กินเจแล้วได้อะไร? ไขคำตอบ "กินเจ 2564" ในยุคโควิดกับซินแสนัตโตะ

กินเจแล้วได้อะไร? ไขคำตอบ "กินเจ 2564" ในยุคโควิดกับซินแสนัตโตะ

ชวนรู้ข้อปฏิบัติในเทศกาล "กินเจ 2564" ในยุคโควิด พร้อมไขข้อสงสัยว่า "กินเจ" ไปทำไม? กินแล้วได้อะไร? กินเจแล้วช่วยเรื่องไหนบ้าง? ซินแสนัตโตะมีคำตอบ เช็คที่นี่!

เจ แปลว่า การงดเว้นเพื่อความเรียบร้อยบริสุทธิ์ ดังนั้นการ "กินเจ" จึงหมายถึงการกินอาหารที่ไม่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด ก่อนจะไปอัพเดทเทศกาล "กินเจ 2564" ชวนรู้ลึกถึงความเชื่อของชาวจีนโบราณกันสักหน่อย

ว่ากันว่าการถือศีลกินเจ มักมาพร้อมกับการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมหรือการบวงสรวง โดยต้องงดเว้นของคาวและถือศีลไปพร้อมกันด้วย รวมถึงต้องสำรวมกายใจให้บริสุทธิ์สะอาด เพื่อให้เห็นว่าตนมีความศรัทธาแน่วแน่ แล้วพรนั้นจะสำเร็จผลมากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีข้อดีของการกินเจในมิติอื่นๆ ด้วย

1. "กินเจ" กินเพื่อสุขภาพก็ได้ กินเพื่อได้บุญก็ดี

หากมองในแง่สุขภาพร่างกาย การกินเจถือว่าเป็นกินอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากการงดเนื้อสัตว์ แล้วหันมารับประทานอาหารที่ปรุงด้วยผักมากๆ จะมีผลทำให้ร่างกายเป็นด่างที่มากขึ้น ช่วยต้านทานเชื้อโรคได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ทำให้ร่างกายเป็นกรดนั่นเอง

ในแต่ละปีคนเราบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่างๆ ในปริมาณเยอะมาก หากได้หยุดพักการกินเนื้อสัตว์ แล้วดีท็อกซ์กำจัดของเสียที่ตกค้างในร่างกายออกไปเสียบ้าง ก็จะทำให้ร่างกายได้ปรับสมดุล ส่งผลต่อสุขภาพดีได้อย่างมาก 

ส่วนในแง่มุมทางความเชื่อเรื่องบุญบาป การกินเจถือเป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และช่วยเกื้อกูลแก่สรรพชีวิตทั้งหลาย รวมถึงสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วย อีกทั้งยังเป็นการเพื่อขัดเกลาตนเองจากอารมณ์ขุ่นหมอง บรรเทาจิตใจที่ไม่สงบ และมุ่งสู่การมีสติในชีวิตมากขึ้น 

ซินแสนัตโตะมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเริ่มหันมาถือศีลกินเจว่า ให้เริ่มจากใจของเรา ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะลด ละ เลิกบริโภคเนื้อสัตว์ หากทำได้ เทศกาลนี้ก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีสำหรับทุกคน

 

2. ไขข้อสงสัย “กินเจ” แล้วต้องห้ามกิน “ชอ”

ในช่วงเทศกาลกินเจ มีหลายครอบครัวที่ผู้ใหญ่ในบ้านมักบอกลูกหลานเสมอว่า "เมื่อกินเจแล้ว ต้องห้ามกินชอ" โดยคำว่า "ชอ" เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า อาหารที่มีกลิ่นคาวเนื้อ ดังนั้น การห้ามกินชอในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ จึงหมายถึงการห้ามกินอาหารคาวจากเนื้อสัตว์นั่นเอง

โดยวิธีการกินเจที่ถูกต้องคือ ในวันที่ 5 ตุลาคม จะเป็นที่เริ่มล้างท้องก่อนกินเจ 1 วัน เพื่อให้ร่างกายเริ่มปรับสมดุลก่อน และหลังจากวันสุดท้ายของการกินเจ ก็จะต้องกินเจในมื้อเช้าวันที่ 15 ตุลาคมอีกหนึ่งมื้อ จึงจะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์สำหรับการถือศีลกินเจ 

3. ประวัติและที่มาประเพณี "กินเจ"

ซินแสนัตโตะเล่าว่า การกินเจเป็นการถือศีลแบบจีนโบราณ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ต่อมาเริ่มพบได้น้อยลงในจีน แต่ยังคงมีที่ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนที่ไทยถือว่าเป็นเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนามหายานตาม "คัมภีร์ปั๊กเต้าเก็ง" (ปั๊กเต้าเซียวไจเอียงสิ่วเมี่ยวเก็ง)

เทศกาลกินเจถือเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนนี้ ระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึง วันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฎิทินจีน หรือตรงกับวันที่ 6 -14 ตุลาคม 2564 ตามปฏิทินสากล

อ่านข่าว :  "กินเจ 2564" เปิดเทศกาลวันไหน? รู้หรือไม่ "กินเจ" ไม่มีในประเทศจีน

4. "กินเจ 2564" กับการถือศีลและไหว้เทพเจ้า

นอกจากการกินผัก งดเว้นการกินเนื้อสัตว์แล้ว การร่วมเทศกาลกินเจที่ถูกต้อง จะต้องถือศีลและสักการะเทพเจ้าตามความเชื่อด้วย โดยการกินเจทั้ง 9 วันนี้ ตามวัดจีนต่างๆ จะมีการจัดพิธีกรรมสักการะบูชา "กิ่วอ๊วงฮุกโจ้ว" ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรือเรียกว่า "ดาวนพพระเคราะห์ทั้ง 9" ให้ผู้คนเข้ามากราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ในพระสูตร “ ปั๊กเต้าโก้วฮุดเซียวไจเอี่ยงซิ่วเมียวเกง” ได้กล่าวถึงเทพเจ้าทั้ง 9 องค์ที่ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ จึงเรียกรวมกันว่า "กิ่วอ๊วง" (นพราชา) คือ ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ดวง ดังนี้

  • ดาวไท่เอี๊ยง คือ พระอาทิตย์
  • ดาวไท่อิม คือ พระจันทร์
  • ดาวฮ่วยแช คือ ดาวอังคาร
  • ดาวจุ้ยแช คือ ดาวพุธ
  • ดาวบั๊กแช คือ ดาวพฤหัสบดี
  • ดาวกิมแช คือ ดาวศุกร์
  • ดาวโท่วแช คือ ดาวเสาร์
  • ดาวหล่อโฮ้ว คือ พระราหู
  • ดาวโก่ยโตว คือ พระเกตุ

5. เคล็ดลับเสริมดวงช่วง "กินเจ"

ซินแสนัตโตะแนะนำให้ทั้ง 12 นักษัตร ปีชวด ฉลู ขาล เถาะ มะเมีย มะเส็ง มะโรง มะแม วอก ระกา จอ กุน ไปทำบุญลงชื่อเพิ่มแสงสว่าง จุดไฟนำทางให้กับตนเอง โดยสามารถไปทำบุญถวาย "โคมประทีปมงคล" เพื่อบูชาแก่ "องค์กิ่วอ๊วงฮุกโจ้ว" (ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9) เสริมดวงชะตา 10 วัน 10 คืน โดยทางวัดจะนำรายชื่อของเราเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมในเทศกาลถือศีลกินเจด้วย

สำหรับวัดที่จะมีการจัดพิธีกรรมนี้ ได้แก่ วัดมังกรกมลาวาส ที่จะจัดทางออนไลน์ที่เพจวัด หรือที่วัดจีน/ศาลเจ้าอื่นๆ ที่มีการจัดพิธีได้ทั่วประเทศ แล้วดวงชะตาของคุณจะเฮงแน่นอน

หากใครเดินทางไปไหว้เจ้าตามวัดจีน/ศาลเจ้าจีน ซินแสแนะนำให้ใส่ชุดขาวทั้งชุด เพื่อรับพลังความเฮงและเข้าไหว้ได้ภายในวัด (ตามสถานที่ต่างๆ จะไม่อนุญาตให้คนใส่เสื้อสีสันเข้าไหว้ด้านใน) แล้วให้เติมน้ำมันตะเกียงขวดใหญ่ๆ เสริมมงคล เปรียบเสมือนบูชาดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 และต้องคิดบวกเปลี่ยนชีวิต พูดดี คิดดี ทำดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ลดอารมณ์โกรธ หงุดหงิด โวยวาย งดคำพูดหยาบคาย 

เคล็ดลับพิเศษ คือ หลังกินเจครบวัน ให้คุณกรวดน้ำด้วยขวดลิตร เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลออกไป ดวงชะตาของคุณจะเฮงแน่นอน

6. ข้อห้ามพึงระวัง (ผักฉุนทั้ง 5)

ส่วนข้อห้าม ที่ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด เพราะมีผลกระทบต่ออารมณ์ของคนที่กินเจ และทำลาย 5 ธาตุในร่างกาย คือ ใน 1 ปี เราจึงควรลดของกินผักเหล่านี้ เปรียบเสมือน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลนั่นเอง ซึ่งผักฉุนในความหมายของการกินเจ 5 ชนิดมีดังนี้

กระเทียม/ต้นกระเทียม : ส่งผลกระทบต่อธาตุไฟของร่างกาย คือ หัวใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต ตา

หัวหอมใหญ่/ต้นหอม/ใบหอม/หอมแดง : ส่งผลกระทบต่อธาตุน้ำของร่างกาย คือ ไต หู ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธุ์

หอมปรัง/หลักเกียว : ส่งผลกระทบต่อธาตุดินในร่างกาย คือ ม้าม กล้ามเนื้อ กระเพาะ

กุยช่าย : จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกับหอมและกระเทียม ใบกุยช่ายจะไปกระทบกระเทือนต่อธาตุไม้ในร่างกาย คือ ตับ ถุงน้ำดี แขนขา เส้นเอ็น เส้นประสาท

ใบยาสูบ/บุหรี่ : รวมถึงสิ่งเสพติดมึนเมาต่างๆ เนื่องจากสิ่งเสพติดเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อธาตุทองในร่างกาย คือ ปอด ผิวหนัง ฟัน กระดูก ลำไส้ใหญ่

7. เมนูมงคลต้องกิน! เสริมดวงเทศกาลกินเจ

  • ลาบเจ = เสริมโชคลาภ
  • พะโล้เจ = ความสุข ความร่ำรวย
  • จับฉ่ายเจ = เสริมความเป็นสิริมงคล
  • หมี่ซั่วเจ = อายุยืนยาว
  • ขนมหวาน 8 เซียน = ความอุดมสมบูรณ์

ประเพณีถือศีลกินเจนั้น เป็นประเพณีที่ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตสัตว์และช่วยลดการฆ่าสัตว์ได้ส่วนหนึ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า “หนึ่งมื้อกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย”