คำต่อคำ! 'ฝน ธนสุนธร' ถูกแฟนเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน
คำต่อคำ! "ฝน ธนสุนธร" ถูกแฟนที่ดูแลกันมานานกว่า 20 ปี เซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน กลางรายการ "วู้ดดี้โชว์"
นักร้องสาวเสียงหวาน "ฝน ธนสุนธร" ที่มาพร้อมกับหวานใจ "เอ อุไรมนัส" หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ว่าดูแลใจกันนานถึง 20 ปี จนสามารถลบคำสบประมาทได้ และสัปดาห์นี้ทุกคนได้เฮลั่นจอกันเลยทีเดียว เมื่อ "เอ อุไรมนัส" ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานกลางรายการ ทำเอา "ฝน ธนสุนธร" ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความตื้นตันใจ ผ่าน รายการ "วู้ดดี้ โชว์" (WOODY SHOW) เย็นวานนี้ ทางช่อง 7HD
ทั้งคู่เจอกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ไหนครับ
เอ อุไรมนัส : จริงๆ แล้วเอเจอเขาตามงานร้องเพลง เมื่อก่อนเอเป็นแดนเซอร์ ก็แค่มองๆ ชอบเสียงเขา ชอบความน่ารัก ร้องเพลงเพราะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่เคียงข้างกัน พอเขาเปิดโอกาสให้ก็ได้คบกัน
ทำไมตอนแรกถึงตัดสินใจไม่เปิดเผย
ฝน ธนสุนธร : อาจเป็นเพราะเราก็ยังไม่มั่นใจในตัวเราเองว่า จริงไหม ใช่ไหม เพราะตอนแรกเลยที่เราเปิดใจคบเขา เราไม่ได้จะคบ เราจะให้เขามาเป็นไม้กันหมาให้เราจากผู้ชายหลายๆ คนที่เข้ามา เป็นสิบคนเราก็รู้สึกว่าคนนี้ก็ไม่ใช่ คนนั้นก็ไม่ใช่ แล้วจะทำยังไงดีที่ไม่ต้องมานั่งบอกว่าไม่ ก็เลยดึงเอมาคบกันมาอยู่ใกล้ๆ ให้คนเห็นเขาจะได้แตกออกไป แล้วผู้ชายทั้งหมดก็หายไปจริงๆ เราก็โอเคสบายใจแล้ว อ้าวแต่คนนี้ยังอยู่
รู้มาก่อนไหมว่าเขาคบกับเราให้เป็นไม้กันหมา
เอ อุไรมนัส : ตอนแรกก็ไม่รู้ค่ะ ตอนออกมาเปิดใจก็พึ่งรู้ค่ะ
ฝน ธนสุนธร : เราก็บอกเขาตรงๆว่า ที่แบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับเรา แต่สรุปแล้วพอเขาดูแลเรามาเรื่อยๆ เราก็เลยรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันต้องการอะไร ความรักจากใครที่ให้เรามา เราต้องการแบบไหนความรัก ซึ่งเขาก็ทำให้เราได้หมดทุกอย่าง แล้วเราจะต้องการสิ่งไหนอีก ในเมื่อเขาก็ดูแลเราได้ แล้วเราก็ทำมาหากินได้ ไม่ต้องไปหวังว่าหาแฟนรวยๆ เพื่อที่จะเลี้ยงเรามาดูแลเรา แต่หาแฟนรวยๆ แล้วเขาไปมีกิ๊กเราก็เจ็บปวดใจอีก แต่นี่เราช่วยกันทำมาหากิน แล้วเขาไม่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ ก็เลยถามตัวเองว่าแล้วคุณจะยังอยากได้อะไรอีก
ตอนที่เปิดตัวมีดราม่าเยอะมาก มีคำพูดอะไรทำให้เรารู้สึกเสียใจ
เอ อุไรมนัส : คบกับเราแล้วเสียดายของค่ะ เหมือนกับว่าเราสบายเนอะมาเกาะเขากินไม่ต้องทำงาน ทั้งๆที่เขาไม่รู้หรอกว่าเราทำยิ่งกว่าอะไรอีก เขาไม่ต้องจ้างคนขับรถ ไม่ต้องจ้างแม่บ้าน ไม่ต้องจ้างอะไรสักอย่างเลย ในคอนเสิร์ตแม้แต่แดนเซอร์ก็ไม่ต้องจ้าง
ฝน ธนสุนธร : คุ้มแสนคุ้ม เสียดายอะไร เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายด้วย จะบอกเลยนะคะว่าพวกเราแบบนี้แหล่ะ หรือว่าสาวประเภทสองก็ตาม คนเหล่านี้แหล่ะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่จะบอกให้ เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าเราผิดแปลก ผิดปกติ เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้สังคม
ฝน ธนสุนธร : เพราะว่าเป็นก่อนหน้านี้สังคมยังไม่ยอมรับ พอไม่ยอมรับ เราก็จะไม่พูด เราก็จะอยู่ในที่ของเรา ถามว่าเราดูแลกันมายังไง ก็เป็นมาแบบนี้เกือบ 20 ปี แล้ว แต่ที่ยังไม่พูดเพราะสังคมยังไม่ให้โอกาสเรา และสังคมยังคาดหวังกับเราอยู่ว่า เราจะต้องแบบยังงั้นยังงี้เหมือนที่เขาอยากจะให้เป็น พอไม่เป็นแบบนั้นเขาก็จะผิดหวัง จะไม่เป็นที่นิยม จะเลิกติดตาม แต่ตอนนี้ทุกคนเข้ามาคู่นี้น่ารักอ่ะ ชอบคู่นี้ หลายๆ คนบอกว่าคู่นี้เป็นไอดอลให้กับเขา บางคนก็บอกว่าขอบคุณมากเลยตอนนี้พ่อกับแม่ยอมรับเขาแล้ว
มีแพลนจะแต่งงานกันเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ต้องล้มโครงการเพราะโควิด
เอ อุไรมนัส : ตอนสิ้นปีได้จัดเลี้ยงปีใหม่ เราก็คุยกันโดนยุกันว่า 29 มี.ค. จะเป็นวันครบรอบ 18 ปีเต็มที่ผ่านมา งั้นครบรอบปีนี้จะพิเศษหน่อยเดี๋ยวเราจะจัดงานแต่งงานเล็กๆ ในกลุ่มเพื่อน จัดกันเองแบบส่วนตัว แต่พอมาเกิดช่วงนี้ขึ้นก็ล้มเลิกไปก่อนเนอะ ด้วยเศรษฐกิจและอะไรหลายๆ อย่าง
ฝน ธนสุนธร : แล้วอีกอย่างเราก็แค่จัดกันแบบเป็นพิธีของเราเล็กๆ เพราะยังไม่สามารถจดทะเบียนได้
น่ารักมากจะจัดแบบริมทะเลแบบนี้ใช่ไหม ?
ฝน ธนสุนธร : ใช่ค่ะ ใช่ชุดพริ้วๆ อะไรแบบนี้
โควิดทำให้เราเห็นได้เลยว่าชีวิตเปลี่ยนไป เรื่องงบประมาณก็สำคัญเพราะรายได้ของทุกคนลดลง อยากให้แชร์ให้ฟังหน่อยครับว่ามุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ฝน ธนสุนธร : จริงๆ แล้วถามว่าค่าใช้จ่าย คือมัน 100% เต็ม ค่าบ้าน ค่ารถ ภาษี เราก็ต้องส่งตลอด แต่รายรับมันไม่มี เพราะฉะนั้นเราต้องดิ้นรน ต้องหาหนทางอะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ที่จะเอาเงินงบจัดงานแต่งงานแบบเล่นๆ เป็นกิมมิคเพื่อความสุขความสบายใจของเราก็ต้องล้มเลิกเพื่อที่จะเอาเงินนี้มาจุนเจือให้เราอยู่ได้ เพราะฝนเชื่อว่าทุกคนก็เจอวิกฤตเหมือนกัน เราก็จะต้องเป็นตัวอย่างให้เขา ต้องอยู่ให้ได้ ยืนด้วยลำแข้ง ประหยัดให้มากที่สุด ทำอะไรได้ก็ทำเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องเอา อย่างเช่นตอนนี้ฝนทำน้ำแปดเซียนขาย เรามองว่าคนที่เป็นดาราก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะลงมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้รู้คุณค่าของเงินมากๆ
สมมุติตัดเรื่องเงินออกไปยังจะอยากแต่งงานอยู่ไหม
ฝน ธนสุนธร : จริงๆ ในความรู้สึกของฝนการแต่งงานมันไม่ใช่บทสรุป ในส่วนของเราคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่มันสำคัญสำหรับเขา เราก็มองว่าอะไรที่ทำให้เขามีความสุขได้ เขาจะชอบถามฝนเสมอว่า รักเขาไหม? แล้วเราไม่เคยพูดเราไม่เคยตอบ เพราะเรารู้สึกว่าแค่คำพูดมันไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรหรอก แต่เราก็รู้ว่าเขาอยากได้ยิน เขาก็อยากทำอะไรให้มันเป็นรูปธรรม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดเลย แล้วเขาจะมานั่งร้องไห้ว่าพี่ฝนตกลงเขาคือตัวอะไรในชีวิตพี่ฝนอะไรแบบนี้ เราก็เลยบอกว่าโอเคถ้าวันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเรื่องอะไร เราก็อยากจะจัด เพื่อที่จะให้เขามีความสุข ถามว่าเรามีความสุขไหมก็มีความสุข แต่อยากให้เขามีความสุขมากกว่า
เอ อุไรมนัส : ยังอยากแต่งอยู่ค่ะ (คุกเข่า หยิบแหวน) ก็ไม่มีอะไรมากมากมายค่ะ อยากอยู่ดูแลพี่ฝนตลอดไป แล้วก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ รักยังไงก็รักอย่างงั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่งงานกันนะ
ฝน ธนสุนธร : ขอบคุณค่ะ (น้ำตาไหล) แต่งค่ะ
ถามความรู้สึกหน่อยเป็นไงบ้าง
ฝน ธนสุนธร : ตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้า มันก็เป็นความไฝ่ฝันของผู้หญิง ถึงแม้ว่าเราจะมองว่ามันไม่ใช่บทสรุป แต่มันก็เป็นอะไรที่ชื่นใจ จริงๆ ก็อยากให้พ่อกับแม่ได้เห็นด้วย แต่พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว แต่พ่อกับแม่คงเห็นว่าเอดูแลพี่ฝน ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอบคุณพี่วู้ดดี้มากๆ นะคะ
เอ อุไรมนัส : ขอบคุณค่ะ ฝันที่เป็นจริง
เรื่องลูกมีแพลนว่ายังไง
ฝน ธนสุนธร : จริงๆ คุยกันสนุกๆ มากกว่าค่ะ ถ้าฝนมีลูกจะต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ เลย เพราะแม่ก็คงจะห่วงลูกทุกๆ ฝีก้าวในยุคนี้ อันนั้นอันนี้ก็คงไม่ได้ เราคงเป็นแม่ประเภทนั้นแน่ๆ แล้วก็เคยคุยกับนักร้องท่านหนึ่ง แล้วเขาบอกว่าเขายินดีไปรูดการ์ดให้นะ ก็คือเขายินดีที่จะบริจาคเชื้อ เขาให้คำนี้จริงๆ พี่วู้ดดี้ ให้ฉีดเข้าที่เอนะ เพราะฝนท้องไม่ได้ต้องทำงานให้ท้องแทนเพราะอายุน้อยกว่าอันนี้คือคุยกันเล่นๆ นะคะ ซึ่งเขาคือ พี่เท่ห์-อุเทน พรหมมินทร์
เรื่องของอนาคตวางแผนไว้ว่ายังไง แต่งงานกันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ
ฝน ธนสุนธร : คือมันเป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มี บอกตรงๆ ว่าเราก็เป็นห่วงเขา เพราะว่าคือเราทำงาน 18 ปี ที่เราคบกันมาคือเราทำงานด้วยกัน หาเงินด้วยกัน อะไรด้วยกัน เพราะฉะนั้นทรัพย์สมบัติคือเราไม่ได้หาคนเดียว เขามีส่วนร่วมช่วยกับเรา แต่ว่าพอไม่มีกฎหมายตรงนี้รองรับเราก็มองว่าเรารู้วันเกิดแต่เราไม่รู้วันตาย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเราแล้วเขาจะเหลืออะไร ทั้งๆ เป็นคู่ชีวิตที่ช่วยหากันมา ถ้าไม่มีกฎหมายอะไรรองรับขณะนั้นก็คิดเหมือนกันค่ะ ว่าจะเขียนพินัยกรรมยกให้กับเขา แต่ก็กลัวอีกว่าจะมีปัญหาอะไรมั้ยเพราะคนละนามสกุลกัน ก็เลยมองว่าเราจะเซ็นให้เขาเป็นน้องบุญธรรมเพื่อที่จะนามสกุลเดียวกันกับเรา เขาจะได้ไปบริหารจัดการอะไรได้ มีหนทางนี้แค่หนทางเดียว