“บุฟเฟ่ต์ชาบู” อาหารเวียดนาม “อร่อย” ที่ Morning Glory
“บุฟเฟ่ต์ชาบู” และอาหารเวียดนามแบบดั้งเดิม “อร่อย” ทั้ง เมนูอลาคาร์ท “ชาบูเวียดนาม” และ Chef’s Table ที่ร้าน Morning Glory (มอร์นิ่งกลอรี่)
บุฟเฟ่ต์ชาบู สไตล์เวียดนาม หรือ ชาบูเวียดนาม ถือว่าคู่แข่งน้อยเพราะยังไม่ค่อยมีใครทำ Morning Glory (มอร์นิ่งกลอรี่) ชั้น 1 โรงแรม Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48
ร้านอาหารเวียดนาม สไตล์เชฟเทเบิล และ บุฟเฟ่ต์ชาบู นำโดย เชฟบัง วาลิต เลิศปัญญา ผู้มีประสบการณ์ด้านอาหาร ไทย-จีน-เวียดนาม
อาหารเวียดนาม ถือว่าเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหารเก่าแก่ของโลก ที่ผสมผสานความ อร่อย ของซีกโลกตะวันออก และโลกตะวันตก หลอมรวมกัน
จนกลายเป็นอีกหนึ่งวิวัฒนาการทางอาหารที่น่าหลงใหล จุดกำเนิดที่แท้จริงมาจากอาหารจีนตอนใต้ ที่แผ่ขยายเข้ามาในแต่ละภูมิภาคของประเทศเวียดนามนั่นเอง
หมูหวานชวนชิม ได้ลิ้มรสความ อร่อย ของ “ขนมเบื้องญวน” “เปาะเปี๊ยะทอด” “แหนมเนือง” และ “ส้มตำเวียดนาม” ประทับใจเป็นยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุฟเฟ่ต์ชาบู สไตล์เวียดนาม หรือ ชาบูเวียดนาม รสชาติ อร่อย ที่ร้าน Morning Glory (มอร์นิ่งกลอรี่)
ชั้น 1 โรงแรม Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48
ซึ่งชื่อร้านมีความหมายว่าผักบุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชประจำถิ่นของเวียดนามแล้ว ยังหมายถึงแสงแห่งรุ่งอรุณ
เพราะการได้รับประทานอาหารที่ดี เสมือนแรกตื่นนอนยามเช้าด้วยความชื่น สดใส
เตรียมเสิร์ฟ อาหารเวียดนาม มากกว่า 33 รายการ ทุกเมนู ของ Morning Glory คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีจากธรรมชาติ
อาทิ พืชผักออร์แกนิก ล้างจนสะอาดใบต่อใบก่อนเสิร์ฟถึงโต๊ะ ส่วนเนื้อสัตว์ส่งมาจากฟาร์มที่ไว้วางใจได้ หมูหวานชวนชิม รู้สึกอิ่มเอม
เพราะไม่ต้องบินไป อร่อย ถึงเมืองเว้ เมืองดานัง และฮานอย เพราะที่นี่ครบครั้นทั้งเชฟเทเบิล(Chef’s Table) และ บุฟเฟ่ต์ชาบู
มีทั้งหมด 3 ทางเลือกให้ได้อิ่ม “อร่อยกัน” โดยเริ่มจาก
บุฟเฟ่ต์ชาบู ราคาเซตละ 799 บาท เป็น ชาบูสไตล์เวียดนาม หรือ ชาบูเวียดนาม รวมทั้งของว่าง เนื้อ และหมู ผักนานาชนิด
ตลอดจนเลือกสั่งได้ทุกเมนูจากเซ็ตอาหาร 20 กว่ารายการในส่วนของเชฟเทเบิล แบบไม่อั้นภายในเวลา 2 ชั่วโมง ถัดมาเป็น
เฝอเวียดนาม ทว่าใช้เส้นขนมจีน รสจัดจ้านอร่อยมาก
Chef’s Table จะได้ลิ้มลองอาหารเวียดนามต้นตำรับ จากการสร้างสรรค์ของเชฟบัง วาลิต เลิศปัญญา ทั้งหมด 15 รายการ
เริ่มจากอาหารว่าง อาหารจานหลัก และขนมหวาน ในราคา 1,000 บาท (NET ต่อท่าน)
"กุ้งพันอ้อย" เมนูห้ามพลาด
โดยสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อน 2 วัน เพราะรับจำนวนจำกัดครั้งไม่เกิน 4-12 ท่าน โดยอาหารจะเป็น surprised menu แตกต่างกันในแต่ละไตรมาส
ขนมปากหม้อใส่ไข่ เวลาตัดไข่แดงจะเยิ้มออกมา
ในส่วนที่ 3 นั้นจะเป็น เมนูอลาคาร์ท มี อาหารเวียดนาม กว่า 30 รายการ ให้เราได้เลือกชิม เมนูแนะนำ อาทิ ปากหม้อญวนใส่ไข่ (บั๋นก๊วน : Banh Cuon)
"เปาะเปี๊ยะทอด" แป้งพิเศษกรอบอร่อยข้างในมีไส้ปู กุ้ง หมู เผือก หอมอร่อย เป็นอีกเมนูที่ต้องสั่งซ้ำ
เปาะเปี๊ยะทอด (จ่าก่อย Cha Gio) แบบพื้นบ้าน เปาะเปี๊ยะทอดชาววัง (Royal/Imprial Roll) ห่อด้วยแป้งชนิดพิเศษ ไส้ ปู กุ้ง หมู เผือก
ส่วน ชาบูเวียดนาม (Royal Vietnamese Hot Pot)นั้น ราคา 350 บาท มีให้เลือกทั้งหมูหรือเนื้อ
ความพิเศษอยู่ที่น้ำซุปเคี่ยวนานกว่า 24 ชั่วโมง ด้วยกระดูกหมู และน้ำมะพร้าวอ่อน เมนูแนะนำยังมี เปาะเปี๊ยะสดไส้กุ้งและหมู (ก่อยก้วน)
"ส้มตำเวียดนาม" เห็นหน้าตาจืดชืดแต่อร่อยนะจ๊ะ หมูหวานชวนชิมชอบมาก รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่นจริงๆ
ขนมถ้วยเวียดนาม (บั้นแบ่ว), กุ้งพันอ้อย (จ่าโตม) เปาะเปี๊ยะทอดแป้งตาข่ายไส้ทะเล (จ่าก่อย : Cha Gio – Imperial Seafood Spring Roll) สลัดส้มโอ (ก่อยเบื่อย)
หมู/เนื้อ ย่างใบชะพลู หอมกรุ่น
หมูหวานชวนชิม ชอบ หมู/เนื้อ ย่างใบชะพลู หอมกรุ่นกลิ่นใบชะพลูที่ย่างกับเนื้อหรือหมูผ่านการหมักมากับเครื่องเทศ
"ชาก๋า" ปลาเก๋าขมิ้นกระทะร้อน
ใครที่เคยได้ลิ้มรส ชาก๋า ที่เมืองฮานอย ที่นี่เขาก็มี ปลาเก๋าขมิ้นกระทะร้อน หรือ ชาก๋า
เสิร์ฟมากับขนมจีนและผัก (Cha Cad - Vietnamese Turmeric Fish Served with Noodles) ไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปไกลถึงฮานอยก็ อร่อย ได้
"แหนมเนือง" อร่อยครบเครื่อง
เชฟแวน-อายุษกร อารยางค์กูร เล่าว่า เลือกอาหารเวียดนามแบบ Authentic มาเสิร์ฟที่นี่ เพราะมีแนวโน้มที่ดีสำหรับเทรนด์อาหาร
ปัจจุบันรณรงค์ให้ไม่มีคาร์บอนในการทำอาหาร อย่างเทรนด์ในการกินมังสวิรัติ อาหารเจ หลีกเลี่ยงฟาร์มปศุสัตว์ที่ทำให้เกิดก๊าซมีเทน ก๊าซเรือนกระจกทั้งหลาย
“เชฟแวน-อายุษกร อารยางค์กูร”
“ผมว่าจังหวะนี้ อาหารเวียดนาม มีความเหมาะสมมาก สามารถเอาเนื้อสัตว์ออกไปโดยเราไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะใช้ผักค่อนข้างเยอะ
10 ปีที่ผ่านมาคนให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้น อาหารเวียดนาม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพราะใช้ผักเยอะมาก
"ก๋วยจั๊บญวนหมู"
และใช้เครื่องปรุงน้อยมาก ซอสต่างๆที่ใช้ก็ปริมาณน้อย ผมชอบอาหารเวียดนาม และชอบอ่านประวัติศาสตร์ของเวียดนาม
สมัยก่อนเคยตกอยู่ภายใต้จีน เป็นพันๆปี แถบทางตอนเหนือมีภูเขาสูงอากาศหนาวก็จะมีอาหารที่ต่อสู้กับความหนาว มีพวกซุป
เช่นเฝอที่ดังไปทั่วโลก แล้วกี บุ๋นชา เหมือนมีทบอล ทานกับขนมจีน กินแล้วหายหนาว
"ซี่โครงหมูย่างกับขนมจีน"
แล้วยังมีวัฒนธรรมของเขมร ลาว ไทย เข้าไปผสมผสานกับเวียดนามเช่นส้มตำของไทย แต่เครื่องปรุงน้อยกว่า
มีรสชาติที่แตกต่าง กินแล้วสดชื่น ความคล้ายของเอเชียอยู่ที่น้ำปลา และผัก เวียดนามจะมี Nuc Mam ขึ้นโต๊ะ
ถ้าเป็นไทยก็น้ำปลาพริก มีหลากหลารสชาติ ทั้งใส่มะนาว น้ำส้ม พริกขี้หนู กระเทียม มีการใช้ปลาร้าคล้ายไทย
"เปาะเปี๊ยะสด" กุ้ง และหมู
แล้ว อาหารเวียดนาม ยังได้รับอิทธิพลจากมาเลย์ โดยใช้ผงกะหรี่ ล่าสุดก็มีวัฒนธรรมฝรั่งเศส มีการเคล้าน้ำสลัดกับผัก มีครีมซอสเข้ามา”
เชฟแวนเล่าว่า คนเวียดนามมีการจัดเกรดน้ำปลา คล้ายกับอิตาเลียนจัดเกรดน้ำมันมะกอก คนไทยเองก็มีน้ำปลาหลายเกรด
แต่ไม่ได้จัดเกรดแบบจริงจังมากนักเพียงแต่เป็นที่รู้กันว่าน้ำปลาดีต่างๆ สูตรเฉพาะเหล่านั้นไปหาซื้อได้ที่ไหน ศูนย์กลางของอาหารเวียดนามสมัยก่อนอยูที่เว้
เพราะเป็นเมืองหลวงเก่าเมื่อ 100 กว่าปีก่อน กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหงียน พระองค์ให้ความสำคัญกับการเสวย
มีอาหารขึ้นโต๊ะเสวยมื้อละ 50 อย่าง จากคนปรุง 50 มีคนเสิร์ฟ 50 คนเสิร์ฟพร้อมกัน มีการปรุงอาหารที่ซับซ้อนวิจิตร เพราะเมืองเว้ มีวัตถุดิบที่ไม่หลากหลาย
การขนส่งสมัยนั้นยังไม่สะดวกแบบปัจจุบัน ดังนั้นวัตถุดิบหาได้ตามฤดูกาล คนปรุงต้องมีไอเดียในการสร้างสรรค์เมนู เพื่อให้กษัตริย์พึงพอใจ
ยกตัวอย่าง ขนมเบื้องญวน มีขนาดเล็กพอดีคำ เหมือนทาโก้ของแมกซิกัน หยิบรับประทานง่าย เมนู “กุ้งพันอ้อย” ก็มีกำเนิดจากที่นั่น
จุดเด่นของอาหารเวียดนามคือใช้ผักสมุนไพรเยอะมาก ส่วนใหญ่จะรังสรรค์เมนูอาหารจากวัตถุดิบที่เมืองนั้นๆมี
เชฟแวนเดินสายเรียนทำอาหารที่เมืองเว้ ฮานอย และโฮจิมินทร์ จึงเข้าใจในรสชาติของอาหารเวียดนามค่อนข้างเยอะ เขาเรียนรู้ว่า
ความหวานจากธรรมชาติต้องมาจากอะไรบ้าง เช่นในร้านนี้มาจาก “น้ำมะพร้าว” ไม่ได้หวานจากน้ำตาล บางครั้งก็ได้ความหวานมากจากสับปะรดเป็นต้น
“เชฟเทเบิล” Chef’s Table ร้านนี้ทีแรกหมายถึงมาที่โต๊ะ เชฟมีอะไรก็เสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์ มีไลน์บุฟเฟ่ต์ให้ทุกคนเลือกหยิบผัก และวัตถุดิบต่างๆเอง
พอเจอกับโรคโควิดระบาด จึงงดบุฟเฟ่ต์ไปก่อน ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นพอแขกมานั่งที่โต๊ะ เชฟจะทำอาหารออกมาเสิร์ฟเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องไปตักเอง
แต่ต้องจองเข้ามาก่อน เพื่อให้ทราบจำนวนผู้ที่จะมารับประทาน แล้วเชฟค่อยๆ เสิร์ฟอาหารแบบในวังที่เมืองเว้ ชอบจานไหนขอซ้ำได้ สุดท้ายจบที่ บุฟเฟ่ตชาบู
ในเวลาเย็นย่ำ 17.00 – 20.00 น. ร้านนี้เขามีโปรโมชั่นเครื่องดื่มเบียร์บุฟเฟ่ต์ 259 บาท (Net) และไวน์บุฟเฟ่ต์ 359 บาท (Net) ภายในเวลา 2 ชั่วโมง อีกด้วย
Morning Glory - The Vietnamese Chef’s Table เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 21.00 น.พร้อมมาตรฐานการรักษาความสะอาด
และมาตรการรักษาระยะห่าง สะดวกสบายด้วยที่จอดรถ ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท ที่ชั้น 1 โรงแรม Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48
สำรองที่นั่งหรือสั่งอาหารกลับบ้านได้ที่ โทร 098-494-2000 หรือทาง Line Official ID : https://lin.ee/zNkIqOd หรือ line ID : @morningglorybkk
"โอนีแปะก้วย" อร่อยมาก
"สาคูแคนตาลูป" เชฟบ่มแคนตาลูปจนหอมหวานเหมือนเมล่อนญี่ปุ่น