"อุบลราชธานี" แผ่นดินดอกไม้ ความสุขที่บานสะพรั่ง สีสันแห่งฤดูหนาว
ถึงเวลาของ "อุบลราชธานี" ในฤดูกาลอันสวยงามของสีสันแห่งธรรมชาติที่กำลังมาเยือน ทั้งใบไม้ที่รอเปลี่ยนสี ทั้งดอกไม้ป่าที่กำลังถึงช่วงเวลาบานสะพรั่ง
ช่วงเวลาปลายปีแบบนี้ นอกจากเราจะรู้กันแล้วว่าเป็นช่วงเวลาของการจะเปลี่ยนผ่านปีไปสู่ปีใหม่ตั้งความหวังว่าจะได้พานพบสิ่งใหม่ๆ ในปีต่อไปแล้ว สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวไปในพื้นที่ธรรมชาติ ยังรู้อีกด้วยว่า ฤดูกาลของความสวยงามของสีสันแห่งธรรมชาติกำลังมาเยือน ทั้งใบไม้ที่รอเปลี่ยนสี ทั้งดอกไม้ป่าที่กำลังถึงช่วงเวลาบานสะพรั่ง อวดสีสัน จึงนับเป็นช่วงเวลาของความสุข สดชื่น ที่รอกันมาทั้งปี และหนึ่งในดินแดนของสีสันที่ดอกไม้บานสะพรั่งนั้นคือ อุบลราชธานี
ดอกไม้ที่ว่านี้ ชาวบ้านชาวเมืองในท้องถิ่นคงเรียกรวมๆ ว่าดอกหญ้า เพราะมันขึ้นตามพื้นดินทั่วไป แตกต่างจากหญ้าจริงๆ อย่างหญ้าแพรก หน้าคอมมิวนิสต์ หญ้าคา ฯลฯ แต่ด้วยคนเห็นมันขึ้นตามพื้นที่เป็นดินทราย ซึ่งเป็นลักษณะพื้นดินทางภาคอีสาน มีน้ำพอให้ชุ่มชื่นพื้นดิน และก่อนที่น้ำจะหมดจากพื้นดิน ต้นหญ้าเหล่านี้ก็จะออกดอกเพื่อทำการขยายเผ่าพันธุ์สืบไป
หญ้าเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว หากแต่มีมากมายหลายชนิดขึ้นอยู่ปะปนกัน และด้วยเป็นพืชพรรณที่ระบบนิเวศและธรรมชาติคัดสรรให้มาอยู่รวมกัน มีวงจรชีวิตที่คล้ายกัน ในยามที่ต้องออกดอกเพื่อเผยแพร่พันธุ์ ก็จึงเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ในยามที่ออกดอกสะพรั่งบาน แม้จะเป็นดอกไม้ขนาดเล็กๆ จิ๋วเดียว แต่เมื่อมาผลิบานรวมกันเป็นพื้นที่กว้างๆ ก็ทำให้ทั้งบริเวณมีแต่สีสันของดอกไม้หลากหลายชนิด หลากหลายสีสัน ทำเอาบริเวณนั้นเป็นดินแดนของดอกไม้ไปโดยปริยาย และจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อวลไปในบริเวณทุ่งดอกไม้เหล่านี้ด้วย
ดอกไม้เหล่านี้มีหลายชนิด สุดแท้แต่ว่าแต่ละท้องถิ่นจะเรียกอย่างไร แต่เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เสด็จออกทรงงานตามต่างจังหวัด ได้เสด็จมาทอดพระเนตรทุ่งดอกไม้เหล่านี้ในหลายพื้นที่ และพระราชทานนามให้ดอกไม้ดินเหล่านี้ 5 ชนิด คือ ดุสิตา สร้อยสุวรรณา มณีเทวา ทิพย์เกสร สรัสจันทร นอกนั้นก็ยังมีหญ้าบัว หยาดน้ำค้าง จอกบวาย หญ้าปัดน้ำ หญ้ารากหอม ฯลฯ ขึ้นปะปน แต่ละชนิดก็มีสีสันต่างกัน เมื่อมาขึ้นรวมๆ กัน จะเป็นดั่งทุ่งดอกไม้สารพัดสี พอมีลมพัดก็จะไหวเอนพลิ้วไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนคลื่นดอกไม้ สวยงามเป็นอย่างมาก
ทุ่งดอกไม้สร้อยสวรรค์
อย่างที่บอกว่าพืชพวกนี้จะขึ้นบนดินทราย ที่มีความชื้นๆพอดี ไม่ชื้นมากไม่แห้งมาก เราจึงมักพบเห็นทุ่งดอกไม้เหล่านี้ทางภาคอีสาน ในช่วงเวลาเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งก็จะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายปีหรือก่อนนั้นสัก 1-2 เดือน โดยพบเห็นกันได้หลายที่ทั้งที่อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ จ.มุกดาหาร ภูผาด่าง ในอุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว จ.มุกดาหาร แต่ที่รับรู้กันว่าเป็นดินแดนของบรรดาดอกไม้ดินเหล่านี้ก็คือที่อุบลราชธานี ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มเป็นหลัก
ซึ่งที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มนั้น ย่านผาชะนะได จะมีทุ่งดอกไม้แบบนี้หลายแห่ง เช่นที่พลาญหินถ้ำไฮ โหง่นแต้ม ใกล้ๆ น้ำตกห้วยพอก ริมหน้าผาชะนะได และตามรายทางที่เข้าไป แต่ที่นี่จะเป็นทุ่งดอกไม้ธรรมชาติ ไม่มีการจัดการ ปล่อยไปตามธรรมชาติ พอฝนไม่ตกและพื้นเริ่มแห้ง ดอกไม้ก็จะบานเร็ว อย่างปี 2564 ก็บานตั้งแต่ช่วงต้นๆ เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา กว่าจะถึงปีใหม่คงแห้งหมดแล้ว
หินเต่าอ้อนจันทร์ ผาชะนะได
ผิดกับที่ทุ่งดอกไม้ของน้ำตกสร้อยสวรรค์ ที่นี่ ทางอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จะมีการจัดการคือสูบเอาน้ำจากลำห้วยสร้อย ขึ้นไป แล้วปล่อยให้น้ำซึมพื้นดินให้ไหลลงมาทีละนิดๆ ตราบใดที่น้ำยังไม่แห้ง ดอกไม้ก็จะบานไปอีกนาน จนปี 2564 นี้น่าจะบานไปจนถึงปลายเดือนมกราคม ปี 2565 นั่นเลยทีเดียว แล้วที่นี่ เป็นทุ่งดอกไม้ที่กว้างมาก กินเนื้อที่หลายไร่ ช่วงปีใหม่จึงน่าจะเป็นช่วงที่ดอกไม้ฟูบานมากที่สุด
อีกที่ก็ที่ภูอานม้า บ้านใหม่ดงสำโรง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ที่นี่ก็เหมือนกับที่ผาชะนะได คือไม่มีการบริหารจัดการ ดอกไม้บานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้ว ไปปี 2564 นี้คงไม่ทัน เอาไว้ไปดูปีหน้าก็แล้วกัน
วนอุทยานน้ำตกผาหลวง บ้านนาเลิน ต.นาเลิน อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ที่นี่กว่าจะได้เห็นต้องเหนื่อยหน่อยโดยการเดินเท้าขึ้นภูเขาหินทรายที่ไม่สูงนัก พอได้เหงื่อ ขึ้นถึงหลังภูแล้วเดินทางราบไปตามเส้นทางอีกราว 2-3 กิโลเมตร ก็จะถึงลานดอกไม้ ซึ่งช่วงปีใหม่นี้น่าจะยังมีเหลือบานสะพรั่งอยู่บ้าง เพราะด้านบนยังพอมีน้ำอยู่บ้าง
ทุ่งดอกไม้วนอุทยานน้ำตกผาหลวง
บอกใบ้ลายแทงไปชมดอกไม้ดินที่อุบลราชธานีในช่วงปีใหม่กัน ซึ่งรับรองเลยว่า ใครได้ไปเห็น เป็นไม่ผิดหวัง ขอเพียงแต่อย่าเข้าไปย่ำ เดินดู ถ่ายภาพในเส้นทางที่เขาจัดไว้ให้เท่านั้น ถ้าเราเข้าไปย่ำ เข้าไปนั่งกลางดงดอกไม้ เราก็จะสวยคนเดียว คนอื่นมาก็เจอแต่กอดอกไม้ที่ถูกย่ำ ถูกนั่งทับ แบ่งปันคนอื่นให้เขาได้ชื่นชมบ้าง แล้วอย่าลืมนำขยะคืนถิ่น นำขยะที่อาจจะมีออกมาทิ้งในเขตหมู่บ้าน หรือเทศบาลที่เขามีการจัดเก็บ อย่าทิ้งไว้ในอุทยานแห่งชาติครับ
ธรรมชาติที่สวยงาม มาพร้อมกับจิตสำนึกที่ดี บ้านเมืองเราสวยได้ถ้าเราช่วยกัน ขอให้เที่ยวในช่วงปีใหม่อย่างมีความสุขครับ...
สวัสดีปีใหม่ 2565 ครับ...