คู่ฟัดดารากับเกรียนคีย์บอร์ด กรณีฟ้องร้องจากสื่อออนไลน์

คู่ฟัดดารากับเกรียนคีย์บอร์ด  กรณีฟ้องร้องจากสื่อออนไลน์

วิวาทะระหว่าง"อ๋อม สกาวใจ"กับเกรียนคีย์บอร์ด และ“เจนนิเฟอร์ คิ้้ม”กับแฟนคลับ ดุเดือดถึงขั้นแจ้งความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมาย   

วาทะร้อนๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งดาราหรือเกรียนคีย์บอร์ด ก็ไม่มีการลดราวาศอก และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับยอดไลค์ของดาราหลายคน เมื่อเกิดการฟาดฟันกับแฟนคลับ ถูกเกรียนคีย์บอร์ดด่าหยาบคายลามปาม และดาราบางคนก็ไม่เบาในเรื่องการใช้ภาษาโต้ตอบ จนเป็นที่มาของการฟ้องร้อง...

เช่นกรณีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 สกาวใจ พูนสวัสดิ์ หรือ อ๋อม สกาวใจ วัย 45 ปี ดารานักแสดงและพิธีกรชื่อดัง เดินทางมาพร้อมกับ วิเชียร ชุบไธสง ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 และ พ.ต.อ.นันทภูมิ รุ่งเรือง ผกก.สน.ร่มเกล้า เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ใส่ความทางสื่อออนไลน์ โดยเตรียมเอกสารหลักฐานมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย 163082017732

อ่อม สกาวใจ ขณะแจ้งความเอาผิดเกรียนคีย์บอร์ด  Cr.oomsakaojai

โดยเฉพาะเกรียนคีย์บอร์ดขาหื่นรายหนึ่ง ที่มีประวัติขอซื้อชุดชั้นใน กางเกงใน และขนเพชร จากดาราทั่ววงการบันเทิง แล้วยังอ้างตัวว่าเป็นบุคคลใหญ่โต ท้าให้ฟ้องกลับ โดย อ๋อม สกาวใจ กล่าวถึงเหตุผลที่มาในวันนั้นว่า

วันนี้มาแจ้งความเรื่องเกรียนคีย์บอร์ดที่เขาเข้ามาพูดจาไม่ดี หยาบคาย ท้าทายต่างๆ นานา จริงๆ เราก็เก็บหลักฐานรวบรวมข้อมูลมาสักระยะแล้ว ส่งให้พี่ทนายเรียบร้อยแล้ว คนไหนที่เราฟ้องได้ ก็ฟ้องแล้วก็แจ้งความค่ะ

ถูกถล่มเยอะ แต่ฟ้อง 4 รายนี้ เพราะแรงมาก พูดจาในลักษณะรุกล้ำเรื่องส่วนตัวมากเกินไป แล้วครอบครัวเราก็รู้สึกว่ามันแรงมาก แต่มีรายย่อยอื่นๆ อีกด้วย แต่ว่าขั้นต่ำคือ 4 คนแน่ๆ ค่ะ

คือจริงๆ แล้วเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้นะ แต่ถ้าพูดด้วยอารมณ์ที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันคือหมิ่นประมาท แล้วที่สำคัญที่เราต้องมาแจ้งความ คือเขามีการท้าทายเรามา พูดว่าตำรวจจับเขาไม่ได้ด้วย ท่านรัฐมนตรีก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ด้วย ก็รู้สึกว่าเราอยากจะเจอเขาเหมือนกัน ว่าเป็นคนใหญ่คนโตจากไหน”

  • ความขัดแย้งการเมือง คือ สาเหตุ

จากที่ผ่านมา หลายรายในโลกโซเชียลที่มีความขัดแย้งกัน มักมีมูลเหตุมาจากเรื่องทางการเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ กรณีของ อ๋อม สกาวใจ ก็เป็นเช่นนั้น

เริ่มแรก ตั้งแต่ที่อ๋อมออกมา Call Out การทำงานของรัฐบาล ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา มันก็จะมีพวกที่เข้ามา ทั้งเห็นต่าง และไม่เห็นด้วย มีมาเรื่อยๆ แต่ว่าอันไหนที่รู้สึกว่ามันเยอะเกินไป ก็เลยเอ๊ะ…มันไม่ใช่แล้ว เพราะเราไม่ได้พูดถึงใคร เราพูดถึงการทำงานในตอนนี้ ว่ามันเกิดปัญหาอะไร แล้วมันจะแก้ไขยังไง เหมือนสอบถามว่าเมื่อไหร่จะแก้ แต่ถ้าเกิดว่าเข้ามาแล้วมาด่าเรื่องส่วนตัว มาด่าพ่อล่อแม่ มาด่าสามีเรา มาพูดถึงเรื่องครอบครัวเรา อันนี้มันไม่ใช่แล้ว”

อ๋อม กล่าวต่อว่า คำรุนแรงที่ถูกกล่าวหา มีตั้งแต่ ...กะหรี่ เป็นโสเภณี สามีค้ายาเสพติด ...

เราก็เฮ้ย…เกินไปละอันนี้ เราไม่ได้ไปทำอะไรใคร เราไม่เคยรู้จักคนพวกนี้มาก่อน ไม่เคยมีปัญหากับคนพวกนี้มาก่อน ตั้งแต่อยู่ในวงการ ก็จับประเด็นได้ว่าการที่เรามาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องการเมือง มาบอกถึงปัญหา น่าจะเป็นจุดที่ทำให้คนพวกนี้ เขาไม่ค่อยพอใจเรา แล้วมีข่มขู่ว่าจะทำให้เราแย่ แล้วก็ท้าทาย แต่ยังไม่บอกว่าจะตามมาถึงบ้าน”

163082031766

อ่อม สกาวใจ Cr.oomsakaojai

ทางด้านทนายความกล่าวว่า ที่มาวันนี้ มาใช้สิทธิทางกฎหมาย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ว่าต้องไม่กระทบคนอื่น อ๋อม สกาวใจ ก็เสริมว่า

ก็เอาให้คุ้มกับที่เขาด่าเรา น่าจะหลักล้านอยู่แล้ว แต่จะกี่ล้าน ก็ดูว่าเขาว่าเรากี่ครั้ง คือต่อรายเป็นหลักล้านแน่ๆ อยู่แล้ว 4 ราย ส่วนใหญ่เขาไม่ได้ว่าเราแค่ครั้งเดียว เขาก็จะมาพูดเรื่อย ๆ หลายๆ ครั้ง เรียกว่าต่อเนื่อง

คุณต้องรับผิดที่มาว่าเราแบบนี้ เรารับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้น คือไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินนะ ได้มาก็จะเอาไปช่วยคนอื่นที่เดือดร้อน ก็เตรียมเงินไว้ละกัน อยากจะเห็นหน้าเหมือนกัน จะได้ไม่ไปทำกับคนอื่น อย่าไปทำนิสัยแบบนี้อีก

คนพวกนี้เขาท้าทายมาหลายครั้ง ไม่ใช่แค่อ๋อมคนเดียว คิดว่าครั้งนี้ ถ้าจับไม่ได้มันก็ไม่ใช่แล้ว เพราะมันหลายครั้งแล้วในการทำ คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้แน่นอน

ฟ้องร้องเบื้องต้นข้อหาหมิ่นประมาท ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องไปดูกันอีกทีว่าจะมีการผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยหรือเปล่า อะไรที่เข้าข่ายฟ้องหมดทุกอัน จะได้ไม่ไปทำแบบนี้กับคนอื่น”

  • ขอบเขตแค่ไหนเหมาะสม

อีกกรณีหนึ่งที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน ทำเอาแฮชแท็ก #เจนนิเฟอร์คิ้ม ติดอันดับต้น ๆ ของทวิตเตอร์ต่อเนื่องหลายวัน

หลังจากนักร้องรุ่นใหญ่ ‘เจนนิเฟอร์ คิ้ม’ ออกมาโต้ตอบกับแฟนคลับอย่างรุนแรง หลังมีผู้กระหน่ำกด Dislike ในยูทูบรายการ เจ๊คิ้ม ชิมช่วยชาติ EP.6 เจนนิเฟอร์ คิ้ม โพสต์ใน อินสตาแกรมว่า

คนๆ นั้น จะต้องขาดจิตสำนึกและความเห็นอกเห็นใจแค่ไหน!!! ถึงเข้ามากด Dislike ในรายการเจ๊คิ้มชิมช่วยชาติ ซึ่งเรากำลังช่วยพ่อค้าแม่ขายที่ลำบากไม่มีช่องทางโปรโมทให้ขายของได้...เอาเงินไปเลี้ยงพนักงาน...เลี้ยงครอบครัว!

เกลียดคนแค่คนเดียวก็ให้มันรู้จักแยกแยะมั่ง...ทุกวันนี้ทุกคนก็หากินอย่างยากลำบากพอแล้ว...อย่ามาซ้ำเติม Sponcer ในรายการเขาก็ใจดี ใจถึง...มีเรื่องอยู่เขาก็ไม่ถอน...เขาอยากช่วยพ่อค้าแม่ขาย อย่าใจร้ายกันนักเลย...”

163082038816

เจนนิเฟอร์ คิ้ม Cr.J.kim4real

ชาวเน็ต ตอบว่า

ควรแก้ไข ให้ถูกจุดนะคะ ทำแบบนี้ ไม่สามารถช่วยพ่อค้าแม่ค้าดีขึ้นค่ะ ปัญหามันคือโครงสร้างเศรษฐกิจ สูงวัยแล้วคงไม่ต้องบอกอะไรเยอะ ถ้าลืมตาดูโลกบ้าง น่าจะรู้นะคะ”

เจนนิเฟอร์ คิ้ม ตอบว่า “นี่นักร้อง ไม่ใช่นายก เข้าใจผิดรึเปล่าหนู กิน Omega นะคะ จะได้ฉลาดๆ”

ชาวเน็ต ตอบว่า “รอดิสไลค์อีพีต่อไปอยู่นะคะ”

เจนนิเฟอร์ คิ้ม ตอบว่า “ใครแคร์คะ หนู ไม่ต้องทำรายการ เงินก็เหลือใช้เยอะกว่าครอบครัวหนูอีก อย่ามัวมาเมนต์ด่าคนที่รวยแล้ว ไปทำงาน แล้วหาให้ได้สักกระผีกที่ป้ามีนะคะ”

ผลจากการโต้ตอบไปมาระหว่างกัน ทำให้ยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรม ของ j.kim4real จาก 372 K เพิ่มขึ้นเป็น 473 K โดยในอินสตาแกรมได้ปิดคอมเมนท์ไว้ ส่วนในช่องยูทูบ มีแฟนคลับคนหนึ่ง คอมเมนต์ว่า

ในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง เราเสียใจนะคะ ไม่ได้เสียใจที่คุณจะรักใครหรืออยู่ฝั่งไหน แต่เสียใจที่คุณระงับอารมณ์ไม่ได้เลย ไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีกับใครได้ทั้งนั้น

การตอบคอมเมนต์เต็มไปด้วยคำดูถูก ไม่สุภาพ เหยียดหยามผู้อื่น การที่คุณบอกว่าคุณเป็นคนตรงๆมานานแล้ว นั้นไม่ได้หมายความว่า คุณจะหยาบคายและดูถูกคนอื่นได้นะคะ”

ฯลฯ

ล่าสุด เจนนิเฟอร์ คิ้ม ได้มอบหมายให้ ตัวแทนไปฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดที่ต่อว่าเธอทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเงิน 1 ล้านบาท

ในข้อหาหมิ่นประมาท...

กรณีแบบนี้เมื่อเกิดการฟ้องร้องตามกฎหมายก็ว่ากันในชั้นศาลตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

และที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นดาราหรือใครก็ตาม ก่อนกดคีย์บอร์ดแสดงความคิดเห็น ได้สำรวจตรวจสอบความคิดตัวเองหรือยังว่า ใช้ภาษาที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย