ฟักทอง...วันฟักทองแห่งชาติ 26 ตุลาคม ชวนรู้ประโยชน์ของฟักทอง
“ฟักทอง” เป็นผักสีสวยกินอร่อย ชาวอเมริกันจึงตั้ง “วันฟักทองแห่งชาติ 26 ตุลาคม” เพื่อฉลองกิน “พายฟักทอง” และแข่งกันแกะสลัก แจ็ค-โอ-แลนเทิร์น ต้อนรับ “เทศกาลฮัลโลวีน” ที่กำลังจะมาถึง...
เคยมีคนเถียงกันว่า ฟักทอง (Pumpkin) ควรเป็นผักหรือผลไม้ เพราะอยู่ในจานสลัด เป็นผักเครื่องเคียงอาหารหลายชนิด และทำขนมอบเช่น พายฟักทอง เค้กฟักทอง มัฟฟิ่น บราวนี่ ทำซุป ไอศกรีม คุกกี้ อาหารไทยก็มีฟักทองอยู่หลายอย่าง ของหวานแบบไทย ๆ เช่น แกงบวดฟักทอง สังขยาฟักทอง ขนมฟักทอง ฟักทองเชื่อม น้ำฟักทอง ฟักทองนึ่งเฉย ๆ ก็กินอร่อย
ฟักทอง (ภาพ: Briana Tozour on Unsplash)
ฟักทอง เป็นพืชตระกูลฟักแฟงแตงกวา ญาติพี่น้องกับแตงโม แคนตาลูป น้ำเต้า ฯลฯ อยู่ในตระกูล Gourd (พืชจำพวกแตง ไม้เถาผลอวบน้ำ) ฝรั่งจัดให้เป็น Winter Squash เพราะออกผลดีในช่วงต้นฤดูหนาว ฟักทองมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง พบหลักฐานเมล็ดฟักทองในเม็กซิโก มีอายุ 7000 – 5500 ปี ก่อนคริสตกาล แต่ทุกวันนี้ผู้คนใน 6 ทวีป ยกเว้นแอนตาร์กติก้า ปลูกและกินฟักทอง ดังนั้นจึงเป็นผัก (และผลไม้) นานาชาติ
(ภาพ: mommypotamus.com)
ชื่อฟักทองมาจากไหน บันทึกว่าดั้งเดิมมาจากภาษากรีกว่า pepon แปลว่า large melon พอคนฝรั่งเศสไปเจอที่อเมริกาเหนือก็ดัดแปลงชื่อเป็น pompon แปลว่า gros melon คนอังกฤษเห็นก็ขอเปลี่ยนชื่ออีกเป็น pumpion เรียกไปเรียกมาแผลงเป็น pumpkin ส่วนคนไทยเรียก “ฟักทอง” ซึ่งแสดงถึงรูปลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุด
ฟักทองอบ
วันฟักทองแห่งชาติ International Pumpkin Day ตรงกับวันที่ 26 ตุลาคม ไม่ได้ระบุปีก่อตั้งแน่ชัด มารู้ตัวอีกทีชาวอเมริกันก็ฉลองกินฟักทองกันอย่าง สนุกสนาน อีกทั้งเป็นฤดูกาลฟ้าใส อากาศเริ่มหนาว ใบไม้เปลี่ยนสี และฟักทองสีสวยก็ไปอยู่ในจานอาหาร ฉลองเทศกาลวันปล่อยผี ฉลองวันขอบคุณพระเจ้า เรื่อยไป จนถึงเป็นขนมอบในเทศกาลคริสต์มาส เพราะฟักทองให้ผลผลิตมากในเดือนตุลาคม หลังจากเกษตรกรเริ่มปลูกฟักทองราวต้นปี ทุกวันนี้ชาวอเมริกันได้ชื่อว่าปลูกฟักทองมากที่สุด แหล่งปลูกมากสุดคือรัฐอิลลินอยส์ และทุกปีมีประเพณีแข่งขันกันว่าฟักทองจากฟาร์มไหน ใหญ่และหนักมากที่สุด
ตะเกียงฟักทอง (ภาพ: treehouse.com)
ฟักทองกับแจ็ค โอ แลนเทิร์น (Jack-o’-lantern) ทำไมเป็น “ตะเกียงของแจ็ค” หรือ “ตะเกียงฟักทอง” เรื่องเล่ามาจากชาวไอริชว่า Stingy Jack ฉายาของแจ็คขี้เมาขี้เหนียว นิสัยก็ไม่ดี และไม่กลัวผีถึงขนาดไปหลอกเอาเงินจากปีศาจ พอแจ็คตายเนื่องจากเป็นคนไม่ดี พระเจ้าจึงไม่ให้เขาขึ้นสวรรค์ ปีศาจที่ถูกแจ็คหลอกก็ไม่ให้ลงนรก แจ็คจึงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปตามหมู่บ้าน ชาวไอริชกลัวแจ็คมาหลอกจึงแกะสลักหัวผักกาด (turnip) เป็นหน้าปีศาจเพื่อขับไล่แจ็ค เรื่องเล่ายังมีต่อว่า เมื่อแจ็ครู้ตัวว่าเขาใกล้จะถึงเวลาลงนรก เขาจึงไปต่อรองกับซาตานว่าขอดื่ม “เอล” (ale) อีกสักครั้งแล้วเขาจะไม่ขออะไรอีก ซาตานจึงพาไปผับ แต่เนื่องจากแจ็คไม่มีเงินติดตัวเลย เขาจึงกล่อมซาตานให้เปลี่ยนตัวเขาเป็นเหรียญเงินเพื่อจ่ายบาร์เทนเดอร์ อีกเวอร์ชั่นหนึ่งเล่าว่าแจ็คใกล้เวลาลงนรกก็ไปขอร้องซาตานว่าอยากกินแอปเปิ้ล ซาตานก็ยอมอีก...เรื่องเล่า “ตะเกียงของแจ็ค” มีมากมาย บวกความเชื่อของชาวเคลท์ (Celt) ชาวพื้นเมืองในไอร์แลนด์และอังกฤษ ที่บอกว่า วันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันประตูนรกเปิด พวกวิญญาณจะออกมาสู่โลก มนุษย์กลัววิญญาณเข้าสิงจึงต้องปลอมตัวเป็นปีศาจให้ดูน่ากลัว แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน
พายฟักทอง (ภาพ: pillsbury.com)
เมื่อชาวไอริชอพยพมาอยู่อเมริกาได้นำประเพณีแกะสลักหัวผักกาดเป็นรูปหน้าปีศาจ เมื่อราวปี 1866 แต่ในอเมริกามีฟักทองมากกว่า ฟักทองจึงกลายเป็น Jack-o’-lantern ด้วยแกะสลักง่ายกว่า ให้สีสวยกว่า เมื่อใส่เทียนไว้ข้างในก็กลายเป็นปีศาจแจ็ค แล้วเมื่อฟักทองออกผลผลิตเยอะในเดือนตุลาคม เรื่องราวจึงสมเหตุสมผล ใช้ฟักทองเป็นของเล่นหลอกปีศาจในเทศกาล ฮัลโลวีน และทำอาหารคาวและของหวาน โดยเฉพาะ พายฟักทอง ทุกบ้านต้องกินในเทศกาลฮัลโลวีน, วันขอบคุณพระเจ้า และวันคริสต์มาส
ซุปฟักทอง (ภาพ:Johnny Miller)
ดอกฟักทองยัดไส้อบหรือชุบแป้งทอด (ภาพ: allrecipes.com)
ฟักทองกินได้ทุกส่วน ฟักทองที่ปลูกทั่วโลกมีราว 45 สายพันธุ์ เป็นผัก (และผลไม้) ที่ทุกส่วนกินได้ ตั้งแต่เนื้อทำอาหารและขนม เปลือกก็กินได้หรือเป็นอาหารสัตว์ ใบก็กินเป็นผัก ดอกฟักทองสอดไส้อบ นึ่งหรือทอด เมล็ดฟักทอง อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ โปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี และเส้นใยอาหาร เป็นซูเปอร์ฟู้ด กินเป็นอาหารว่าง ใส่ในคุกกี้ ขนมปัง ขนมอบ เมนูจากฟักทองพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
กาแฟใส่ผงเครื่องเทศฟักทอง (ภาพ: siouxhoney.com)
เช่น เมื่อปี 2003 ผู้ก่อตั้ง Starbucks ออกเมนู เอสเพรสโซ่ ลาเต้ ใส่เครื่องเทศฟักทอง คือเอสเพรสโซ่ช็อตเติมนม และซอสเครื่องเทศฟักทอง ทำจากฟักทองผสมอบเชย ลูกจันทน์เทศ ท็อปด้วยวิปครีมและผงพายฟักทอง แรกขายเมื่อปี 2003 ตอนนี้ขายไปแล้วกว่า 350 ล้านแก้ว
ขนมปังฟักทอง (ภาพ: delish.com)
ฟักทองเป็นอาหารสัตว์ เนื้อฟักทองทำอาหารเสริมให้หมา-แมว เสริมแร่ธาตุให้กับสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์ได้ด้วย เพราะย่อยง่ายและมีธาตุอาหารสูง เกษตรกรบางรายให้ไก่กินฟักทองดิบในช่วงหน้าหนาว บอกว่าไก่จะให้ผลผลิตไข่ที่ดีมีสีสวย
เมล็ดฟักทองเป็นซูเปอร์ฟู้ด (ภาพ:loveandlemons.com)
ประโยชน์ของฟักทอง : ชาววีแกน ชาวมังสวิรัติ คนกินเจ กินคลีน ถูกใจฟักทองเพราะทำอาหารได้หลากหลาย มีเบต้าแคโรทีน, อัลฟ่า-แคโรทีน และเบต้า-คริปโตแซนทีน สารต้านอนุมูลอิสระปกป้องความเสื่อมของเซลล์ ปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด และส่งเสริมสุขภาพสายตา มีวิตามินซี, อี, โพทัสเซียม, ธาตุเหล็ก, เส้นใยอาหาร ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็ง ฟักทองมีน้ำเยอะ ฟักทอง 1 ถ้วย (245 กรัม) มีน้ำราว 94% ให้พลังงานน้อยกว่า 50 แคลอรี่ จึงเป็นอาหารของคนที่ระวังเรื่องน้ำหนัก ช่วงฤดูใบไม้ร่วงผลผลิตฟักทองเยอะและมีวิตามินซีสูง เชื่อว่ากินแล้วป้องกันหวัดและอาการไอจามที่มากับอากาศเย็น
ข้อควรรระวัง ไม่ควรกินฟักทองมากเกินไป (กินทุกมื้อติดต่อกัน) เนื่องจากเบต้าแคโรทีนเมื่อบริโภคจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ถ้าร่างกายรับมากเกินไปอาจทำให้ตับทำงานผิดปกติและทำให้ตัวเหลือง การแพทย์แผนจีนบอกว่า ฟักทองเป็นหยาง มีฤทธิ์อุ่น ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสภาพหยางเช่น กระเพาะอุ่น คนที่มักคอแห้ง ท้องผูก หน้าแดง ตาแดง หายใจแรง ไม่ควรกินมากเกินไป