เปิดปมศึกสายเลือด พี่น้อง ‘สเปียร์ส’ ‘บริทนีย์’ vs ‘เจมี ลินน์’
"เจมี ลินน์ สเปียร์ส” น้องสาวของ "บริทนีย์ สเปียร์" ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบริทนีย์ ในรายการ “Good Morning America” โดยเธอกล่าวว่าเธอยังรักบริทนีย์เหมือนเดิม และคอยช่วยเหลือบริทนีย์มาตลอด
เหมือนจะจบแล้ว แต่ก็ยังไม่จบ สำหรับกรณีของเจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป “บริทนีย์ สเปียร์ส” แม้ว่า บริทนีย์จะได้รับอิสรภาพมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว หลังจากโดนพ่อบังเกิดเกล้าบงการชีวิตตัวเองมากว่า 13 ปี โดยล่าสุด “เจมี ลินน์ สเปียร์ส” น้องสาวของบริทนีย์ ไปออกรายการ “Good Morning America” ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบริทนีย์ โดยเธอกล่าวว่าเธอยังรักบริทนีย์เหมือนเดิม และคอยช่วยเหลือบริทนีย์มาตลอด
ย้อนกลับไปในปี 2562 เมื่อพอดคาสต์ที่พูดคุยเกี่ยวกับโพสต์ในอินสตาแกรมของบริทนีย์ อย่าง “Britney's Gram” ในตอนที่ชื่อว่า "Emergency Episode" (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น #FREEBRITNEY) ที่เล่าว่า “เจมี สเปียร์ส” พ่อแท้ ๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ของบริทนีย์ ได้บังคับให้บริทนีย์ไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ยินยอม แต่เธอก็ไม่กล้ามีปากมีเสียงกับพ่อ เพราะเธอโดนพ่อควบคุมชีวิตของเธอมาตลอด
อีกทั้ง ศาลเห็นว่าบริทนีย์ยังคงต้องได้รับการบำบัดในโรงพยาบาลจิตเวช จึงมองว่าไม่จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายผู้พิทักษ์ทรัพย์ อีกทั้งบริทนีย์เองไม่เคยยื่นคำขอ ออกจากการพิทักษ์ทรัพย์อย่างเป็นทางการ จึงทำให้ศาลเข้าใจว่าบริทนีย์เองยังรับได้กับการอยู่ใต้การปกครองของพ่อ
นอกจากนี้ พ่อไม่อนุญาตให้เธอทำอะไรเลย และเธอมีอิสระในชีวิต แม้กระทั่งที่จะมีเพื่อน มีแฟน หรือความฝันที่จะแต่งงานมีครอบครัว และเธอถูกบังคับให้ทำแต่งานอย่างเดียว ไม่มีเวลาพัก ทั้งออกอัลบั้ม และออกทัวร์คอนเสิร์ต แต่ตัวเธอเองกลับไม่มีสิทธิใช้เงินที่หามาได้
แฟนเพลงบริทนีย์ทั่วโลก จึงร่วมกันตั้งแคมเปญชื่อ #FREEBRITNEY เพื่อเรียกร้องให้บริทนีย์เป็นอิสระจากการโดนพิทักษ์ทรัพย์และการควบคุมของพ่อ
จนกระทั่งในมิ.ย. 2564 บริทนีย์ยื่นคำร้องต่อศาลลอสแองเจลิส เพื่อขอยุติการพิทักษ์ทรัพย์ หลังจากที่มีพ่อเป็นผู้พิทักษ์และบงการชีวิตมากว่า 13 ปี บางช่วงบางตอนของคำร้องของบริทนีย์ที่กล่าวต่อหน้าศาลระบุว่า
“ฉันเคยบอกทั้งโลก ว่าฉันมีความสุข ฉันโอเค ฉันแค่คิดว่าถ้าฉันพูดแบบนั้นบ่อย ๆ ฉันก็คงจะมีความสุขขึ้นมาจริง ๆ เพราะฉันถูกปฏิเสธมาตลอด ฉันทุกข์ทรมาน ฉันบอบช้ำ ฉันนอนไม่หลับ ฉันโกรธจนจะเป็นบ้า ฉันร้องไห้ทุกวัน เรื่องนี้มันรุนแรงและเสียหายกับจิตใจของฉันมาก”
“ฉันขอเพียงแค่สิทธิเหมือนพลเมืองคนอื่น สิทธิที่จะมีลูก มีครอบครัว ทำสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายด้วยตัวฉันเอง”
ในที่สุดวันที่ 30 ก.ย. 2564 ศาลลอสแองเจลิสได้ ตัดสินให้ทำการ “ยกเลิก” กฎหมายผู้พิทักษ์กับบริทนีย์ สเปียร์ส จากนี้ไปเธอสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีก
หลังจากนั้นเรื่องราวดี ๆ ได้เกิดเข้ามาในชีวิตของบริทนีย์ สเปียร์ส เธอได้ประกาศหมั้นกับ “แซม แอสการี” แฟนหนุ่มที่คบหากันมานานกว่า 5 ปี อีกทั้งมีรายงานว่าบริทนีย์จะกลับมาทำเพลงและทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งในปีนี้
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา เจมี ลินน์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกกับรายการ Good Morning America เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบริทนีย์ที่ดูเหมือนจะตึงเครียดและไม่ราบรื่นเท่าใดนัก จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวของเธอ รวมถึงโปรโมทหนังสือเล่มใหม่ “Things I Should Have Said”
เจมี ลินน์ กล่าวว่า เธอไม่ได้ไว้ใจพ่อตัวเอง และรู้ว่าติดแอลกอฮอล์ และยังกล่าวว่าบริทนีย์เป็นคนหวาดระแวง มีหลายบุคลิก เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวก็มีขึ้น เดี๋ยวก็มีลง แม้ว่าในช่วงที่ศาลตัดสินให้บริทนีย์ต้องมีผู้พิทักษ์ ตอนนั้น เจมี ลินน์ พึ่งอายุ 17 ปีและตั้งท้องอยู่ เพราะฉะนั้นเธอต้องสนใจกับปัญหาของตัวเองก่อน จึงไม่ได้สนใจเรื่องของพี่สาวเท่าที่ควร แต่เธอยังคงยืนยันว่าเธอรักบริทนีย์อยู่เต็ม 100% และหาทางช่วยบริทนีย์มาโดยตลอด ด้วยการช่วยติดต่อกับคนที่บริทนีย์ต้องการ แต่ไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ เจมี ลินน์ ยังบอกต่ออีกว่า เธอไม่เคยใช้เงินของบริทนีย์เลย และบริทนีย์เป็นคนมาขอให้เธอช่วยดูแลลูกชาย 2 คนของเธอเอง รวมถึงไม่ได้พยายามจะยึดเงินจากกองทุนที่บริทนีย์ก่อตั้งขึ้นเพื่อเก็บไว้ให้ลูก ๆ มาเป็นของตัวเธอเอง
รวมถึง เธอได้ไปขออนุญาตกับบริทนีย์ ที่จะเอาเพลงของบริทนีย์มารีมิกซ์ใหม่ เพื่อเป็นการทรีบิวต์ ความยิ่งใหญ่ของพี่สาวของเธอ ซึ่งบริทนีย์ก็ยินดีให้
ล่าสุด วันที่ 14 ม.ค. บริทนีย์ ได้ออกมาสวนกลับน้องสาวของเธอผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ไว้ว่า
บริทนีย์รู้สึกแย่จากการที่ เจมี ลินน์ กล่าวว่า พฤติกรรมของเธอเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เธอตั้งคำถามว่า เจมี ลินน์รู้ได้อย่างไรในเมื่อ 15 ปีที่แล้วไม่เคยอยู่ใกล้เธอเลย นอกเสียจากเจมี ลินน์พูดออกมาเพียงเพราะต้องการขายหนังสือก็เท่านั้นเอง
บริทนีย์ยังกล่าวว่า ที่เธอโกรธที่น้องสาวเอาเพลงของเธอไปรีมิกซ์ เพราะบริทนีย์แต่งเพลงและเรียบเรียงทำนองด้วยตนเอง แต่บริทนีย์กลับไม่มีสิทธิ์เอาเพลงของตัวเองไปทำรีมิกซ์ด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเลย ขณะที่น้องสาวกลับไม่ต้องทำอะไร ทุกคนคอยประเคนให้ตลอด กลับมาชุบมือเปิบไปทั้งหมด พร้อมอวยพรกึ่งเหน็บแนมว่าขอให้หนังสือขายดี ๆ แล้วกัน อีกทั้ง ยังประณามครอบครัวของเธอ ที่มักลากเธอออกมาและทำร้ายเธออยู่เสมอ
บริทนีย์ยังเสริมว่า ในคัมภีร์ไบเบิ้ล กล่าวไว้ว่า “ถ้าอยากได้อะไร ก็ขอแค่ให้เอ่ยปาก” แต่ไม่ใช่กับชีวิตของเธอ เพราะ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ขออะไร ไม่มีใครเคยสนใจ ขนาดตอนที่เธอป่วยหนักเจียนตาย คนในครอบครัวเธอยังไม่อนุญาตให้เธอกินยา ก่อนจะทิ้งท้ายว่า มีหมาแมวเป็นครอบครัวยังจะดีเสียกว่า และรักตัวเองให้มาก ๆ เข้าไว้
บางส่วนของทวีตที่บริทนีย์ทวิตตอบโต้น้องสาว
-เครดิตรูป: ทวิตเตอร์ Britney Spears
อย่างไรก็ตาม หลายสิ่งที่เจมี ลินน์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ก็มีหลักฐานต่าง ๆ มาโต้แย้งว่าสิ่งที่เธอกล่าวอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงแค่ทวีตของบริทนีย์เพียงอย่างเดียว เช่น เอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับกองทุนของบริทนีย์มีลายเซ็นของเจมี ลินน์อยู่ แต่เธอกลับให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกองทุนดังกล่าว ส่วนค่าใช้ต่าง ๆ ของเจมี ลินน์ บริทนีย์ก็ลงชื่อเป็นผู้ออกใช้จ่ายทั้งหมด
นอกจากนี้ก็ยังมีคนดัง คนใกล้ชิดกับครอบครัวสเปียร์ส เช่น อดีตผู้จัดการของบริทนีย์ หรือ ฝ่ายเสื้อผ้าของบริทนีย์ ต่างออกมาแฉว่าเจมี ลินน์ ไม่ได้รักพี่สาวของเธออย่างที่กล่าว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนว่าจะเลือกเชื่อใคร แต่ที่แน่ ๆ วันนี้บริทนีย์เธอมีความสุข และมีชีวิตที่ดีตามทางที่เธอเลือกแล้ว
ที่มา: ET Online, NBC NEWS, People, Variety, WorkpointToday