‘โจ๊กมัลลิกา’ ข้าวถูกใจ ‘เครื่องในยอดเยี่ยม

วันนี้ “หมูหวานชวนชิม” มีร้าน “โจ๊ก” อร่อยในตำนานมานำเสนอชื่อร้าน“โจ๊กมัลลิกา” ขายมา 28 ปี ที่ปากซอยลาดพร้าว 1 ต้มข้าวได้ถูกใจ แถมเครื่องในทำดี ไม่มีกลิ่น ช่วงเช้าๆเห็นคนยืนต่อแถวยาวรอซื้อ “โจ๊ก” ช่วงสายๆ ร้านนี้เปลี่ยนเป็นขาย “ก๋วยจั๊บน้ำข้น”
เนื่องจาก “หมูหวานชวนชิม” ชอบอาหารประเภท“โจ๊ก” มากสามารถรับประทานได้ทั้งวัน และ “โจ๊ก”ในฝันต้องไม่ต้มข้าวเละเป็นแป้ง มีเม็ดข้าวพอให้ได้เคี้ยว เรียกได้ว่ามีความสมดุลระหว่างข้าวและน้ำ และ “โจ๊กมัลลิกา” ปากซอยลาดพร้าว 1
ทำ“โจ๊ก” ได้ถูกใจมากๆ เรียกได้ว่า ต้ม“ข้าวถูกใจ” แถมยังทำ “เครื่องในยอดเยียม" อีกต่างหาก เมื่อก่อนกว่าจะได้มาหม่ำ “โจ๊ก” ร้านนี้ถือว่ายากมากเพราะบ้านเราอยู่บางกะปิ กว่าจะตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัว เดินทางมาถึงร้านบางที “โจ๊ก” หมดซะแล้ว เพราะเขาเริ่มขายตั้งแต่ตี 5
เจ๊อ้วนแถลงไขต่อไปว่า “...ขายมาร่วม 30 ปีแล้ว มัลลิกานี่เป็นชื่อของแม่ เพราะว่าแม่เขาเป็นคนเริ่มต้น คิดสูตร เมื่อก่อนก็ขายอยู่ในระแวกนี้แหละ แต่เป็นรถเข็นเล็กๆ ต่อมาก็ย้ายมาอยู่ที่ตึกแถวตรงนี้
เมื่อก่อนแม่ขายเฉพาะโจ๊กหมู ใส่เครื่องใน ใส่ตับธรรมดา พอมาถึงยุคเราก็พัฒนามาเป็นโจ๊ก ไข่เค็ม โจ๊กไข่เยี่ยวม้า เห็ดหอม ปลากระพง กุ้ง รวมมิตร ซี่โครงหมู เริ่มมีเมนูใหม่ๆเพราะกลัวลูกค้าจะเบื่อ เพราะบางคนเขามากินทุกวัน ”
จารุวรรณ ไชยรัตน์ เจ้าของร้าน “โจ๊กมัลลิกา” พูดถึงเคล็ดลับความอร่อยว่าเธอเลือกวัตถุดิบอย่างดี แม้กระทั่งข้าวก็ต้องใช้ข้าวหอมมะลิแช่น้ำให้นิ่มก่อน แล้วค่อยนำมาต้ม ข้าวจึงหอมอร่อยไม่เละเหมือนบางร้านที่ข้าวแทบจะเป็นแป้งอยู่แล้ว ซึ่งแนวนั้นหมูหวานไม่ปลื้ม(ฮา)
ส่วนหมูสับเครื่องเคราสำคัญอีกอย่างของโจ๊ก เขาเลือกเนื้อหมูส่วนสะโพกอย่างดี บดแล้วคลุกเคล้ากับ พริกไทย ซีอิ๊วขาว เกลือป่น ปั้นเป็นลูกชิ้นก้อนกลมใส่ลงไปในข้าวต้มเละที่เรียกว่า “โจ๊ก” จึงเป็นที่มาของ “ข้าวถูกใจ” “เครื่องในยอดเยี่ยม”
ช่วงโควิด-19 ทั้ง"โจ๊ก" และ "ก๋วยจั๊บ" เสิร์ฟในถ้วยกระดาษใช้แล้วทิ้งเพื่อความปลอดภัย
“หมูหวานชวนชิม” ชอบแปะก้วยอยู่แล้วเป็นทุน ก็เลยสั่ง “โจ๊กหมู ใส่ไข่ ใส่แปะก้วย” เป็นการเพิ่มสีสันที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนการ เจ๊อ้วนกล่าวว่า คนส่วนมากคนนิยมรับประทาน “โจ๊ก” แบบออริจินัล ก็คือ “โจ๊กหมู” ใส่ “เครื่องใน” ธรรมดาๆนั่นเอง
ร้าน “โจ๊กมัลลิกา” รสชาติเข้มข้นสูตรของคุณแม่ที่ขายคู่กับ “โจ๊ก” มาตั้งแต่สมัยอดีต เครื่องก๋วยจั๊บมีทั้งเครื่องใน ไส้ ลิ้นหมู หัวใจ ตับ ไข่พะโล้ เต้าหู้ เลือดหมู หมูกรอบ ครบครัน
ขอบอกว่า “หมูกรอบ” เจ๊อ้วน อร่อยมาก แต่ใครที่ชอบหมูกรอบโปรดระวังไว้ด้วยนะ เพราะเดี๋ยวน้ำหนักจะเพิ่มไม่รู้ตัว(ฮา) ส่วนเส้นก๋วยจั๊บนั้นเป็นแบบเหนียวหนึบม้วนตัวกำลังดี แบบนี้หมูหวานก็ปลื้ม
"เจ๊อ้วน" อธิบายว่าทำเหมือนทานเองในครอบครัวเพราะอาหารทุกอย่างคนในครอบครัวก็ต้องรับประทานด้วยอยู่แล้ว แม้แต่น้ำที่เสิร์ฟในร้านอย่าง น้ำเก๊กฮวย น้ำกระเจี๊ยบ น้ำลำไย น้ำใบบัวบก เจ๊อ้วนก็ทำเองหมดทุกอย่างเลยจ้า
เป็นข้าวที่ผสมน้ำจำนวนมาก พอถึงสมัยราชวงศ์ชิง จักรพรรดิ หย่งเจิ้น (ค.ศ.1722-1735) เกิดภัยแล้งหนักมาก มีการแจกจ่าย “โจ๊ก” ให้กับประชาชน ทว่ามีการคอรัปชั่นเกิดขึ้นโดยใส่น้ำลงไปมากมายจนไม่เห็นข้าว
เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบจึงมีบัญญัติออกมาว่าการต้ม “โจ๊ก” นั้นต้องมีความข้นของข้าวและน้ำจนกระทั่งเอาตะเกียบปักลงไปแล้วตะเกียบนั้นไม่ล้มลงมานะจ๊ะ ก็เลยกลายเป็น "โจ๊ก"ข้าวข้นๆแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน
โดยใช้น้ำของฝนแรกในฤดูใบไม้ผลิ และน้ำจากหิมะกลางฤดูหนาว เพราะมีสรรพคุณทางยา และชาวกวางตุ้งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต้ม “โจ๊ก” กว่าชาวมณฑลอื่น ดังนั้น “โจ๊กฮ่องกง” จึงอร่อยถูกใจชาวโลกเป็นยิ่งนัก
และตอนนี้ไปฮ่องกงยังไม่สะดวก “โจ๊กมัลลิกา” ก็อร่อยถูกใจ “หมูหวานชวนชิม” เช่นกัน อ้อลืมบอกไปว่า หลังเวลา 11.00 น. เขามี “โจ๊กหมูกรอบ” ขายด้วยนะ และเดี๋ยวนี้ที่ร้าน “โจ๊กมัลลิกา” เขาขาย “โจ๊ก” และ “ก๋วยจั๊บ” ทั้งวัน ไปเวลาไหนก็ได้หม่ำ ล่าสุดหมูหวานไปตอน 12.00 น. ก็ได้หม่ำโจ๊กนะจ๊ะดีงามจริงๆ