"โหรฟองสนาน" เผยผลพฤหัสบดีย้าย เมืองรัตนโกสินทร์ ถูกบีบ-น้ำท่วม-โควิดจาง
"โหรฟองสนาน" เผยผลพฤหัสบดีย้ายจากราศีกุมภ์เข้าราศีมีน 1 ปี เมืองรัตนโกสินทร์ ถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลือง-น้ำท่วม-โควิดจางๆไป และนักท่องเที่ยวกลับมา
"โหรฟองสนาน" เปิดเผยคำทำนายผ่านบทความ แม่หมอสมัครเล่นตอนที่422 โดยฟองสนาน จามรจันทร์ ผลของพฤหัสบดีจรย้ายจากกุมภ์เข้ามีนต่อเมืองรัตนโกสินทร์
เมืองถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลือง+น้ำท่วม+โควิดจางๆไปและนักท่องเที่ยวกลับมา
ตามที่ผู้เขียนได้ทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ ในบทความชื่อแม่หมอสมัครเล่นภาคพิเศษดวงเมือง 2565 นำเสนอไว้ตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2564 ที่ค่อนข้างยาวเพราะแนวโน้มเรื่องใหญ่เกิดมากด้วยเป็นปีที่ดาวใหญ่ย้ายราศีหลายดวงนั้น
บัดนีถึงวาระที่พฤหัสบดีจร(5) หัวหน้าดาวดี-หัวหน้าเทวดาคุ้มครองชะตาเมืองที่ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมาช่วยคานเรื่องร้ายกาจมากที่อุบัติในเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งโควิด19 กลายพันธุ์ตามด้วยสงครามรัสเซียยูเครนที่ยังกดดันหนักในขณะนี้จะย้ายราศีจากราศีกุมภ์ (ภพสิบเอ็ด-โชคลาภความสำเร็จของเมือง) เข้าไปเดินในราศีมีน (ภพสิบสอง-วินาสน์ดวงเมือง) เริ่มตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไป และพฤหัสบดีจะอยู่ที่ราศีมีนไปจนถึงประมาณ 19 เมษายน 2566 หรือประมาณหนึ่งปี (มีเดินผิดปกติในราศีมีน) นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ในบรรดาเรื่องดี-ร้าย ที่สามารถเกิดในเมืองได้ตลอดเวลาเพราะยังมีอิทธิพลของดาวหลายดวงที่ทำมุมกับดวงชะตาเมือง ผู้เขียนจึงขอสะกัดเฉพาะผลของพฤหัสบดีจร(5) ที่จะมีต่อเมืองในหนึ่งปีต่อจากนี้นำเสนอดังต่อไปนี้
1.เมืองเข้าสู่สภาวะอึดอัดถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลือง ให้ต้องระวังตัวแจเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพ (พฤหัสบดีจรหัวหน้าเทวดาประจำเมืองเข้ามุมอับ คุ้มครองดวงชะตาได้น้อย) ที่เห็นชัดและหนักหน่วงคือศัตรูใหญ่รบกันคือรัสเซีย-กับยูเครน โลกแบ่งเป็นสองข้างที่ต่างหาพวก (ผลจากพระเสาร์จร7 เข้าเดินในภพที่สิบของโลก-เมือง… ให้เกรงไฟศัตรูใหญ่จะทำณรงค์) แทบจะไม่เหลือที่กลางๆให้ยืน ทำให้ไทยเคร่งครัดในจุดยืนมาก
วิธีการพาเมือง(ตัว) ให้รอดให้สถานการณ์นี้และที่จะเกิดต่อไป ในตำราโหราศาสตร์ปริทรรศน์ของ อ.เทพย์ สาริกบุตรภาคสอง ครหวินิจฉัย แนะนำให้เมือง(รวมทั้งคนที่ลัคนาสถิตราศีเมษ) เอาตัวรอด เพื่อพลิกจากผลร้ายกลายเป็นดีสั้นๆ ว่า “จะได้ผลดีจากการทำงานโดยมีนโยบายหรือวิธีการลึกลับ ปกปิด (แล้วจึงจะ) มีผลดี ชัยชนะต่อศัตรู” รวมทั้งเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆได้
ท่านมารัฐไทยพยายามตีการเชียงระหว่างการรบกันของศัตรูใหญ่คือร่วมกับสหประชาชาติลงมติให้รัสเซียถอนทหารจากยูเครน แต่ไม่ร่วมประณาม เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565
ครั้นวันที่ 7 เมษายน 2565 ไทยงดออกเสียงกรณีสหประชาชาติถอดถอนรัสเซียออกจากการเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษชน
ผลของการมีจุดยืนดังกล่าวมีข่าวจากทางรัสเซียว่าเครื่องบินของไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศได้บินผ่านน่านฟ้ารัสเซียโดยไม่ต้องอ้อมไกลโดยจะเริ่ม 9 เมษายน 2565 เป็นต้นไป ส่งผลให้ได้เปรียบในการแข่งขันเน้นไปที่การบินไทยที่กำลังพยายามลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากทรุดหนักเพราะการโกงหนักในอดีต
จากสถานการณ์นี้ ไทยจะยังคงเจอกับสภาวะท้าทายทางการเมืองระหว่างประเทศอีกหลายรอบ โดยเฉพาะความหนักหน่วงจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไปเมื่อโลกจะเดินหน้าเข้าสู่เจ็ดปีของมหาสงครามทางเศรษฐกิจ
2.เป็นระยะที่น้ำมาก(กว่าปีที่แล้ว) และน้ำท่วมใหญ่วงกว้าง-มีสภาวะคับขันทางน้ำช่วงปลายปี
ปี 2565 นี้ น้ำจะมากและจะท่วมในวงกว้างจัดเป็นปีแห่งน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง โดยคราวนี้กรุงเทพ-ปริมณทลคงหนีไม่พ้น แถมอาจจะมีการท่วมแบบแปลกๆ-คาดไม่ถึง
นอกจากร่องมรสุมตามฤดูกาลที่จะนำฝนมาเทกระหน่ำหนักตั้งแต่ต้นกรกฎาคมแล้ว เมืองยังจะได้รับอิทธิพลพายุประมาณสี่ลูก ช่วงเวลาที่จะเกิดภัยทางน้ำรุนแรงมากที่ต้องเตรียมตัวรับมือกันให้ดีนอกเหนือจากการรับมือภัยภิบัติประจำ คือ ช่วงระหว่ากลางเดือนพฤศจิกายน-ประมาณสิ้นปี 2565
3.แม้น้ำจะมากแต่ฟืน-ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดยังจะแรงแปลกๆ ตลอดปี และต้องระวังเพิ่มเป็นสองเท่าตั้งแต่หลังวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
4.โอกาสแผ่นดินไหว พอได้ตื่นเต้นยังรอเกิด เพิ่มเติมจากที่เกิดถี่มากที่อุตรดิตถ์ประมาณ 5 เมษายน ที่ผ่านมา
5.เพื่อนๆ ของเมือง-นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ระยะแรกจะได้ครึ่งหนึ่งก่อน หลังจากนั้นจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ เน้นไปที่เมืองที่เป็นเกาะ-ชายทะเล-ใกล้ๆน้ำ เป็นหนึ่งในหลักเพื่อให้เศรษฐกิจเมืองค่อยๆโงหัวได้
6.แม้เมืองจะยังต้องใช้จ่ายเพื่อสุขภาพอนามัยอยู่ แต่เป็นระยะที่โควิด19 จะกลายเป็นโรคสามัญประจำโลกและเมือง ส่วนยา-วัคซีนพร้อม ระดับความร้ายแรงของโรคลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เป็นช่วงแรกๆ
7.มีโอกาสสูญเสียบุคคลสำคัญมากทางการเมือง จับตาสองช่วง คือ
17 กันยายน-18 ตุลาคม (พระอาทิตย์จร1เข้าภพอริ) และเน้นไปที่ 17 พฤศจิกายน-16 ธันวาคม 2565 (พระอาทิตย์จร1เข้าภพมรณะดวงเมือง)
8.เพิ่มโอกาสได้ยุบสภาสูงขึ้นกว่าเดิมจากที่เป็นมา ตั้งแต่ 29 มีนาคม 2565 (พระราหูจรทับลัคนาเมือง)
โดยรอบแรกรอดูภายใน 22 พฤษภาคม 2565 ก่อน ซึ่งถ้ารอดช่วงนี้ได้ถือว่าปาฎิหาริย์ แล้วหลังจากนั้นก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆตลอดปี
จับตาลีลาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ดวงชะตาเริ่มฟื้นตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไป (ชะตาฟื้นไม่ใช่จะไม่เปลี่ยนแปลง) และยังมีโอกาสเกิดการสั่นสะเทือนเกี่ยวกับพี่น้อง-คนรักกันเหมือนพี่น้องได้เป็นระยะๆราวกับแผ่นดินไหวในชีวิต
9.เป็นหนึ่งปีที่อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันในวงการสงฆ์-การศึกษา-มหาวิทยาลัย-ปราชญ์ หรือผู้รู้ตุลาการหรือวงการสาธารณสุข
จึงเมื่อประมวลผลออกมาแล้ว สรุปย้ำเหมือนเดิมว่าได้ว่า ไม่ว่าเมืองจะถูกบีบแค่ไหน-การเมืองจะสั่นไหวเพียงใด แต่เมืองเข้าสู่โหมดเริ่มโงหัวขึ้นทางเศรษฐกิจตั้งแต่ 29 มีนาคม 2565 ไปอีก 18 เดือน
ซึ่งทางโหรช่างสอดคล้องกับมุมมองของมูดี้ส์ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 ที่ไม่ว่าจะเจอมาหนักแค่ไหนก็คงความน่าเชื่อถือไทยในระดับมีเสถียรภาพ และคาดว่าอีกสอง-สามปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะะโตขึ้นมากเมื่อโควิดคลี่คลายและนักท่องเที่ยวกลับมา
โดยทางโหรเราจะได้เห็นกันจะๆ กว่านี้ราวมีนาคม 2566 เป็นต้นไป
ฟองสนาน จามรจันทร์
8 เมษายน 2565