‘วันไข่ปีศาจ’ วันที่ 2 พฤศจิกายน ชวนกินไข่ให้สนุก

“ไข่ปีศาจ” (Deviled Egg) ดูน่ากินมากกว่าน่ากลัว "วันไข่ปีศาจ" 2 พฤศจิกายน มาถึงแล้ว ชวนกินไข่ (ปีศาจ) กันดีกว่า
เว็บไซต์ nationaltoday.com รายงานว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็น วัน ไข่ปีศาจแห่งชาติ (National Deviled Egg Day) เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนกินไข่มากขึ้น ขอคิดเอาเองว่าอาหารในตู้เย็นอาจเหลือจากงานเลี้ยงวันปล่อยผี จึงต้องปล่อย ไข่ปีศาจ ออกมาอาละวาดบ้าง อีกอย่าง ไข่ เป็นอาหารราคาถูก ให้คุณค่าทางโภชนาการ กินได้ทุกเพศทุกวัย กินทุกวันอาจจะเบื่อเลยต้องคิดเมนูสารพัดไข่ ทำให้เมนูไข่ไม่จำเจ
ชื่อไข่ปีศาจมาจากไหน ความเป็นมาของ Deviled Egg ย้อนไกลไปถึงยุคอาณาจักรโรมัน ที่คิดเมนู ไข่ยัดไส้ โดยต้มไข่ทั้งใบ พอสุกปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่ง ควักไข่แดงออกมาผสมกับส่วนผสมเครื่องเทศ สมุนไพร เครื่องปรุงรส คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วใส่กลับลงไปที่เดิม กลายเป็นไข่ยัดไส้ซอสเข้มข้นรสเผ็ดร้อน ที่จริงชาวโรมันไม่ได้ตั้งชื่อ Deviled Egg มาก่อน แต่เรียกอาหารที่ปรุงด้วยรสเผ็ดร้อนว่า ab ova usque ad mala แปลว่า from eggs to apples หมายถึง จากอาหารจานแรกจนถึงจานสุดท้าย และเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยในหมู่ผู้มีอันจะกิน
วิธีทำ Deviled Egg (ภาพ: downshiftology)
จากยุคโรมัน เมนูไข่ยัดไส้ส่งผ่านไปยังหลายประเทศในยุโรป เมื่อศตวรรษที่ 13 ไข่ยัดไส้ไปถึงแคว้นแอนดาลูเซียในสเปนตอนใต้ คนแถวนั้นกินรสเผ็ดร้อนอยู่แล้ว ไข่แดงที่ควักออกมาจากไข่ขาวจึงผสม cilantro (ผักชี) น้ำจากหัวหอมใหญ่ พริก ตีกับซอสหมักจากพุงปลาที่เรียกว่า Murri เติมน้ำมันมะกอก เกลือ คลุกเคล้าเข้ากันดีแล้วยัดเป็นไส้ในไข่ กินเป็นทาปาส
ศตวรรษที่ 15 เมนูไข่ปีศาจ ปรากฏครั้งแรกในหนังสือปรุงอาหารยุคกลาง บอกวิธีทำว่าคือไข่ต้มยัดไส้ลูกเกด ชีส สมุนไพรเช่น พาร์สลีย์ ใบมิ้นท์ โรยด้วยซอสหรือเกล็ดน้ำตาล เป็นอาหารยอดนิยมกินทั่วยุโรป
พอไปถึงเยอรมนี ชาวเมืองเบียร์กินไข่ยัดไส้ที่เรียกว่า Russian eggs เสิร์ฟกับสลัดมาซิโดเนีย สลัดใส่ผักและผลไม้สดหั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยม ซึ่งนิยมกินในหลายประเทศ เช่น กรีซ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี โรมาเนีย จนถึงอาร์เจนตินา เสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยแบบเย็น Russian egg ก็คือไข่ยัดไส้หรือไข่ปีศาจ ถ้า Russian salad คือสลัดใส่ไข่ต้ม ดูเกี่ยวพันกัน... แต่กว่าจะได้ชื่อว่า Deviled Egg เวลาก็ผ่านไปถึงปี ค.ศ.1786 โดยคนอังกฤษระบุว่า อาหารที่มีรสเผ็ดร้อนและอาหารทอดร้อน ๆ ตั้งชื่อว่า “ปีศาจ” อ้างอิงมาจากชาวอิตาลีอีกทีที่เรียกอาหารรสเผ็ดร้อนว่า Arrabbiata (อาราเบียตต้า) แปลว่า “พิโรธ” เช่นพาสต้าอาราเบียตต้า ปรุงด้วยซอสรสเผ็ดร้อน
Deviled Egg โรยพริกปาปริก้า (ภาพ: culinaryhill.com)
ต้นทศวรรษ 1800 ชื่อเมนูไข่ยัดไส้ เปลี่ยนเป็น Dressed eggs, Stuffed eggs, Salad eggs, Mimosa eggs (Mimosa ชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองสด) เข้าใจว่าหลีกเลี่ยงคำว่า “ปีศาจ” เพราะเดี๋ยวเด็ก ๆ ที่กินไข่จะถามถึง “ซาตาน” คงจะอธิบายยาก
คนรุ่นใหม่ใส่กิมจิ วาซาบิ ศรีราชา (กลายเป็นชื่อซอสพริกสามัญ) พิเมนโต้ (พริกป่นสเปน) หรือเพิ่มเนื้อสัมผัสให้กรุบกรอบขึ้นโดยเติมเนื้อสัตว์ที่ชอบหั่นชิ้นเล็ก ๆ หรือผักชิ้นเล็ก ๆ เช่น หอมใหญ่ หอมแดง เคเปอร์ ฯลฯ กินแล้วให้รสเผ็ดร้อนเป็น Deviled egg จริง ๆ
(ภาพ: https:/ncegg.org)
มีเมนูไข่ปีศาจนับร้อยสูตร เช่น บางคนย้อมไข่ต้มด้วยสีของบีทรู้ทสีอมชมพู ดูสวยน่ากิน แต่สูตรคลาสสิกคือซอสมาโย (มายองเนส) คลุกกับดิจงมัสตาร์ดและผักดองหั่นชิ้นเล็ก ๆ โรยพริกนิดหน่อยก็อร่อยแล้ว บางคนทำเหมือนซีซาร์สลัดคือ ปรุงไส้ (ไข่แดงที่ควักออกมา) กับน้ำมันมะกอก กระเทียม แอนโชวี่ กรูตอง ยัดใส่ไส้แล้วโรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีส กินกับผักโรเมน สูตรของคนสวีเดนแค่ผสมไข่แดงกับครีมชีส ยัดเป็นไส้ โปะด้วยปลาแฮร์ริ่งดอง หอมใหญ่และคาเวียร์ คนฮังกาเรียนกินเอาอิ่ม โดยเอาขนมปังหั่นชิ้นเล็ก ๆ ที่จุ่มในนมสดจนชุ่มแล้วคลุกกับไข่แดงอีกที ส่วนคนที่ชอบเผ็ดใส่กิมจิลงไปคือลงตัว...
ของหวานไข่ปีศาจ กินไข่ต้มเป็นของหวานยากตรงไหน แค่คิดถึงขนมเค้กหรือของหวานหลังอาหาร ยัดไส้ด้วยแยมผลไม้ ซอสช็อกโกแลต หรือมูสผลไม้
ไข่ปีศาจฮาโลวีน ทุกเทศกาลปล่อยผี เมนู Halloween Deviled Egg ทำให้ปาร์ตี้ฮาโลวีนสนุกยิ่งขึ้น ตกแต่งไข่ต้มเป็นลวดลายหวีดสยอง ส่วนไส้ก็ตามชอบ อร่อยได้ทั้งแบบคาวและหวาน