ้นชื่อเรื่องปะการังสีสันสดใส และทะเลสาบสีน้ำเงิน ชุมชนริมน้ำชิว เจตตี (Chew Jetty) ในรัฐปีนัง (Penang) รวมถึงย่านบ้านบนเสาสูง และทุ่งนาในเมืองบาลิง (Baling) รัฐเคดาห์ (Kedah)
สำหรับหลายๆ คนที่ต้องอยู่ไกลคนที่รัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงจิตวิญญาณของครอบครัวและชุมชนชาวมาเลเซียอีกด้วย แม้จะขัดแย้งกันอยู่หลายเรื่อง แต่การเดินทางร่วมกันของของลุงชวนและเบ็นจิก็เปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้สร้างเสริมสายสัมพันธ์ครอบครัวที่มั่นคงขึ้นด้วยกัน
- เที่ยวคนเดียวก็สนุกได้ / Queen (2013)
การท่องเที่ยวคนเดียวอาจฟังดูไม่ปลอดภัยสำหรับหลายๆ คน แต่ตัวละครเอกในภาพยนตร์ “Queen” นั้นได้เรียนรู้ว่าการเดินทางคนเดียวสามารถทำให้คนเริ่มค้นหาตัวเองและเข็มแข็งขึ้นได้
รานี เมห์รา หญิงสาววัย 24 ปี จากเมืองเดลี (Delhi) ที่บ้านเลี้ยงดูมาเหมือนไข่ในหินและมีนิสัยขี้อาย ถูกคู่หมั้นทิ้งก่อนงานแต่งงานเพียงไม่กี่วัน ด้วยความสะเทือนใจจากข่าวดังกล่าว รานีจึงตัดสินใจไปทริปฮันนีมูนที่วางแผนไว้แล้วที่ยุโรปเพียงลำพัง เมื่อไปถึงในช่วงแรกรานีเกิดความรู้สึกหลายอย่าง เพราะต้องอยู่ห่างจากบ้าน แต่ในไม่ช้ารานีก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ และร่วมผจญภัยไปด้วยกันในเมืองปารีส (Paris) และเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
“Queen” ชวนให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มด่ำเสน่ห์ของเมืองในต่างประเทศ ตั้งแต่ความสวยงามของถนนในเมืองปารีส ไปจนถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนสุดฮิปและน่าตื่นเต้นในเมืองอัมสเตอร์ดัม พร้อมกับแสดงให้เห็นความมั่นใจของรานีที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้รวบรวมความสุขที่คาดไม่ถึงของการเดินทางคนเดียวไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น การได้เจอเพื่อนคู่ชีวิตจากคนแปลกหน้า และการรู้สึกถึงความเป็นอิสระ
- การเดินทางของคนเร่ร่อนวัยใกล้เกษียณ / Nomadland (2020)
แน่นอนว่า “Nomadland” ต้องเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ธรรมดา เพราะสามารถกวาดรางวัลออสการ์ในปีนี้ไปได้ถึงสามรางวัล “Nomadland” เป็นเรื่องของเฟิร์น ผู้หญิงวัย 61 ปี ซึ่งใช้ชีวิตเป็นคนเร่ร่อนในยุคปัจจุบันที่เดินทางไปทั่วฝั่งตะวันตกของอเมริกา (Western America) เพื่อหางานทำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากหนังสือสารคดีชื่อเดียวกัน โดยแสดงให้เห็นโลกของชาวอเมริกันที่มีอายุมากแล้วซึ่งไม่มีงานหรือที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง หลังจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2551 พวกเขาต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อรับงานตามฤดูกาลที่หาได้
ขณะที่ผู้ชมเดินทางไปกับเฟิร์น ซึ่งมีรถตู้แคมเปอร์เป็นบ้าน ผู้ชมจะได้เห็นภูมิประเทศที่หลากหลายในห้ารัฐของอเมริกา มีสถานที่ที่โดดเด่น เช่น การก่อตัวของหินขรุขระในอุทยานแห่งชาติแบดแลนด์ (Badlands National Park) ในรัฐเซาท์ดาโคตา (South Dakota) ที่เต็มไปด้วยหุบเขาลึก และยอดหินอันน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมีต้นเรดวูดที่เฟิร์นชื่นชอบในตอนที่เดินทางผ่านป่าเรดวูดอันเขียวชอุ่มบริเวณชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ว่ากันว่าต้นเรดวูดเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดในโลก ใครที่ชอบอิสรภาพของการได้อยู่ในพื้นที่กว้าง 'Nomadland' เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอภาพแนวสวยแบบเงียบสงบของป่าตะวันตกได้เหมือนจริงมาก
- ชีวิตวัยรุ่นก็มียากมีง่ายปนกันไป / Emily In Paris (2020)
ใครที่เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานและกำลังฝันถึงการได้ไปทำงานในหลายๆ ประเทศ ลองมาดื่มด่ำกับจินตนาการของตัวเองกับซีรีส์แนวคอมเมดี้เรื่อง “Emily In Paris” ตัวละครเอก เอมิลี่ คือหญิงสาวในช่วงวัย 20 ปี จากชิคาโก (Chicago) ที่ทำงานด้านการตลาด เอมิลี่ต้องย้ายไปทำงานที่เมืองปารีส และปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเมืองใหม่ ด้วยความที่ไม่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เอมิลี่จึงรู้สึกไม่พร้อมสำหรับความรับผิดชอบที่มากับงานใหม่ และไม่รู้วัฒนธรรมท้องถิ่น แต่สุดท้ายเอมิลี่ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับตัวให้เข้ากับหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปได้
ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดให้เห็นความงดงามแบบชวนฝันของเมืองปารีส และพาผู้ชมไปชนสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมากมาย เช่น โรงอุปรากรปาแล การ์นีเย่ (Palais Garnier) อันยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 สะพานอะเลคแซนเดอร์ที่ 3 (Pont Alexandre III) ที่ขึ้นชื่อว่าหรูหราที่สุดในเมือง ซึ่งทอดยาวข้ามแม่น้ำแซน (Siene river) และ Rue de l'Abreuvoir ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสวยที่สุดในเมือง ซึ่งมีเถาองุ่นโตขึ้นตามกำแพงด้านนอกของตึก และสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ต่างๆ นอกจากนี้ซีรีส์นี้ยังพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวแบบร่วมสมัยของเมืองอีกด้วย ซึ่งเห็นได้จากตอนที่เอมิลี่ไปชมนิทรรศการแวน โกะห์ (Van Gogh) อันน่าทึ่งที่ L'Atelier des Lumières พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลที่เปลี่ยนงานศิลปะคลาสสิกให้เป็นประสบการณ์มัลติมีเดียที่น่าหลงใหล