‘ห้องสมุด มูราคามิ’ นิยาย บาร์ ดนตรีแจ๊ส ของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่

ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Murakami) เป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นในโลกปัจจุบัน การันตีด้วยผลงานการประพันธ์กว่า 30 เรื่อง เช่น Norwegian Wood (ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย) Hear the Wind Sing (สดัลบมขับขาน) The Wind-Up Bird Chronicle (บันทึกนกไขลาน) ที่ได้รับการตีพิมพ์ออกเป็นภาษาต่างๆ กว่า 50 ภาษา ซึ่งเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จในระดับโลกของเขาได้เป็นอย่างดี

 

ห้องสมุดฮารูกิ มูราคามิ (ชื่อทางการคือ The Waseda International House of Literature) ได้รับการเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยวาเซดะ วิทยาเขตกรุงโตเกียว ซึ่งสร้างห้องสมุดแห่งนี้ขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติศิษย์เก่าผู้ยิ่งใหญ่ โดยได้รับเงินสนับสนุนจาก Tadashi Yanai มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นผู้ก่อตั้ง Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo

 

นอกจากจะเป็นที่รวบรวมผลงานที่มูราคามิสร้างสรรค์เอาไว้แล้ว ห้องสมุดแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บรวบรวมบทประพันธ์ที่สร้างแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือของมูราคามิ แผ่นเสียงเพลงแจ๊สที่เขาชื่นชอบ ตลอดจนบทสัมภาษณ์ บทความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักเขียนเอกคนนี้

 

ห้องสมุดฮารูกิ มูราคามิ สร้างขึ้นในลักษณะของเวิร์คสเปซสไตล์มินิมอล ถอดแบบมาจากห้องทำงานอันเรียบง่ายของเจ้าตัว ภายในบรรจุหนังสือเอาไว้เกือบ 3,000 เล่ม รวมถึงนิยายฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกของมูราคามิหลายๆ เรื่อง หนังสือต่างประเทศที่มูราคามิแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เช่น Catcher in the Rye ของ เจ.ดี. ซาลิงเจอร์ นอกจากนี้ยังมีหนังสือคลาสสิกอย่าง ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ ของ ‘กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ’ รวมไปถึงเอกสารส่วนตัวที่มูราคามิบริจาคให้กับทางมหาวิทยาลัยด้วย

 

credit : Philip FONG AFP

 

ใครที่เป็นแฟนหนังสือของมูราคามิจะรู้ดีว่ามักจะมีดนตรีแจ๊สสอดแทรกอยู่ในนั้นด้วยเสมอ นั่นเป็นเพราะว่าหลังเรียนจบด้านวรรณคดีจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ เขาได้ไปเปิดบาร์เล็กๆ ชื่อว่า Peter Cat ในโตเกียว แล้วก็เล่นดนตรีแจ๊สอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานถึง 7 ปี ด้วยเหตุนี้เองห้องสมุดของเขาจึงมีการจัดมุมคอฟฟี่ชอป เลานจ์ ห้องฟังเพลง ตลอดจน radio studio เอาไว้เพื่อแสดงถึงความหลงใหลคลั่งไคล้ในดนตรีแจ๊สของมูราคามิ

 

ตัวไม้ที่ถูกดัดเป็นวงโค้งสวยงาม และผนังด้านหน้าอาคารสีขาวที่ตั้งตระหง่าน เป็นผลงานการออกแบบของ Kengo Kuma สถาปนิกชื่อดังที่เป็นคนออกแบบสนามกีฬาแห่งชาติโตเกียว สถานที่จัดงานโอลิมปิกฤดูร้อนที่เพิ่งผ่านไป โดยตัวตึกถูกปรับปรุงขึ้นจากอาคารเรียนเดิมของมหาวิทยาลัยที่มูราคามิเคยศึกษาอยู่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว

 

credit : Philip FONG AFP

 

มูราคามิในวัย 72 ปีเป็นผู้พานักข่าวและแขกผู้มีเกียรติเดินชมห้องสมุดแห่งนี้ด้วยตัวเองในวันเปิดตัว โดยเขาได้พูดติดตลกว่า “บอกตามตรงว่าผมอยากให้อะไรแบบนี้สร้างขึ้นหลังจากที่ผมตายไปแล้วมากกว่า แต่มันดันเสร็จก่อนตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าผมเกิดก่ออาชญากรรมขึ้นมา คงเป็นปัญหาใหญ่ของวาเซดะเลยหละ”

 

นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลกปัจจุบันยังกล่าวด้วยว่า “ผมหวังว่าห้องสมุดแห่งนี้จะเป็นฐานในการส่งต่อวัฒนธรรมใหม่ ผมอยากให้มันเป็นสถานที่ๆ นักศึกษาสามารถแชร์ไอเดียของพวกเขาได้อย่างอิสระ มากกว่าที่จะให้นักศึกษาเป็นฝ่ายรับฟังการสอนของอาจารย์เพียงด้านเดียว”

มูราคามิ ขณะพานักข่าวชมห้องสมุดของตัวเอง credit : PHILIP FONG / AFP

 

ขณะที่ Yanai แห่ง Fast Retailing ผู้ให้ทุนสร้างกล่าวว่าเขาอยากเห็นห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่ส่งออกวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปสู่โลก

 

“ผมขยายธุรกิจ Uniqlo ไปต่างประเทศ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าอิทธิพลของวัฒนธรรมญี่ปุ่นยังน้อยไปอยู่ดี แต่หนังสือของฮารูกิ มูราคามิได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไปทั่วโลก ผมจึงหวังว่าห้องสมุดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ผู้คน ทั้งชาวเอเชีย และตะวันตกมาสร้างสรรค์วัฒนธรรมร่วมกัน”

 

ด้าน Kuma สถาปนิกผู้ออกแบบห้องสมุด บอกว่า มูราคามิเป็นนักเขียนที่เขาอ่านผลงานมากที่สุด แล้วยังมีอิทธิพลในการเป็นสถาปนิกของเขามากที่สุดอีกด้วย โดย Kuma บรรยายถึงงานของมูราคามิเอาไว้ว่า “มีโครงสร้างแบบอุโมงค์ที่จะนำพาเราออกจากโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันไปยังโลกที่แตกต่าง”

 

ด้วยเหตุนี้เอง Kuma จึงอยากจะสร้างอุโมงค์เอาไว้ข้างในห้องสมุด รวมไปถึงสร้างขั้นบันไดที่ล้อมรอบด้วยวงโค้งไม้ เพื่อนำพาผู้เข้าชมไปยังโลกของมูราคามิ