"HYBE" สร้างประวัติศาสตร์ บริษัทแรกในวงการ K-POP ทำรายได้เกิน 1 ล้านล้านวอน

เมื่อไม่นานนี้ บริษัท “ไฮบ์ คอร์ปอเรชัน” (HYBE Corporation) เปิดเผยรายได้ประจำปี 2564 ของบริษัทที่ประมาณ 1.25 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 838 ล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 30.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี 190,000 ล้านวอน และคิดเป็นกำไรสุทธิประมาณ 141,000 แสนล้านวอน เพิ่มขึ้น 62% ทำให้ไฮบ์ กลายเป็นบริษัทแรกในอุตหกรรมบันเทิงเกาหลี ที่สามารถทำรายได้มากกว่า 1 ล้านล้านวอน

ในปีที่แล้ว ไฮบ์ ทำยอดขายอัลบั้มเพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นรายได้ 378,500 ล้านวอน โดยยอดขายอันดับหนึ่งยังคงมาจากวง "บีทีเอส" (BTS) ในปีที่แล้วมีเพลงฮิตอย่าง “Butter” ที่สามารถครองอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด ฮอต 100 (Billboard Hot 100) นานถึง 10 สัปดาห์ และได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี อวอร์ด (Grammy Awards) ในสาขา การแสดงเพลงป๊อปดูโอหรือกลุ่มยอดเยี่ยม (Best Pop Duo or Group Performance) ทำยอดขายไปได้ 7.4 ล้านชุด

 

ตามมาด้วยวง “เซเวนทีน” (Seventeen) อีกหนึ่งบอยแบนด์แถวหน้าของวงการที่ในปีที่แล้วปล่อยมินิอัลบั้มออกมา 2 ชุด คือ “Your Choice” และ “Attacca” ทำยอดขายรวมกันได้กว่า 3.7 ล้านชุด

 

ในส่วนของวงบอยแบนด์น้องใหม่อย่าง “เอ็นไฮเพน” (ENHYPEN) แม้จะเดบิวต์มาได้เพียง 1 ปี แต่ก็สามารถทำยอดขายไปได้กว่า 2.2 ล้านชุด จากการปล่อยมินิอัลบั้ม “Border: Carnival” และ อัลบั้มเต็มชุดแรก “Dimension: Dilemma”

 

ขณะที่ “ทูมอร์โรว บาย ทูเก็ตเทอร์” (Tomorrow X Together) ทำยอดขายไปได้ 1.8 ล้านชุด จากอัลบั้ม “The Chaos Chapter: Freeze” อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของวง ทั้งเวอร์ชันปกติและรีอิสชู (reissue)

นอกจากนี้ในปีที่ผ่าน ไฮบ์ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท “Ithaca Holdings LLC” ของ “สกูตเตอร์ บรอน” (Scooter Braun) ที่มีศิลปินระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “อารีอานา กรานเด” (Ariana Grande) และ “จัสติน บีเบอร์” (Justin Bieber) ซึ่งสามารถทำรายได้ให้แก่ไฮบ์ได้เช่นกัน โดย ทำยอดขายได้ 2.4 ล้าน และ 2.3 ล้านชุดตามลำดับ

ในส่วนของรายได้จากการทำการแสดงสด ทั้งคอนเสิร์ตและแฟนมีทติ้ง ในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ สามารถทำรายได้ถึง 49,700 ล้านวอน เพิ่มขึ้น 980.5% ซึ่งเฉพาะไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว สามารถทำรายได้ไปมากถึง 45,3000 ล้านวอน ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากคอนเสิร์ตของบีทีเอส “2021 Permission To Dance On Stage” ที่ลอสแองเจลิส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ มีผู้เข้าชมกว่า 210,000 คน ทำรายได้ให้แก่ไฮบ์กว่า 40,000 ล้านวอน ซึ่งเมื่อรวมยอดขายจากการสตรีมมิงออนไลน์ แล้ว นับว่าเป็นยอดขายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

 

หากดูย้อนดูรายได้ต่อปีของไฮบ์ จะพบว่า มีรายได้โตเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า ในปี 2561 ไฮบ์สามารถทำรายได้ 301,372 ล้านวอน ขณะที่ปี 2562 ทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 587,224 ล้านวอน และในปี 2563 ทำรายได้สูงถึง 796,283 ล้านวอน ก่อนที่ในปี 2564 จะทำรายได้กระโดดไปที่ 1.25 ล้านล้านวอน

เมื่อเปรียบเทียบรายได้ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ของไฮบ์ กับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ พบว่า ไฮบ์ทำรายได้ไปถึง 402,400 ล้านวอน ขณะที่ “เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (SM Entertainment) ทำรายได้ไป 192,700 ล้านวอน โดย “เอ็นซีที 127” (NCT 127), “เอสป้า” (Aespa), “ไค” (Kai) และ “ซูเปอร์จูเนียร์ ดีแอนด์อี” (Super Junior D&E) ทำยอดขายอัลบั้มรวมกันได้ 4 ล้านชุด นอกจากนี้ เอ็นซีที 127 และ เอสป้า ยังสามารถกวาดรางวัลใหญ่ ๆ ในเวทีรางวัลต่าง ๆ ช่วงปลายปี

ส่วน “วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (YG Entertainment) ทำรายได้ไป 77,200 ล้านวอน แม้จะไม่มีศิลปินเบอร์ใหญ่ของค่ายคัมแบ็คในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาก็ตาม ส่วนในปีนี้ศิลปินกลุ่มตัวท็อปของค่ายมีแผนในการคัมแบ็กทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น “เทรชเชอร์” (TREASURE), “แบล็กพิงค์” (BLACKPINK), และ “วินเนอร์” (WINNER)

ขณะที่ “เจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (JYP Entertainment) ทำรายได้ไป 58,400 ล้านวอน โดยในปีที่ผ่านมา “สเตรย์คิดส์” (Stray Kids) เป็นศิลปินที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดของค่าย ส่วนวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง “ทไวซ์” (TWICE) และ “อิทจี” (ITZY) ยังคงคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ต้องมาดูกันว่าในปีนี้ที่ทุกค่ายเตรียมตัวหันมาจับธุรกิจการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และสร้าง Metaverse เป็นของตัวเอง จะช่วยให้รายได้ของแต่ละค่ายเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

 

ที่มา: Allkpop, Bandwagon, Korea Herald, Pulse News

กราฟิก: ชณิตนันท์ เหมืองจา