‘ปลื้ม - ณฐภัทร โกแมน’ ความหวังของ ‘SUP’ ไทยในระดับโลก
จากพายเล่นจนเป็นตัวแทนประเทศไทยในฐานะไรเดอร์ของแบรนด์ “SUP” ระดับโลก เหมือนจะง่ายและคนมองว่าเป็นพรสวรรค์ แต่สายน้ำที่ “ปลื้ม - ณฐภัทร โกแมน” พายผ่านไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เกิดขึ้นด้วยพรแสวงล้วนๆ
ถึงวงการกระดานยืนพาย Stand Up Paddle Board (SUP Board) หรือเรียกสั้นๆ ว่า SUP จะอยู่ในช่วงเติบโต และยังไม่ใช่กีฬาแมสที่จะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นกีฬาอาชีพ แต่การเติบโตของกีฬาชนิดนี้ในประเทศไทยกำลังมีทิศทางดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่การเป็นกิจกรรมผ่อนคลาย, การท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งเพื่อการแข่งขัน
เมื่อเปิดรายชื่อนักพาย (Rider) ของไทยที่มีฝีมือดีจริงๆ และพิสูจน์ด้วยการขึ้นโพเดี้ยมในฐานะ Champion แทบทุกสนาม ชื่อของ ปลื้ม - ณฐภัทร โกแมน คือลำดับแรกๆ ที่ปรากฏ แม้จะอยู่ในวัย 14 ย่าง 15 ปี เท่านั้น แต่เด็กชายคนนี้ก็พาย “SUP” แซงไรเดอร์รุ่นเดียวกันรวมถึงรุ่นใหญ่จนต้องเลื่อนคลาสการแข่งไปฟาดฟันในรุ่น Open กับผู้ใหญ่ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะจากผลการแข่งก็ตอบชัดๆ แล้วว่าเขา “กวาดเรียบ”
แต่เส้นทาง “SUP” อันดับท็อปของปลื้มในไทยยังไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเขากำลังจะแบกความหวังของคนไทยไปพายในรายการ SUP World Championships, Balatofured 2021 ที่ประเทศฮังการี ช่วงวันที่ 9-12 กันยายน 2564 แล้วตามด้วยรายการระดับสากลอีกมากมาย จุดประกายจะพาไปรู้จักตัวตนของนักกีฬาคนนี้ และเส้นทางกว่าจะได้เป็นนัก “SUP” เบอร์ต้นของประเทศ และจะเป็นความ “ปลื้ม” ใจของคนไทยด้วย
- จุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬา “SUP”
ทีแรกผมไม่ได้เล่น “SUP” ครับ ผมเล่นฟุตบอลมาก่อน แต่บ้านผมอยู่ข้างๆ บึงตะโก้เลย ปกติก็เล่นน้ำที่บึงอยู่แล้ว เห็น SUP มานานแล้ว วันไหนว่างๆ ก็มาพายเล่นโดยที่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันเรียกว่า SUP ด้วยซ้ำ แต่มีช่วงหนึ่งที่ผมเบื่อเล่นฟุตบอลแล้ว มันไม่ค่อยสนุกแล้ว เคยไปอยู่สโมสรแล้วรู้สึกว่าเขาเก่งกันหมดเลยแต่เราไม่เก่งเท่าเขา ผมรู้สึกว่าเป็นอันดับท้ายๆ ของสโมสรเลยนะ หลังจากนั้นแค่ 1-2 อาทิตย์ ผมก็ไม่ไปอีกเลย ก็กลับมาเตะบอลของอะคาเดมีแถวๆ บ้าน จนสุดท้ายรู้สึกเบื่อแล้ว ตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปเล่นกีฬาอะไร จนได้เจอพี่อ้อม (โค้ชคนแรกของปลื้ม) ได้ชวนมาแข่ง SUP ในรายการ TIKI 1 เป็นการแข่งของบริษัท STARBOARD เลยไปเรียนกับพี่อ้อมประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้วไปแข่ง ปรากฏว่าได้แชมป์รุ่น Junior ก็รู้สึกสนุกดี เลยลองเล่นโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้
ตอน TIKI 1 ผมเพิ่งเริ่มพาย รายการนั้นยังไม่ค่อยมีคนแข่งครับ เพราะเป็นการแข่ง SUP ครั้งแรกในไทย ตอนนั้นผมแข่งรุ่นเด็กก็มีแค่ไม่กี่คน พอมี TIKI 2 ผมก็ลงแข่งรุ่น Beginner รุ่น Open แข่งกับผู้ใหญ่ ก็ได้แชมป์เหมือนกัน แต่นั่นก็เพราะช่วงนั้นผมก็เริ่มซ้อมแล้วนะครับ
- ทำไมถึงตัดสินใจไปแข่งกับผู้ใหญ่ในรุ่น Open
ผมคิดว่าเราน่าจะไปแข่ง Open ได้ เพราะตอนนั้นก็เป็น Open แบบ Beginner ไม่ใช่ว่าเป็นพวกโปร เพราะตอนนั้นผมเริ่มสนใจ “SUP” ในรูปแบบกีฬา พอจะมีแข่งเราก็ซ้อม ซ้อมเกือบทุกวัน ช่วงแรกๆ ก็ซ้อมแต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องพายไกลหรือทำเวลาเท่านั้นเท่านี้ ก็แค่พายให้ถูกวิธีอย่างเดียวเลย ให้คุ้นเคยกับกีฬานี้หน่อย แค่นั้นเองครับ
- เริ่มกวาดรางวัล คิดหรือยังว่าจะต้องไปให้ไกลกว่านี้
ผมคิดแค่ว่าพายไปเรื่อยๆ ครับ ไปทีละสเตปๆ ไม่ได้คิดเรื่องการเป็นทีมชาติเลย เพราะตอนนั้นกีฬา “SUP” ยังไม่มีทีมชาติเลยครับ ไม่ได้คิดจะเป็นโปรด้วยครับ เพียงแค่เราไม่คิดว่ามันคือแค่การออกกำลังกาย เราคิดว่ามันคือกีฬาเลย
- จากกีฬาฟุตบอลที่มีโอกาสเป็นอาชีพได้ กับการเป็นนักกีฬา “SUP” ที่ยังไม่แมสด้วยซ้ำ ไม่เสียดายโอกาสนั้นหรือ
ไม่เสียดายครับ ที่เสียดายก็คือเสียดายเวลาซ้อมฟุตบอลที่เคยไปฝึกมา แต่ก็ช่ามันครับ ผ่านไปแล้ว สำหรับผมฟุตบอลมันยาก มันแมส คนเล่นเยอะ แล้วฟุตบอลต้องเล่นเป็นทีม ถ้าเล่นดีคนเดียว ทีมก็ไม่ชนะ มันไม่ได้อยู่แค่ตัวเรา พอเป็น “SUP” ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราอย่างเดียวแล้ว และผมเลือกมาเล่นกีฬานี้แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เรื่องเป็นอาชีพได้ไหม ผมอยู่ตรงนี้ก็เห็นพวกโปรหลายคน มันก็คือกีฬา และต่อไปก็อาจเป็นหนึ่งในกีฬาที่ฮิตในไทยก็ได้ ผมว่าเป็นอาชีพได้อยู่แล้วครับ เพราะตอนนี้ก็มีสินค้าและแบรนด์ผลิตภัณฑ์หลายรายที่สนับสนุนกีฬาประเภทนี้อยู่
- เป็นไรเดอร์คนไทยคนแรกของ STARBOARD อยู่ด้วยใช่ไหม
ใช่ครับ ตอนนี้ผมเป็นไรเดอร์ของ STARBOARD เซ็นสัญญาไปแล้ว ผมพายอยู่ที่บึงตะโก้ แล้ว STARBOARD ตั้งออฟฟิศอยู่ที่นี่ เขาคงเห็นแหละครับว่าเราซ้อม เราไปแข่ง ได้รางวัล เขาไม่ได้บอกเหตุผลที่เลือกผม แต่ตอนนั้นที่เซ็นสัญญา ผมก็เริ่มมีรางวัลจริงๆ จังๆ แล้ว
- กำลังจะไปแข่ง “SUP” ระดับโลก?
ใช่ครับ เป็นงาน World Championship เลยครับ ชื่อว่า SUP World Championships, Balatofured 2021 ที่ฮังการี เป็นการชิงแชมป์โลก ตอนแรกที่บ้านวางแผนไว้แล้วว่าจะออกไปแข่ง แต่ไม่ใช่รายการใหญ่ขนาดนี้ เป็นแค่รายการแข่งของต่างประเทศเฉยๆ แล้วดันมีโควิด-19 เลยไม่ได้ไป นี่จะเป็นรายการแรกหลังจากเริ่มมีโควิด-19 ของต่างประเทศเลยครับ เปิดมาก็เป็น World Championship เลย แล้วเราก็เตรียมตัวมาประมาณหนึ่งปีเต็ม เพราะรายการอื่นๆ ก็เลื่อนออกไปหมด ทั้ง Asian Beach Game และมี Asian Youth Game ที่ประเทศจีนที่ไม่ได้เลื่อน แต่อยู่หลังจากแข่งที่ฮังการี
- การจะได้ไปแข่งงานพวกนี้ต้อง Qualify หรือเปล่า
สำหรับงานที่ฮังการี ปีนี้เขาเปิดเป็น Open แต่ Asian Youth Game ต้องเป็นทางสมาคมฯ ส่งไป เพราะไปในนามทีมชาติไทย ซึ่งนักกีฬา “SUP” ทีมชาติไทยก็มีไม่เยอะครับ ประมาณ 6 คน รุ่นของผมคือ Junior อายุไม่เกิน 18 ปี มี 2 คน ในรายการ Asian Youth Game ผมแข่งในนามทีมชาติที่เป็น Junior แต่ Asian Beach Game ผมแข่งกับผู้ใหญ่เลยครับ เหมือนเป็นทีมชาติชุดใหญ่
- การเตรียมตัวเพื่อไประดับโลก?
จริงๆ ผมโฟกัสรายการ World Championship มาตั้งแต่ก่อนแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยที่ภูเก็ตแล้ว พอแข่งจบเราได้แชมป์ประเทศไทยรุ่น Open และรุ่น Junior ก็มาโฟกัสรายการนี้เลย ก็ทำมาเรื่อยๆ ตลอด
- คาดหวังแค่ไหนกับรายการ World Championship
ก็คาดหวังแหละครับ เราไปแข่งแล้ว ทุกคนก็คาดหวังกันหมด เราก็ทำเต็มที่แหละครับ ถ้าเราซ้อมมาเต็มที่ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ผมเองก็ซ้อมเต็มที่มาตลอด ถ้าเทียบกับแข่งครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ซ้อมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ตอน TIKI 1 กับ TIKI 2 เราซ้อมแค่พายถูกวิธี วันละ 1-2 ชั่วโมง แต่พอเป็นนักกีฬา อย่างตอนนี้มีโปรแกรมเลยว่าวันนี้เราซ้อมพายแบบนี้นะ วันนี้ซ้อมเลี้ยวนะ ตอนเช้าวิ่ง ตอนบ่ายพาย อะไรทำนองนี้ครับ สัปดาห์หนึ่งจะหยุดแค่ 1 วัน ที่เหลือซ้อมตลอดเลย
- วันที่หยุด ทำอะไร
ก็ไม่ได้ทำอะไรครับ วันไหนมีแรงหน่อยก็ไถสเก็ตเล่น มาพายเล่น หรือไม่ก็เล่นเวคบอร์ด แต่ช่วงนี้โค้ชสั่งงดเล่นสเก็ตครับ เพราะกลัวเรื่องการบาดเจ็บ
- สถิติที่ดีที่สุดตอนนี้เป็นอย่างไร
ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ใช้บอร์ดแบบสูบลม (Inflatable SUP Board) สถิติจะไม่ดีเท่าตอนใช้บอร์ดแข็ง (Hard Board) เพราะตอนที่แข่งในไทยจะใช้ Hard Board ส่วนการแข่งรุ่น Junior ของงานที่ฮังการีบังคับให้ใช้แบบสูบลมความยาว 12.6 ฟุตความกว้างไม่จำกัดครับ เวลาจึงช้ากว่า ตอนนี้ระยะ 12 กิโลเมตรก็ได้ 1 ชั่วโมง 21 นาที ถ้าเทียบเป็น Pace ตอนผมพาย Hard Board จะอยู่ที่ Pace 6 ถึง 6 ต้นๆ แต่พอเปลี่ยนมาใช้บอร์ดลมช่วงแรกๆ ก็อยู่ที่ Pace 7 ถึง 7 ครึ่งเลย ตอนนี้ก็ลดมาได้เรื่อยๆ จนถึง 6 ปลายๆ ครับ
- ทำไมไม่ลง Open
มันเป็นรายการชิงแชมป์โลก เอาที่เราพอสู้ไหวดีกว่าครับ เพราะที่นั่นจะมีแต่ไรเดอร์ระดับท็อปของโลก ถ้ามีเป็น Ranking 1-10 ของโลกไปแข่งรายการนี้
- คิดว่าตัวเองสู้กับไรเดอร์รุ่นเดียวกันในระดับโลกได้ไหม
สู้ได้ครับ เพราะเราดูจากตัวเลขสถิติของแต่ละคน แปลว่าครั้งนี้ผมก็มีลุ้นครับ
- ทุ่มเทกับ “SUP” ขนาดนี้ รู้สึกว่าชีวิตวัยรุ่นหายไปไหม
ชีวิตวัยรุ่นของผมก็ไม่ได้หายไปนะครับ เพราะวันหนึ่งก็ซ้อมอย่างมาก 3 ชั่วโมง แป๊บเดียว บางวันก็ไม่นาน วันหยุดตอนไม่มีโควิดก็ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน เหมือนเด็กปกติ แต่ก็อาจจะเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อยเพราะต้องซ้อม มีเบื่อบ้างที่ต้องทำโปรแกรมเดิมๆ อีกแล้ว แต่ก็ต้องทำครับเพราะมันคือหน้าที่ของนักกีฬา เรามีหน้าที่ซ้อมและแข่ง ถ้าทุกคนทนความเบื่อแบบผมได้ก็ทำได้เหมือนผมหมดแหละครับ (หัวเราะ)
- โตขึ้นอยากเป็นอะไร ถ้าไม่ต้องยึดติดกับเรื่อง “SUP”
อยากเล่นกีฬานะครับ ผมก็อยากเป็นนักกีฬาอยู่ดี ส่วนประเภทกีฬาก็โซนๆ นี้แหละครับ สเก็ตบอร์ด, เซิร์ฟ, เวคบอร์ด หรือ SUP แต่พอจะเป็นอาชีพ ผมก็ต้องเต็มที่ขึ้นมากกว่านี้ครับ
- คนที่อยากเป็นแบบปลื้ม ต้องทำอย่างไร
ซ้อมครับ ซ้อม ซ้อม ขยันซ้อม อยู่กับสิ่งที่เรารัก เดี๋ยวมันก็ตอบรับเราเอง ถ้าเราพยายามเดี๋ยวก็ประสบความสำเร็จเอง
- มองวงการ “SUP” ปัจจุบันเป็นอย่างไร
ตั้งแต่ประมาณ 2 ปีที่แล้วที่ผมเริ่มเล่น ยังไม่มีใครรู้จักเลยว่ามันคืออะไร ตอนนี้ก็มีคนรู้จักกันเยอะแล้ว โรงแรมติดทะเลส่วนมากก็ต้องมี SUP บริการลูกค้ากันหมด และพวกร้าน SUP ก็เต็มไปหมดเลย ซึ่งก็ถือว่าดีครับ คนไทยจะได้รู้จักและมาเล่นกันเยอะๆ
- เสน่ห์ของ “SUP” คืออะไร
ผมว่ามันคือกีฬา Extreme ประเภทหนึ่ง ถึงแม้ในไทยจะดูเป็นการพายเที่ยว อาจจะเพราะสนามในไทยไม่ Extreme เท่าในต่างประเทศ คลื่นในประเทศไทยอย่างฝั่งพัทยา ชลบุรี คลื่นมันก็ไม่ได้ใหญ่ แต่ต่างประเทศมัน 6 ฟุต 7 ฟุต คือเป็นคลื่นไว้เซิร์ฟกันเลย
- พัฒนามาได้ไกลและไวมาก คิดว่าเป็นเพราะพรสวรรค์หรือเปล่า
ไม่แน่ใจครับ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จยังไงก็ต้องเพราะพรแสวงนะครับ เพราะถ้ามีแค่พรสวรรค์แล้วไม่ซ้อม ก็เหมือนไม่มีหรอกครับ