“โรงแรมมีสไตล์ มิวเซียม” โรงแรมสีสด-อาหารไทยรสจัด

"โรงแรมมีสไตล์ มิวเซียม” ตกแต่งสีสดจัดเปิดแล้ว พร้อมแนะนำ เชฟจั๊ม – จันทร์ตระกูล ชัยชนะพลตระกูล เชฟชวนชิม "อาหารไทย" รสจัดจ้าน และเมนูเด่นจากเหนือจรดใต้
โรงแรมสีสดย่านห้วยขวาง ถ่ายรูปได้ทุกมุม มีสไตล์ มิวเซียม ได้ชื่อว่าเป็น โรงแรมของนักสะสม (The Collector’s Hotel) ด้วยรวบรวมข้าวของของนักสะสม นักเดินทาง และนักธุรกิจ ของ คุณสมบัติ แสงรัฐกาญจนสิน ผู้ก่อตั้ง ที่วางเป้าหมายให้เป็นที่พักของนักเดินทางในรูปแบบที่แตกต่าง และผู้ชื่นชอบงานศิลปะให้เข้ามาชื่นชม
ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ มีสไตล์กรุ๊ป อยู่ในความดูแลของทายาทตระกูล “แสงรัฐกาญจนสิน” เช่น โรงแรมมีสไตล์ มิวเซียม ห้วยขวาง ซึ่งเปิดซอฟท์โอเพนนิ่งเมื่อปลายปี 2019 เจอสถานการณ์โควิดทำให้ชะลอตัว มาเปิดอีกครั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ วันนี้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ และห้องอาหาร The Map เปิดบริการมื้อสายถึงมื้อดึก
พร้อมแนะนำ Executive Chef เชฟจั๊ม – จันทร์ตระกูล ชัยชนะพลตระกูล แนะนำเซตเมนู อาหารไทย (รับประทานได้หลายคน) ได้แก่ สำรับเจริญรุ่งเรือง (ราคา 8,000 บาท) / สำรับสุขสมบูรณ์ (10,000 บาท) / สำรับสิริมงคล (12,000 บาท) ประกอบด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยและกับข้าวเสิร์ฟเป็นสำรับ และของหวาน แต่ละสำรับมีเมนูเด่นทั้งอาหารภาคกลาง อาหารเหนือ และอาหารใต้ เชฟจั๊ม เล่าว่า
“เนื่องจากโรงแรมตกแต่งด้วยงานศิลปะและของสะสมของเจ้าของคุณสมบัติ แสงรัฐกาญจนสิน เช่น ภาพวาด งานไม้ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ บางส่วนนำมาตกแต่งที่ห้องอาหาร The Map ด้วยเลยอยากใช้อาหารเป็นตัวกลางรวบรวมอาหารที่ผู้ก่อตั้งชื่นชอบ ซึ่งคือสำรับอาหารไทยแท้”
แม้ตั้งชื่อว่า The Map ห้องอาหารไทยฟิวชั่น หากเชฟจั๊ม ก็นำเสนอเมนูอาหารไทยกินเป็นสำรับ เชฟอธิบายว่า
“เพราะเชฟมีแรงบันดาลใจมาจากครอบครัวใหญ่สมัยเชฟยังเด็ก เราตื่นนอนด้วยเสียงเคาะกระทะจากคุณย่า ได้กลิ่นกระเทียมผัดน้ำมันหมู ได้กลิ่นไข่ ทำให้เราตื่น บอกเลยตอนเด็ก ๆ ไม่ชอบทำอาหารแต่ชอบทาน และเราเป็นครอบครัวใหญ่ทำอาหารเยอะ ทำแต่ละอย่างก็ต้องมีเครื่องเคียงครบ เช่น ทำน้ำพริกต้องมีกากหมู ต้องมีหมูยอ ทำแกงส้มก็ต้องมีไข่เจียว สมัยเชฟ 7 ขวบอยากวิ่งเล่นมากกว่า แต่กลายเป็นอยู่ในครัว มารู้ตัวอีกทีก็เข้าสู่วงการอาหาร"
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากต่างประเทศ ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ เยอรมนี บาร์เซโลนา ไปทำงานที่เกาะสมุยและภูเก็ตด้วย เริ่มจากเรียนรู้อาหารตะวันตกก่อน ในที่สุดกลับมาที่อาหารไทย เชฟบอกว่าชอบ อาหารไทย ที่สุด จึงกลับมาที่กรุงเทพอีกครั้งที่ โรงแรมมีสไตล์ มิวเซียม
ถ้ามาเป็นหมู่คณะ สั่งเมนูเป็นสำรับดูคุ้มค่า แต่เชฟจั๊มบอกว่า มีเมนูอะ ลา คาร์ท เลือกได้ตามใจ
แต่ส่วนของ อาหารไทย บอกเลยว่าเชฟเป็นคนชอบรสจัด ชอบพริก เลยปรุงอาหารออกรสจัดจ้าน อาหารแต่ละจานจะชัดเจนไปเลย ไม่กั๊กรสชาติ บางคนคิดว่าอาหารในโรงแรมรสชาติจะเบา ๆ อ่อน ๆ แต่เราโตมากับการทำอาหารแบบจัดเต็ม เหนือเป็นเหนือ ใต้เป็นใต้ แนะนำซิกเนเจอร์เมนู มาแล้วห้ามพลาด เช่น น้ำพริกอ่องหมูสับกุ้งสด แกงปลากะพงใบยี่หร่า ที่จริงมีหลายเมนูนะ”
“ครูคนแรกของเชฟคือครัวที่บ้าน พอโตมาเชฟไปเรียนที่วิทยาลัยดุสิตธานี แล้วไปต่อที่บาร์เซโลนา เป็นสถาบันสอนทำอาหารที่สเปน เรียนด้านโฮเทล เมเนจเม้นต์ การคัดสรรวัตถุดิบ การจัดจาน ทำงานกับเชฟฝรั่ง ตอนนั้นโอกาสทำอาหารไทยน้อย เพราะตอนไปอยู่สมุยกับภูเก็ตก็ดูแลอาหารไฟน์ไดนิ่ง เป็นอาหารตะวันตก
แต่แก่นลึก ๆ แล้วชอบ อาหารไทย เพราะที่บ้านเชฟทำครัวทุกวัน ที่บ้านทำอาหารภาคกลางครับ คุณแม่ก็เป็นเชฟอยู่โรงแรมเหมือนกัน ตอนแรกเราไม่รู้ก็ตกใจว่าทำไมแม่ทำอาหารได้หลากหลาย ทำได้หมดทั้งอาหารเหนือ ใต้ ออก ตก อีสาน แม่ก็สอนเราเรื่องเครื่องเทศสมุนไพรแต่ละท้องถิ่นว่าแตกต่างกันยังไง
หลังจากเราเดินทางไปหลายประเทศ ได้สัมผัสอาหารหลายเชื้อชาติ แต่ในที่สุดแล้วเชฟพบว่าชอบ อาหารไทย อยากพรีเซนต์อาหารไทยยังไงไม่ให้ดูน่าเบื่อ และบ้านเราวัตถุดิบเยอะที่สุดแล้ว แกง ๆ หนึ่งใส่ส่วนผสมตั้งหลายอย่าง เครื่องปรุงเราก็เยอะ มีน้ำปลา กะปิ น้ำตาล ที่มีหลายประเภทอีก ไม่ใช่แค่เกลือ พริกไทย อย่างอาหารฝรั่ง เข้าใจนะว่าอาหารตะวันตกเขาเน้นรสชาติธรรมชาติและใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ในขณะที่บ้านเรามีสมุนไพรหลากหลายมาก เป็นเสน่ห์มาก และเราเรียนรู้ได้ไม่รู้จบ
เชฟชอบเดินตลาดตอนเช้า ๆ เวลาไปต่างจังหวัดจะชอบมาก แต่ละที่ไม่เหมือนกัน ชอบชิมยอดผัก จะรู้ว่าแต่ละชนิดให้รสชาติที่ต่างออกไป ชอบค้นหา เชื่อว่าอาหารไทยเป็นการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ”
เชฟบอกว่า มีเชฟไอดอลเป็นคุณแม่และคุณย่า คนใกล้ตัวที่สุด
“และก็มี เชฟเรณู หอมสมบัติ เป็นโอเปอเรทไทยเชฟที่ โรงแรมบันยันทรี ห้องอาหาร “แซฟฟรอน” เคยทำงานร่วมกันตอนเชฟอยู่ที่บันยันทรี ภูเก็ต”
เมนูอาหารไทยที่เชฟคิดว่าทำยากที่สุด เชฟจั๊ม บอกว่า
“น้ำพริกกะปิ ที่คนมักจะมองข้าม เพราะมิติของน้ำพริกกะปิจะแปรผันไปตามวัตถุดิบ เอาแค่พริก กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด ก็รสชาติไม่เหมือนกันแล้ว มะนาวแต่ละฤดูกาลก็ให้รสชาติเปรี้ยวไม่เท่ากันอีก เป็นอะไรที่นิ่งและยาก กะปิแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ บ้างบอกว่าคลองโคน บ้างบอกระนองก็อร่อย คนมักถามว่าแล้วที่ไหนดี
ได้ตำแหน่งเชฟใหญ่แล้ว ความฝันในอนาคตของคนเป็นเชฟคืออะไร เชฟจั๊ม ตอบว่า
“มาถึงจุดนี้แล้วนับว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ในอีกมุมหนึ่งเชฟเป็นอาจารย์พิเศษด้วย ก่อนหน้านี้สอนที่ม.ราชภัฏภูเก็ต สอนด้านอุตสาหกรรมอาหาร รู้สึกว่าการสอนเป็นอีกงานหนึ่งที่เราใฝ่ฝัน อาหารก็เหมือนแฟชั่น ถ้าเรามีส่วนช่วยขับเคลื่อนบุคลากรด้านวงการอาหาร ให้เขาเติบโตมาในวิถีและเส้นทางที่เขาชอบ เราก็มีความสุข”
เป็นเมนูในสำรับและสั่งอะ ลา คาร์ท ได้ ที่ห้องอาหาร The Map โรงแรมมีสไตล์ มิวเซียม ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ 18 (ใกล้สถานี mrt ห้วยขวาง) ห้องอาหารเปิดบริการ 11.00 – 22.00 น. โทร.02 690 8899, 095 5d3d1 7609, www.mestylemuseum.com, FB: Mestyle Museum Hotel