22 กันยายน "วันคาร์ฟรีเดย์" ปีนี้ครบรอบ 21 ปี ชวนลดมลพิษให้โลก 1 วัน

22 กันยายน "วันคาร์ฟรีเดย์" ปีนี้ครบรอบ 21 ปี ชวนลดมลพิษให้โลก 1 วัน

ครบรอบ 21 ปี "วันคาร์ฟรีเดย์" ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ชวนรู้ที่มาและความสำคัญของ World Car Free Day ว่าเริ่มจัดขึ้นเมื่อไร? และหาคำตอบว่า ทำไม? ชาวโลกต้องช่วยกันลดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการใช้รถยนต์จำนวนมหาศาล

วันนี้ 22 กันยายน 2564 เป็นวันครบรอบ 21 ปี "วันคาร์ฟรีเดย์" (World Car Free Day) แต่ปีนี้วิกฤติโควิด-19 ยังไม่หายไป ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพราะต้องเว้นระยะห่างเพื่อลดการแพร่ระบาด มีคำแนะนำให้เดินทางด้วยรถส่วนตัวด้วยซ้ำ ทำให้ "วันคาร์ฟรีเดย์" ปีนี้ อาจจะไม่ตอบโจทย์สถานการณ์โลกสักเท่าไหร่

แต่หากมองถึงปัญหาภาวะโลกร้อน และเรื่องพลังงานสะอาดที่หลายประเทศให้ความสำคัญแล้ว การงดใช้รถยนต์ส่วนตัวแค่เพียง 1 วัน (เปลี่ยนมา Work From Home ลดการเดินทาง) ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้ไม่ยาก เพื่อส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนไปรู้จักความสำคัญและจุดเริ่มต้นของวันคาร์ฟรีเดย์ ย้อนกลับไปเมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา

จุดเริ่มต้นของ World Car Free Day

วันปลอดรถยนต์โลก หรือ World Car Free Day เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2543 โดยสมาคมขนส่งสิ่งแวดล้อม ซึ่งในระยะแรกกำหนดให้เป็นวันอังคารแรกของเดือนมิถุนายน แต่ต่อมามีการปรับเปลี่ยนให้เป็นวันที่ 22 กันยายน 

กิจกรรมนี้เดิมทีเริ่มขึ้นที่ประเทศเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ภายใต้งาน "car free Sundays" รณรงค์ลดใช้รถยนต์ทุกวันอาทิตย์ เป็นเวลา เกือบ 3 เดือน ต่อมาหลายชาติได้มีการรณรงค์ถนนปลอดรถกันมากขึ้นทั้ง สหรัฐอเมริกา ,ฝรั่งเศส ,สวิตเซอร์แลนด์ ,เยอรมนี ,แคนาดา ,สเปน ,เดนมาร์ก และสหราชอาณาจักร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  

 

 

มีการประชุมระดับนานาชาติในเรื่องดังกล่าวกันหลายครั้ง จนกระทั่งใน พ.ศ.2541 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของฝรั่งเศส ได้ร่วมมือกับ 34 เมืองทั่วประเทศ ถือฤกษ์วันที่ 22 กันยายน รณรงค์ภายใต้โครงการ "En ville, sans ma voiture?" (เมืองจะปลอดรถยนต์สักวันหนึ่งได้ไหม?)

ปีต่อมาวันเดียวกันนี้ ฝรั่งเศสก็ยังจัดเป็นครั้งที่ 2 ขณะที่ อิตาลี ก็เริ่มทำกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก ด้านเนเธอร์แลนด์จัดกิจกรรมในวันที่ 19 กันยายน ส่วนเบลเยี่ยม จัดในวันที่ 26 กันยายน จากนั้นในปี 2543 จึงได้มีการประกาศให้วันที่ 22 กันยายนเป็นวันคาร์ฟรีเดย์โลกขึ้น

เป้าหมายของวันคาร์ฟรีเดย์

เป้าหมายสำคัญของ "วันคาร์ฟรีเดย์" คือ กระตุ้นเตือนให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากร "น้ำมัน" ที่กำลังจะถูกใช้ไปจนหมดภายในอีกไม่กี่สิบปี อีกทั้งการลดขับขี่รถยนต์ ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศและมลพิษทางเสียงภายในเมืองใหญ่ได้ด้วย 

ตลอด 21 ปีที่ผ่านมา หลายหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ร่วมจัดกิจกรรมและเฉลิมฉลองในวันคาร์ฟรีเดย์ 22 กันยายนของทุกปี โดยมุ่งเป้าไปที่การสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้คน รณรงค์ลดการเดินทางแบบ 1 คน 1 คัน และชี้ให้เห็นประโยชน์ของการเดินทางด้วยจักรยาน การเดินเท้า การนั่งรถขนส่งสาธารณะเพื่ออนุรักษ์พลังงาน เป็นเวลา 1 วัน

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับวันคาร์ฟรีเดย์?

มีการวิจัยพบว่าการใช้รถยนต์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกในปริมาณสูงสุด อีกทั้งยังมีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางเสียง

แต่ถ้าเราใช้ระบบขนส่งสาธารณะทดแทน นอกจากจะทำให้จำนวนรถบนถนนลดลง ยังช่วยให้มลภาวะทางอากาศก็ลดลงตามไปด้วย ทั้งยังช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด ทำให้การเดินทางสะดวกสำหรับทุกคน

นอกจากนี้ หากเลือกที่จะเดินทางด้วยจักรยานหรือการเดินเท้า ไปยังจุดหมายปลายทาง ก็จะทำให้มีโอกาสเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติรอบตัวได้มากขึ้น

ที่สำคัญ วันคาร์ฟรีเดย์ยังช่วยทำให้ผู้ขับขี่ประหยัดเงินค่าน้ำมันรถและค่าบำรุงรักษา ยิ่งไปกว่านั้น คุณจะสามารถลดความเครียดได้อีกทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่รถของคุณมีแนวโน้มที่จะเสียเป็นประจำ

รู้หรือไม่? โลกเราเหลือ "น้ำมัน" ให้ใช้ได้แค่ 40 กว่าปี

มีข้อมูลจาก Worldometrs.info เว็บไซต์ที่รวบสถิติทั่วโลกแบบเรียลไทม์ จากรายงานของ Statistical Review of World Energy ของ British Petroleum และ U.S Energy Information Administration (EIA) รวมถึง BP นั้นแสดงให้เห็นว่า น้ำมันดิบของทั้งโลกมีเหลือให้ใช้อีกแค่ประมาณ 47 ปี

โดยเมื่อช่วงปี 2016 น้ำมันสำรองทั่วโลกรวมกันมีอยู่ประมาณ 1.65 ล้านล้านบาร์เรล (ปี 2021 ตัวเลขยังไม่ลดมากนัก) แม้ตัวเลขอาจจะดูเยอะ แต่ในเมื่อการบริโภคน้ำมันของคนทั่วโลกในแต่ละวันก็สูงมากเช่นกัน ก็ไม่แปลกที่จะทำให้เราผลาญน้ำมันกันหมดโลกได้เร็วขนาดนี้

สำหรับตัวเลขคราวๆ ที่บ่งชี้ถึงปริมาณน้ำมันที่พวกเราใช้เติมรถยนต์และเครื่องจักรต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็คือ 97,103,871 บาเรล์ต่อวัน หรือประมาณ 35,442,913,090 บาเรล์ต่อปี

------------------------------

อ้างอิง :  

calendarlabs.com/world-car-free-day

th.wikipedia.org/Car Free Day

innnewsworldometers.info/oil/