"สงครามไวน์" คดียักยอกทรัพย์ ระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน”
ช่วงนี้โลกกำลังจับจ้องที่ “รัสเซีย” กับ “นาโต” กรณี “ยูเครน” ในขณะเดียวกันเรื่องของ “ไวน์” ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เพราะรัสเซียและยูเครนทำ "สงครามไวน์" มาตั้งแต่ปี 2015 ถึงวันนี้ยังไม่จบ
คนไทยหรืออาจรวมถึงคนทั่วโลก น้อยคนนักจะรู้จัก ไวน์ยูเครน (Ukraine Wine) เพราะ ยูเครน ตกอยู่ในเงื้อมเงาของลัทธิการเมืองมายาวนาน เรียกว่าไวน์ที่ยูเครนทำได้เกือบทั้งหมดต้องส่ง สหภาพโซเวียตรัสเซีย ไม่เคยหลุดรอดออกมาสู่โลกภายนอก นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด สงครามไวน์
ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ของมาสซานดรา
ไวน์ยูเครน โด่งดังและคุ้นหูคนไทยมากที่สุด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2015 เมื่ออัยการยูเครนสั่งฟ้อง ยานินา พาฟเลนโก (Yanina Pavlenko) ผู้อำนวยการไวเนอรีชื่อดังใน ไครเมีย (Crimea) ฐานที่ นำไวน์เก่าแก่อายุ 240 ปี มาเปิดให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) แห่งรัสเซีย และ ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี (Silvio Berlusconi) อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งอิตาลี (พ้นตำแหน่งปี 2011) ได้ชิม ระหว่างที่ทั้งคู่ไปเยี่ยมชมไวเนอรี
อัยการยูเครนระบุว่า ทั้งคู่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันได้ลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศที่ มาสซานดรา ไวเนอรี (Massandra Winery) ซึ่งเป็นไวเนอรีที่มีชื่อเสียงมากของ ไครเมีย และเคยเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลยูเครน ก่อนที่มอสโกจะประกาศผนวกแหลมไครเมียในเดือนมีนาคม ปี 2014
ในวันดังกล่าว ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ได้เอ่ยปากขอชิมไวน์ระหว่างที่ไปเยือน มาสซานดรา ไวเนอรี และ ยานินา พาฟเลนโก ซึ่งมีแนวคิดนิยมรัสเซีย ได้เปิดไวน์ “เฮเรซ เดอ ลา ฟรอนเตรา” วินเทจ 1775 (Jerez de la Frontera 1775) ให้ทั้งสองได้ชิม
Jerez de la Frontera ไม่ใช่สติลล์ ไวน์ (Still Wine) แต่เป็น แชร์รี (Sherry) ซึ่งเป็นไวน์ประเภท ฟอร์ติไฟด์ไวน์ (Fortified Wine) ชื่อดังของสเปน เหมือน พอร์ต (Port) ของโปรตุเกส ซึ่งท่านเคาท์ มิคาอิล โวรอนต์ซอฟ เป็นผู้ซื้อและนำมายังแคว้นไครเมีย โดยที่ไวเนอรีแห่งนี้มีอยู่ 5 ขวด และถูกเปิดไปแล้ว 1 ขวดดังกล่าว
หลังจากนั้นอดีตนายกฯ อิตาลีได้ไปหยุดยืนดูไวน์วินเทจ 1891 และถามเป็นภาษาอังกฤษว่า “ดื่มได้หรือไม่ ?” ยานินา พาฟเลนโก ตอบทันทีว่า “ได้ค่ะ…!” แต่ไม่มีรายงานว่าเกิดอะไรขึ้นกับไวน์ขวดนั้น
อัยการยูเครนประเมินว่า ไวน์ขวดที่ ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี สนใจอยากชิม มีมูลค่ามากกว่า 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.15 ล้านบาท อัยการจึงยื่นฟ้อง ยานินา พาฟเลนโก ในข้อหา ยักยอกทรัพย์ (Embezzlement)
อัยการยังระบุว่าไวน์ 2 ขวด ซึ่งเหมือนกับที่ถูกเปิดให้ ปูตินกับแบร์ลุสโกนี ดื่มนั้น เคยนำออกประมูลในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2004 ขวดหนึ่งทำราคาได้เกือบ 49,700 ดอลลาร์สหรัฐ เงินที่ได้จากการประมูลไวน์ทั้ง 2 ขวด ส่วนหนึ่งนำไปเข้าคลังรัฐบาล ยูเครน และอีกส่วนใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ มาสซานดรา ไวเนอรี และการผลิตไวน์ใน ไครเมีย
ไวน์ที่ประมูลดังกล่าวเป็นของราชวงศ์รัสเซีย ซึ่งผลิตในคาบสมุทรไครเมีย ในสมัยศตวรรษที่ 19 นั้น ไวน์ไครเมียมีชื่อเสียงโด่งดังถึงขนาดได้ขึ้นโต๊ะเสวยของพระเจ้าซาร์ และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 กษัตริย์องค์สุดท้ายของรัสเซีย ซึ่งทรงมีไวน์ไครเมียเก็บไว้หลายขวด เมื่อราชวงศ์ถูกโค่นล้มสมัยปฏิวัติรัสเซีย บรรดาข้าราชบริพารได้แอบเอาไวน์ไปซ่อนไว้ในอุโมงค์ใต้ดิน จนกระทั่งมีการค้นพบกันในสมัยที่ โจเซฟ สตาลิน ปกครองสหภาพโซเวียตและสตาลินได้สั่งให้เก็บไวน์พวกนี้ไว้
ไวน์เหล่านี้ประทับปีผลิตตั้งแต่ ค.ศ.1894 เป็นต้นมา และประทับพระราชลัญจกรขององค์จักรพรรดิคือ อินทรีสองหัว จึงเชื่อได้ว่าเป็นไวน์ของพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียแน่นอน และการที่สตาลินตัดสินใจเก็บไวน์ไว้ และสนับสนุนให้มีการผลิตไวน์แถวมาสซานดรามาจนถึงทุกวันนี้ แสดงว่าไวน์จากพื้นที่นี้ต้องมีคุณภาพดีเป็นพิเศษ
ไวน์หวานของมาสซานดรา
Massandra Winery มีชื่อเสียงในการผลิตฟอร์ติไฟด์ ไวน์ โดยเฉพาะแชร์รี่แบบสเปน มีการนำขวดแชร์รี่แบบบูติกมาจากเฆเรซ (Jerez) เขตผลิตแชร์รี่ชื่อดังของสเปนมาใช้ ปัจจุบันผลิตไวน์กว่า 20 สไตล์ ที่ทำชื่อเสียงให้คือ ไวน์หวาน
อย่างไรก็ตามมาสซานดรา ไวเนอรี ไม่ได้เป็นของรัฐบาล ยูเครนแล้ว และแคว้น ไครเมีย ก็อยู่ภายใต้การปกครองของ รัสเซีย ดังนั้นการตั้งข้อหาใด ๆ ก็ตาม ไม่สามารถดำเนินการได้ในแคว้นไครเมีย…..
ดังนั้น ชัยชนะเป็นของรัสเซีย !
