รออีกนิด"พรหมลิขิต" จะมาแล้ว "รอมแพง"ชี้โจทย์ยาก แต่สนุกแน่
ล้วงลึกความสำเร็จของ"บุพเพสันนิวาส"และความน่าสนใจของภาคต่อ "พรหมลิขิต" ที่"รอมแพง" นักเขียนเอ่ยปากว่า ยากมาก
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่หลายๆ ด้านประจวบเหมาะลงตัว ส่งผลให้ภาคต่อของละครเรื่องนี้มีเพดานความนิยมอยู่ในขั้นสูง กลายเป็นเรื่องหนักใจสำหรับนักเขียน
“กดดันมากๆ เลยค่ะ เพราะเราคนเขียนก็ดูละครเหมือนกัน ตัวละครมีการดัด เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากนิยาย พอดูละครแล้ว มันจะติดภาพพระเอกนางเอก ต้องเป็น โป๊ป เป็น เบลล่า ทำให้เวลาเขียนกลายเป็นว่าไม่ได้นึกภาพในจินตนาการอีกแล้ว เลยค่อนข้างกดดัน เขียนยาก ด้วยความที่หลายๆ คน รอ ถามว่าเมื่อไรจะจบ เมื่อไรจะเสร็จ เมื่อไรจะได้อ่าน เมื่อไรจะได้ดูละคร”
รอมแพง หรือ จันทร์ยวีร์ สมปรีดา กล่าว ในรายการ ‘รอมแพง : การเดินทางของบุพเพสันนิวาส สู่ พรหมลิขิต เปิดประตูวรรณกรรมสู่โลกกว้าง’ ผ่านทางไลฟ์สดเพจ Thai Book Fair เมื่อวันที่23 ตุลาคม 2564 และยิ่งไปกว่านั้น ความยากประการที่สองก็คือ พระเอกนางเอกต้องเป็นคู่เดิม
“ด้วยความที่ โป๊ป-เบลล่า ดังใน บุพเพสันนิวาส แล้ว ทางผู้จัดและทางผู้บริหารช่อง ก็บอกว่าเป็นไปได้ไหม ถ้าจะแต่ง พรหมลิขิต ให้พระเอกนางเอกในพรหมลิขิต หน้าเหมือนโป๊ป-เบลล่า ที่รับบทพ่อกับแม่ในภาคนี้ ก็เลยต้องปรับพล็อตนิดหน่อย จากยุคพระเพทราชา-พระเจ้าเสือ มาเป็นสมัยพระเจ้าท้ายสระ
มันมีเหตุมีผลของมันอยู่ในเนื้อหา แล้วคอนเซปต์ที่เราคิดไว้คือ เรื่องเปลือกนอกกับภายใน มันสื่อกันมายังไง กี่ภพกี่ชาติถึงจะเป็น พรหมลิขิต ก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้ลึกซึ้งเข้าไปอีก นี่คือที่มาที่ไปของบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต”
นอกจากเรื่องที่กล่าวมา รอมแพง ผู้เขียน พรหมลิขิต ภาคต่อ บุพเพสันนิวาส ยังมีทีเด็ดที่อยากเล่าอีก...
อะไรคือความแตกต่างของทั้งสองภาค
"ในส่วนของ เกศสุรางค์ ที่อยู่ในร่าง การะเกด กับตัว พุดตาน นางเอกใหม่ของ พรหมลิขิต มีความแตกต่างกันมาก คือคนละ Gen กัน ความคิดความอ่านต่างกัน
พุดตาน ไม่สนใจประวัติศาสตร์ สนใจแต่เรื่องทำมาหากิน ทำยังไงให้อยู่รอด ไม่ต้องพึ่งพาใคร เป็นลักษณะของเด็กยุคใหม่ ไม่ค่อยเข้าใจหรือรับรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หรือสถานที่อะไรต่างๆ คิดแค่ว่า เขาจะใช้ชีวิตยังไงให้รอด
ในส่วนประวัติศาสตร์ สมัยพระเจ้าท้ายสระ ก็มีข้อมูลน้อย แต่ละอย่างที่เราไปค้นคว้ามา มีอะไรบางอย่างที่สื่อให้รู้ว่ายุคสมัยนั้น สังคมเป็นยังไง แล้วพระเจ้าท้ายสระน่าจะคิดแบบไหน
ยกตัวอย่างเช่น ทำไมต้องมี พระราชกำหนดเรื่องปลาตะเพียน ดูน่าสนใจ น่าสนุก แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขียนลงไปใน พรหมลิขิต คือ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เขาเรียกว่าช่องว่างของบันทึก ที่เราอ่านเจอในพงศาวดาร
เราก็เอาช่องว่างนี้มาขยาย มาเพิ่มรายละเอียดเพื่อความสนุกสนาน ยิ่งมีเรื่องราวประวัติศาสตร์น้อย การใส่จินตนาการจะง่ายขึ้น แน่นอนว่า พรหมลิขิตต้องมีเรื่องราวประวัติศาสตร์แทรกอยู่
แต่คนอ่านต้องมีพื้นความรู้ประวัติศาสตร์อยู่ด้วย ถึงจะ อ้อ! คนนี้เอง ซึ่งมันจะยากหน่อยในการส่งสารออกไปให้ผู้อ่านได้รับรู้ ในส่วนของการทำเป็นละครออกมา ก็ไม่แน่ใจว่า สื่อออกมาได้แค่ไหน แต่เราก็ไว้วางใจในฝีมืออาจารย์ศัลยา ผู้เขียนบท”
ไม่ใช่ละครอิงประวัติศาสตร์ ?
“ไม่ใช่นิยายอิงประวัติศาสตร์สมบูรณ์แบบ แค่อิงไทม์ไลน์ทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่ในหนังสือพงศาวดารและจดหมายเหตุต่างๆ แต่มีข้อดีในแง่ที่ว่า เมื่อคนได้อ่าน หรือทำเป็นละคร คนดูที่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์จะมาถกเถียงกัน ทำให้เกิดการพัฒนาหาหลักฐานใหม่ๆ ขึ้นมาแย้งกัน เกิดความชัดเจนทางประวัติศาสตร์มากขึ้น
ความโด่งดังของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส มีการต่อยอดอย่างไรบ้าง
“มีการแปล บุพเพสันนิวาส เป็นภาษาอังกฤษ เป็นอีบุ๊คขายในอะเมซอน แล้วทางจีนมาขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำซีรีส์ และทำเป็นเกมออนไลน์ แต่ยังไม่ได้ออกข่าวอะไรมาก เพราะทางการจีนค่อนข้างเคร่งเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องบันเทิง และใช้เวลาดัดแปลงบทประพันธ์ให้ทางการจีนยอมรับได้ แต่ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว และมีเกาหลีซื้อไปทำการ์ตูนแบบมังงะ ขายในออนไลน์ เป็นเว็บตูน ชื่อบริษัทคาเคาเอ็นเตอร์เทนเมนท์
แล้วก็มีการทำหนัง บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด (GDH) กับบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด น่าจะได้ดูในปีหน้า แล้วก็มี ละครเวทีเดอะมิวสิคัล ซื้อไป แต่ยังทำไม่ได้ เพราะโควิด
ส่วน พรหมลิขิต ตอนนี้ทางบริษัทของจีนติดต่อมาแล้ว พอทำเป็นละครออนแอร์ออกไปแล้ว ก็จะซื้อ แล้วก็มี หนังสือเสียง ทั้งบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต แต่ยังไม่ได้ตกลง อยากให้เป็นไปตามขั้นตอนมากกว่า”
คิดว่าอะไรที่ทำให้ชาวต่างชาติชื่นชอบบุพเพสันนิวาส
“ในเรื่องของหนังสือบุพเพสันนิวาสยังไม่เท่ากับละคร เพราะว่าละครเป็น Soft Power ที่กระจายไปไกลมาก ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานละคร, ดารา, ผู้เขียนบท, ผู้กำกับ ที่สามารถสร้างส่วนผสมที่ดีออกมา ทำให้คนดูไม่ว่าจะชนชาติไหน รู้สึกชื่นชอบได้
วัฒนธรรมไทยหรือประวัติศาสตร์ไทย เป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่น่าศึกษาสำหรับคนต่างชาติ อีกส่วนหนึ่งความรักโรแมนติก เป็นสิ่งที่รับรู้กันได้ทั่วโลก แล้วเคมีของนักแสดงก็ออกมาดี คนดูก็เลยอิน ถูกใจคนดูไม่จำกัดเชื้อชาติ ก็เลยทำให้โด่งดัง
