เรื่องส่วนตัวที่"วลาดิเมียร์ ปูติน"ไม่อยากเล่า : เรื่องลูกสาวและคนรักใหม่
หลังจาก"วลาดิเมียร์ ปูติน"ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดสงครามกับยูเครน คนทั้งโลกก็จับจ้องมาที่ผู้นำรัสเซีย รวมถึงขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องลูกสาวทั้งสองและคนรักใหม่
ตอนที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียสั่งบุกยูเครน เมื่อปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาคงตระหนักดีว่า การตัดสินใจของเขาจะทำให้เกิดผลกระทบต่อรัสเซีย
และคนรัสเซียอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งก็จริง เพราะเพียงแค่ 1 เดือนที่ผ่านมา หลายๆ วงการของรัสเซียเช่น วงการกีฬา โดยโดนคว่ำบาตรจากทั่วโลก
- ลูกสาวของประธานาธิบดีรัสเซีย
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างมากคนหนึ่งคือ ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีรัสเซีย เองเพราะสงครามที่ยังดำเนินต่อไปทำลายความหวังของเธอ ที่มีแผนจะเปิดศูนย์การแพทย์อันหรูหราและทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า เธอได้แยกทางกับสามีชาวดัชต์ ก่อนเกิดสงครามไม่นานอีกด้วย
เรากำลังพูดถึง มาเรีย โวรอนโซวา วัย 36 ปี ลูกสาวคนโตของปูตินกับลุตมิลา อดีตภรรยา
มาเรียเป็นแพทย์และเชี่ยวชาญในเรื่องโรคหายากทางพันธุกรรมในเด็ก เธอเกิดในช่วงที่พ่อของเธอทำงานเป็นสายลับของเคจีบีในเยอรมัน
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยเซอร์เก้ คาเนฟ นักข่าวชาวรัสเซียที่ต้องลี้ภัยออกนอกรัสเซีย เซอร์เก้กล่าวว่า มาเรียเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในเมกะโปรเจคที่จะสร้างศูนย์ทางการแพทย์อันทันสมัยและไฮเทค ใกล้เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองท่าสำคัญริมทะเลบอลติกของรัสเซีย
(พ่อ-แม่-ลูก นายปูติน อดีตภรรยา ลุดมินาและมาเรีย โวรอนโซวา ลูกสาวคนโต เมื่อปี 2551)
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของศูนย์การแพทย์แห่งนี้คือ อภิมหาเศรษฐีจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากยุโรปและบรรดาชี้คผู้ร่ำรวยจากประเทศในตะวันออกกลาง
เซอร์เก้กล่าวว่า ตอนนี้มีสงครามในยูเครน โครงการก็เลยต้องหยุดไป และหลังจากนี้จะมีใครอยากมาเป็นลูกค้า
ส่วนโรมัน โดโบรคอฟตอฟ บรรณาธิการของเดอะ อินไซด์เดอร์ ซึ่งลี้ภัยออกนอกรัสเซียหลังจากรายงานข่าวการคอร์รัปชั่นของเข้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียอ้างว่า ตอนนี้มาเรียได้เลิกรากับจอร์ริท ฟาสเซนน์ สามีนักธุรกิจชาวดัชต์ ก่อนหน้าคุณพ่อตาประกาศสงครามไม่นาน ทั้งสองมีลูกด้วยกันด้วย โรมันไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้
ฟาสเซนน์ ทำงานในรัสเซียในบริษัทด้านการเงินและการลงทุนและพ่อของเขาเป็นนายทหารในกองทัพเนเธอร์แลนด์
เมื่อมีคนถามเรื่องเขาแต่งงานกับลูกสาวปูติน ฟาสเซนน์กล่าวแต่เพียงว่า “ผมแต่งงานกับสาวรัสเซียและมีลูกด้วยกัน ผมพูดได้แค่นี้”
(นายปูตินกับอดีตภรรยา ลุดมิลา)
ปูตินไม่เคยยอมรับหรือเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของเขาเลย ยกเว้นเรื่องหย่ากับลุดมิลา ภรรยาคนแรกและลูกๆ ที่เกิดจากลุดมินา ลูกสาวทั้ง 2 คนก็ใช้นามสกุลของทางคุณย่าของพวกเธอ
การรายงานข่าวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของปูตินก็มักจะเขียนว่า “เชื่อกันว่า” หรือ “มีข่าวว่า” ทั้งสิ้น
ปัจจุบัน มาเรียเป็นนักวิจัยระดับแนวหน้าของศูนย์วิจัยทางการแพทย์ด้านอายุรกรรมต่อมไร้ท่อของกระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย
เมื่อปีที่แล้ว มาเรียเคยให้สัมภาษณ์ทีวีช่อง รอสสิยา 24 ของรัสเซียเกี่ยวกับความพยายามที่จะต่อสู้กับโรคหายากทางพันธุกรรมในเด็ก โดยที่ไม่พูดถึงว่า เธอเป็นลูกสาวของปูติน
ส่วนแคเธอรินา ติโคโนวา วัย 35 ปี ลูกสาวอีกคนของปูตินกับลุดมิลาทำงานเป็นรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมอสโคว์
(มาเรีย โวรอนโซวา ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีรัสเซีย)
- ข่าวลือเรื่องคนรักวลาดิเมียร์ ปูติน
ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ บรรดานักข่าวในสวิตเซอร์แลนด์กำลังเช็คข่าวกันจ้าละหวั่นว่า จริงหรือไม่ที่ประธานาธิบดีรัสเซียส่งอลีนา คาบาเยวา อายุ 38 ปี คนรักของเขามาพำนักที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นการชั่วคราวในช่วงสงครามนี้
อลีนา อดีตนักยิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิกของรัสเซีย เดินทางออกจากรัสเซียเมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังจากปูตินประกาศสงครามกับยูเครน มาพำนักอยู่ในคฤหาสน์หรูในสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมลูกๆ
แต่กระทรวงยุติธรรมกลางและตำรวจสวิสตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ชี้เลยว่า อลีนาอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์
ที่ผ่านมา สวิตเซอร์แลนด์มีนโยบายเป็นกลางทางการเมืองมาโดยตลอด แต่หลังจากการบุกยูเครนของรัสเซีย
รัฐบาลสวิสตัดสินใจเปลี่ยนท่าทีเป็นครั้งแรกในรอบ 207 ปี โดยออกแถลงการณ์เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้ตัดสินใจร่วมกับสหภาพยุโรปในการคว่ำบาตรรัสเซียและอายัดทรัพย์สินส่วนตัวของประธานาธิบดีปูติน และให้มีผลบังคับใช้ทันที
ข้อมูลล่าสุดปี 2020 พบว่า รัสเซียมีทรัพย์สินในสวิตเซอร์แลนด์ราว 15.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อลีนา เป็นเจ้าของเหรียญทอง 2 เหรียญจากยิมนาสติกลีลาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและการแข่งขันอื่นๆ ในระดับโลกมาอีกนับไม่ถ้วน
เธอถูกจับตามองและถูกซุบซิบมานานแล้วว่า เป็นคนรักใหม่ของปูติน ผู้นำรัสเซียวัย 69 ปีที่หย่าร้างกับ ลุดมิลา เมื่อปี 2556 หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานกว่า 30 ปี
ตอนประกาศการหย่าร้างกับลุดมินานั้นมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ด้วยโดยอ้างว่า ทั้งสองไม่มีเวลาให้แก่กัน
แต่ปูตินไม่เคยประกาศยอมรับเรื่องมีรักใหม่กับสาววัยลูกคนนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนก็ได้แต่ซุบซิบกัน ในขณะที่ทั้งสองออกงานด้วยกันและถ่ายภาพร่วมกันในงานสังคมบ่อยครั้
นอกจากนี้ อลีนายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการสื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ของรัสเซียโดยได้รับเงินเดือนมากกว่า 352 ล้านบาทต่อปีอีกด้วย
ข่าวเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เปิดเผยนี้กระพือโหมกันอีกครั้งหนึ่งเมื่อมีข่าวว่า อลีนาให้กำเนิดลูกสาวที่เกิดกับนายปูตินในเมืองลูกาโนของสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2556
โฆษกของนายปูตินออกมาปฏิเสธว่า นายปูตินไม่ใช่พ่อของลูกของอลีนา แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ อลีนาและลูกต่างถือพาสปอร์ตสวิส ทำให้สามารถเข้านอกออกในสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างสะดวก
(วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียถ่ายภาพร่วมกับอลีนา คาบาเยวา)
รัฐบาลสวิสประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย
ข่าวที่ว่า อลีนาใช้สวิตเซอร์แลนด์เป็นที่พำนักชั่วคราว ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศและผู้ที่ต่อต้านนายปูตินออกมาออกแสดงความประหลาดใจที่สวิตเซอร์แลนด์ยอมให้คนใกล้ชิดของปูตินมาพำนักทั้งๆ ที่ประกาศคว่ำบาตรไปแล้ว
มาร์ติน ไพธ์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายอาญาชื่นชมรัฐบาลสวิสที่ออกมาสอบสวนเรื่องนี้
“ผมคิดว่า ทางการสวิสทำในสิ่งที่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่กิจการส่วนตัวของปูติน เป็นเรื่องของสวิตเซอร์แลนด์ที่จะรู้ว่า คนรักของปูตินอยู่ในประเทศเราหรือไม่”
ไพธ์ให้สัมภาษณ์ว่า สวิตเซอร์แลนด์จะเสียชื่ออย่างมาก ถ้าอลีนามาพำนักในประเทศจริงๆ เพราะสวิตเซอร์แลนด์เป็นเหมือนประตูของรัสเซียสู่โลกตะวันตก
“มีนักธุรกิจรัสเซียมาลงทุนในประเทศของเรา ตอนนี้เหมือนว่า เราเป็นที่หลบภัยสำหรับคนทุกประเภทไปแล้ว”
ถึงแม้ว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครคอนเฟิร์มเรื่องอลีนา แต่ก็เกิดกระแสเรียกร้องในโลกออนไลน์ให้ทางการสวิตเซอร์แลนด์ขับเธอออกจากประเทศ
ในเว็บไซต์ change มีผู้ร่วมลงนามจากทั่วโลกแล้วเกือบ 70,000 คน ข้อเรียกร้องระบุว่า “ถึงเวลาที่อลินาต้องกลับไปอยู่กับท่านผู้นำของเธอแล้ว
และเหตุใดจึงยอมให้ที่พักพิงแก่อลีนาและครอบครัวในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินเดินหน้าทำลายล้างชีวิตของผู้คนหลายล้านคน”
ในขณะเดียวกัน วาเลอรี โซโลเวย์ นักรัฐศาสตร์ชาวรัสเซียให้สัมภาษณ์ว่า ลุตมิลา ภรรยาคนแรกของประธานาธิบดีปูตินและลูกสาวนั้น ก็ถูกส่งไปพำนักใน “เมืองใต้ดิน” ในเขตไซบีเรียซึ่งอยู่ในประเทศรัสเซีย
ว่ากันว่า เมืองใต้ดินดังกล่าวเป็นบังเกอร์หรูหราและไฮเทคในแถบภูเขาอัลไตที่สร้างขึ้น เพื่อป้องกันหากมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ในพื้นที่รอบๆ ภูเขาดังกล่าว มีการสร้างแหล่งผลิตไฟฟ้า 110 กิโลโวลต์ซึ่งสามารถรองรับเมืองเล็กๆ ได้ทั้งเมือง
...............
รูปและเรื่อง : เดลี่ เมลล์, swissinfo.ch