วิสัยทัศน์ในโลกอนาคต "ปองพล"นักแกะรอยอาชญากร
ถ้าวันนี้หุ่นยนต์เดินได้ อีกสองปีอาจบินได้ มนุษย์จะฉลาดทันไหมเนี่ย หรือถ้าลูกคุณถูกทำอนาจารในโลก"เมตาเวิร์ส" คุณจะทำยังไง ลองอ่านชีวิตและมุมคิด ผู้ก่อตั้ง"โซเชียลบูโร"
ก่อนหน้านี้เคยเล่าถึง พ.ต.อ.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ อดีตรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้กำกับการกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี คนต้นคิดโซเชียลบูโร (เว็บไซต์ https://socialbureau.io/) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทบล็อกเชนไพรโฮลดิ้ง จำกัด แพลตฟอร์มที่ทำขึ้น เพื่อให้คนทั้งโลกสามารถตรวจสอบอาชญากรออนไลน์ว่า มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
ส่วนครั้งนี้ขอเล่าถึงชีวิตและวิธีการหาความรู้ วิสัยทัศน์ในโลกอนาคตของเขา...
“ในปี 2025 เมื่อ 5 G มาคอมพิวเตอร์จะมีหน่วยความจำเพิ่มขึ้น สมองกลจะเพิ่มขึ้นทุก 2 เท่าใน 2 ปี ปัจจุบันก็มหาศาลแล้ว
ใน 3 ปีข้างหน้า สมองกลเหล่านี้จะพัฒนาฉลาดขึ้น อย่างที่เราตั้งตัวไม่ทัน ถ้าวันนี้หุ่นยนต์เดินได้ อีกสองปีอาจจะบินได้ ฉลาดแบบก้าวกระโดด ซึ่งมนุษย์จะตามไม่ทัน" ปองพล เล่า
อนาคตที่เปลี่ยนไป
ต่อไปฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์จะเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีฮาร์ดดิสก์ ปองพล บอกว่า ในอนาคตเราไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ในฮาร์ดดิสก์แล้ว สามารถเก็บทุกอย่างไว้ในระบบคลาวน์ ได้
“ในอนาคตคนที่ขายคอมพิวเตอร์จะขายไม่ออก ต้องเปลี่ยนเป็นธุรกิจเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ พอคอมฯตกรุ่น คนก็จะเปลี่ยนเป็นเช่าเครื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลด ไม่ต้องติดตั้ง เพราะทุกอย่างอยู่บนระบบคลาวน์”
สิ่งที่กล่าวมา อาจไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย เทคโนโลยีเหล่านี้เกิดขึ้นบ้างแล้ว โดยเฉพาะเมตาเวิร์ส ปองพล เล่าต่อว่า เมื่อ 5G มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น เมตาเวิร์สจะพัฒนามากกว่านี้ ตอนนี้เด็กและเยาวชนใช้ชีวิตในเมตาเวิร์สบ้างแล้ว แล้วพวกเขาไม่ได้กลัวเทคโนโลยี นั่นอาจเป็นชีวิตจริงของเขา
"สมมติว่าผมมีลูกสาว 5 ขวบ แล้วเข้าไปเล่นเกมในเมตาเวิร์ส เที่ยวสวนสาธารณะในนิวยอร์ค แล้วเจอคนที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศเด็ก อาจจะแก้ผ้าหรืออนาจารลูกสาวผมในเมตาเวิร์ส
ถามว่า ลูกผมถูกข่มขืนจริงๆ ไหม...ก็ไม่ แต่ลูกผมได้เห็นภาพอุจาดตาที่ไม่ควรเห็น แล้วพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเห็นแบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้จะแจ้งตำรวจที่ไหน"
นั่นจึงเป็นที่มาของแพลตฟอร์มโซเชียลบูโร“ Social Bureau” ซึ่งสามารถตรวจสอบอาชญากรออนไลน์หรือการกระทำที่ไม่ถูกจริยธรรมในโลกออนไลน์ได้
“ตอนนี้โซเชียล บุโร แพลตฟอร์มที่ผมทำกับทีมจะเริ่มกระบวนการตรวจสอบข้อมูล โดยจ้างคนทั่วโลกว่า ข้อมูลอันไหนจริงหรือเท็จ จัดลำดับความน่าเชื่อถือของข้อมูล”
กว่าจะมาถึงจุดนี้ กับนวัตกรรมรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มออนไลน์ตรวจสอบอาชญากรได้ทั่วโลก ปองพล สะสมประสบการณ์ในการเป็นตำรวจมานานกว่า 29 ปี โดยเฉพาะช่วงที่เขาเป็นตำรวจสากล มีโอกาสเรียนรู้เรื่องนวัตกรรม ธุรกิจและเรื่องอาชญากรรมหลายสิบหลักสูตร
“ตำรวจไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้มีน้อย จะมีหลักสูตรจากประเทศต่างๆให้เราเรียนเยอะ กลายเป็นว่าผมได้เรียนเกือบทุกหลักสูตรทั่วโลก ผมได้เรียนกว่า 40 หลักสูตร ”
นักเรียนรู้ตัวยง
ทั้งๆ ที่ตอนเด็กๆ เคยตกภาษาอังกฤษคนเดียวในห้องตอนเรียนระดับมัธยม 1-3 แต่เขาก็สามารถพัฒนาตัวเองในเรื่องภาษาอย่างรวดเร็ว จนเป็นทั้งล่ามและพิธีกรสองภาษาในหลายงานของวงการตำรวจ
“ตอนเด็กๆ ภาษาอังกฤษติด F เกือบทุกเทอมช่วงเรียนมัธยมต้นๆ แต่พอขึ้นมัธยมปีที่ 4 ผมได้คะแนนเต็มร้อย พอเข้าเตรียมทหารและโรงเรียนตำรวจก็ได้คะแนนเต็มร้อย เมื่อก่อนเรียนภาษาอังกฤษไม่เข้าหัว
มาค้นพบตอนหลังว่า เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษผิดด้าน ทั้งๆ ที่รู้คำศัพท์เป็นหมื่นๆ คำ ทำไมสื่อสารกับคนต่างชาติไม่ได้ เพราะเราเริ่มเรียนอ่านและเขียนก่อน
ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เป็นแค่นักท่องจำ เนื่องจากไม่ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษตามธรรมชาติ ต้องเริ่มจากฟัง พูด อ่าน เขียน "
คำอธิบายง่ายๆ ที่ปองพล เล่าอย่างออกรส ก็คือ หากเด็กเกิดมา ยังฟังพ่อแม่พูดไม่เข้าใจ แล้วจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างไร
"ถ้าหนึ่งขวบแรก เรียนรู้จดคำศัพท์จำได้ 200-300 คำ พอสองขวบ เด็กก็อยากระบายความรู้สึก ก็เอาคำศัพท์ที่เรียนรู้มาพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่สื่อสารกับพ่อแม่ได้"
ปองพลเอง ก็ฝึกภาษาด้วยการร้องเพลงที่มีความชอบเป็นทุนเดิม และพยายามออกสำเนียงให้เป็นไปตามธรรมชาติ
“ถ้าผมจะร้องเพลงและพูดอะไร ผมต้องเข้าใจก่อน จะออกสำเนียงเสียงก็ต้องพูดให้เหมือน ผมจึงหัดร้องเพลงภาษาอังกฤษที่มีคำแปล พอร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ 20 เพลง ทำให้เราพูดและฟังได้โดยอัตโนมัติ
พอกลับมาเรียนในห้องเรียน ทุกอย่างง่ายหมด ผมพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่อายุ 15 ผมเป็นคนเดียวในห้องที่พูดภาษาอังกฤษเป็นธรรมชาติ” ปองพล เล่าถึงการปรับวิธีการเรียนรู้ จากสอบตกภาษา ฝึกฝนใหม่จนได้อันดับต้นๆ
“ผมเป็นติวเตอร์ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะผมสามารถอธิบายเรื่องยากๆ ให้คนเข้าใจได้ง่ายๆ ทำให้คนมาให้ผมติวเยอะ ก็เลยเปิดเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ และผมไปเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนตัวเองตอนอายุ 24 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ สาขา MBA เพราะเรารู้เรื่องกฎหมายและอาชญากรรมแล้ว ถ้าเราไม่รู้โลกของธุรกิจ เราจะเข้าใจคนได้ยังไง”
ชอบเรียนรู้ทุกๆ เรื่อง
เหมือนเช่นที่เขากล่าว เขาสามารถอธิบายเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความใฝ่รู้
“ตอนผมเรียนที่อังกฤษ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย ผมก็เดินเข้าไปดู ผมชอบเทคโนโลยีและสนใจประวัติศาสตร์อังกฤษด้วย
ทำไมประเทศเขาเจริญก้าวหน้าและครอบครองดินแดนไปทั่วโลก เพราะพวกเขาสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อังกฤษมีรถไฟฟ้าใช้ก่อนไทย 98 ปี”
ในอนาคตหากธุรกิจแพลตฟอร์มโซเชียล บุโร ที่ร่วมกับคนหลากหลายวงการไปได้ดี ปองพล บอกว่า ก็จะช่วยเหลือสังคมบ้าง ไม่มากก็น้อย
และเมื่อถามว่า เขาสนใจเข้าสู่แวดวงการเมืองหรือไม่ ปองพล ปฎิเสธ แต่อยากนำเสนอความคิดในบางเรื่อง
1.อยากให้คำปรึกษามุมมองหรือวิสัยทัศน์ของอนาคต ปัจจุบันที่เห็นคือ ภาคนโยบาย พยายามจะใช้เทคโนโลยีเก่ามากำกับเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งไม่สำเร็จ
2. ภาครัฐ มักจะเอาข้อผิดพลาดเมื่อวานมาตั้งกฎระเบียบของวันนี้ เรื่องเหล่านี้ควรมองใหม่ว่า กฎระเบียบที่วางไว้ในวันนี้ ควรรองรับการเติบโตในอนาคตด้วย
“ผมอยากให้วิชั่นกับคนไทย ยกตัวอย่าง สิงคโปร์และออสเตรเลีย ปัจจุบันสอนเรื่องบล็อกเชนให้เด็กชั้นประถมแล้ว เมื่อพวกเขาคุ้นเคยและใช้ชีวิตกับบล็อกเชน ต่อไปเด็กเหล่านั้นจะเป็นคนผลิตแอพฯต่างๆ เกี่ยวกับบล็อกเชนออกมาขายคนทั่วโลก คนไทยก็จะเป็นผู้ซื้อ
หรือเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ใครๆ ก็บอกว่าเทคโนโลยีนี้ต้องมาแน่ๆ แต่ไม่มีใครรู้จักและไม่มีใช้ทั่วไป ถ้าผมมีศักยภาพพอ ผมจะซื้อไปแจกจ่ายตามตลาดนัด ศาลาวัด
ถ้ากระจายไปตามหัวเมืองต่างๆ ให้คนใช้ฟรี ใช้ทุกวัน ก็จะเกิดไอเดียสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้"
พุุทธศาสนาที่ช่วยขัดเกลาจิตใจ
ปองพล ยอมรับว่า สมัยเป็นตำรวจค่อนข้างโมโหร้าย ไม่ซ้ายก็ขวา ใครตำแหน่งใหญ่แค่ไหน ก็เคยชี้หน้าด่ามาแล้ว แต่เขาก็เปลี่ยนทัศนคติได้ เพราะพุทธศาสนา
"ตอนที่ผมได้รับภารกิจหนึ่ง จะทำให้ตำรวจจราจรสื่อสารกับประชาชนโดยไม่โกรธได้อย่างไร เมื่อได้รับมอบหน้าที่นี้ ผมเองเป็นคนโกรธง่าย ต้องไปทำตัวไม่โกรธคนง่ายๆ ก่อน
เคยมีการทดลองเรื่องน้ำกับความทรงจำ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำได้อย่างไร ผ่านการศึกษาทดลองโดย ดร.มาซารุ อิโมโตะ เพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งที่เราคิดอยู่ส่งออกได้ และตีความได้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
“ทุกความคิดที่ส่งออก ถ้าเราคิดมองใครไม่ดี ก็ส่งผลแบบนั้น ถ้าผมมองดี ก็จะตอบกลับมาดี ด้วยวิธีคิดแบบนี้ ผมก็เริ่มมองแง่ดีๆ ของคน แง่ไม่ดีก็พยายามมองข้าม ผ่านไปสี่ปี ชีวิตเปลี่ยน"