“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..

อากาศร้อนใกล้แตะ 40 องศาแบบนี้ นักดื่มมักคิดถึง “เบียร์” เย็นฉ่ำ...เมรัยอมตะที่เก่าแก่และคลาสสิก หนึ่งในอารยธรรมแห่งการต้มกรองยุคแรกของโลก

เบียร์ เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน คาดกันว่าเกิดขึ้นเมื่อ 9,500 ปีก่อน ขณะที่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า การต้มเบียร์ เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักขัดเกลาเครื่องมือหิน ประมาณยุค Neolithic เนื่องจากยุคนั้นมนุษย์รู้จักเก็บเกี่ยวธัญญาหารไว้บริโภคในระยะยาว

และรู้จักทำครัว รู้วิธีต้มข้าวเปลือกแล้วหมักในน้ำ จึงค้นพบกรรมวิธีผลิตเครื่องดื่มที่แก้กระหาย เก็บไว้ได้นาน และรสชาติอร่อย เรียกว่า ชิคารุ หรือ ขนมปังเหลว ซึ่งชาวสุเมเรียน แห่งลุ่มน้ำไทกริส-ยูเฟรติส บอกว่าเป็น..เครื่องดื่มจากสรวงสวรรค์

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..   ภาพการทำเบียร์ เก็บอยู่ใน Israel Beer Breweries Museum เมือง    Ashkelon

วิลเลียม ฟอล์คเนอร์ (William Faulkner : 1897 - 1962) นักเขียนชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี 1949 กล่าวไว้ว่า อารยธรรม...เริ่มต้นจากการต้มกรอง ซึ่งหมายถึง เบียร์

ขณะที่บางตำราบอกว่า การหมักเบียร์ในช่วงดังกล่าว ชาวสุเมเรียนใช้วิธีทำให้ข้าวสาลีแห้งเป็นผง จากนั้นนำไปอบเป็นขนมปัง แล้วจึงบดขนมปัง เติมน้ำ และหมักตามธรรมชาติ ทั้งนี้จากการค้นพบหลักฐานภาพการทำเบียร์จารึกอยู่บนอักษรคูนิฟอร์ม

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..     การทำเบียร์สมัยอียิปต์

ทางฝั่งอียิปต์ระบุว่าเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการทำเบียร์จากข้าวโดยนำเมล็ดข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จากริมฝั่งแม่น้ำไนล์มาอบแห้ง แล้วบดให้ละเอียดใส่ในถังผสมกับดอกฮ็อปส์ (Hops) ที่ช่วยให้เบียร์มีรสขม และเก็บได้นานขึ้น จากนั้นเติมน้ำลงไปผสมหมักกับยีสต์เกิดแอลกอฮอล์ พอมีตะกอนแล้ว “กรอง” เอาแต่น้ำมาดื่ม

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    การแจกจ่ายเบียร์ให้คนงานก่อสร้างพีรามิด

อียิปต์ยุครุ่งเรืองนั้นเบียร์เป็นเครื่องดื่มประจำชาติ ใช้ดื่มคู่กับอาหารทุกวัน นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเบียร์มีส่วนสำคัญในการก่อตัวของอารยธรรมอียิปต์ เช่นราว 4,500 ปีก่อนคริสตกาล คนงานในเมืองอูรุก ได้รับเบียร์เป็นค่าจ้าง และในการก่อสร้างมหาพีรามิดในกิซา คนงานได้รับปันส่วนเป็นเบียร์วัละ 4-5 ลิตร ซึ่งชาวอียิปต์เชื่อว่ามีส่วนช่วยทั้งเรื่องโภชนาการและทำให้สดชื่น มีเรี่ยวแรงในการทำงาน

ในยุคกลางการต้มเบียร์มักทำกันตามวัดหรือโบสถ์ในท้องถิ่น ที่สำคัญศาสตร์และศิลป์ของการปรุงเบียร์ถือเป็นความลับสุดยอด ไม่ถ่ายทอดให้กับใครง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนนอกตระกูล สมัยก่อนในแคว้นบาวาเรีย แหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ใครจะหัดต้มเบียร์ต้องผ่านการฝึกงานก่อนอย่างน้อย  3 ปี

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    เอกสารเก่าเล่าเรื่องการทำเบียร์ในเยอรมนี

ที่เยอรมนีนี่เองประวัติศาสตร์เบียร์ยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 เพราะชาวเยอรมันเป็นผู้คิดค้นทำเบียร์ขึ้นในแคว้นบาวาเรีย เชื่อว่าเบียร์มีความบริสุทธิ์สะอาดกว่าน้ำเปล่าจึงดื่มเบียร์กันแทนน้ำ และเบียร์ของพวกเขาทำจาก "มอลต์" เรียกว่า Peor หรือ Bior ที่เพี้ยนมาเป็นคำว่า Beer

ปี 1516 เยอรมันตรากฎหมายเรื่อง “ความบริสุทธิ์ของเบียร์” ใจความสำคัญว่า “ห้ามใช้สิ่งอื่นใดนอกจากส่วนผสม 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์ ฮ็อปส์ และน้ำ ซึ่งว่ากันว่าเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการกำหนดลักษณะของเบียร์ จนเป็นมาตรฐานในเวลาต่อมา

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..      เบียร์ไทยในอดีต

ประเทศไทยเริ่มมีการผลิตเบียร์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งบริษัทผลิตเบียร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2473 หลังจากเดินทางไปศึกษาเรื่องเบียร์ที่เวียดนามและเยอรมนี ส่วนตัวโรงงานถูกสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2476 ในย่านบางกระบือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    มีความเชื่อว่าพีรามิดสร้างเสร็จเพราะเบียร์

และผลิตเบียร์ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 ภายใต้ยี่ห้อ ตราหมี ตราสิงห์แดง ตราสิงห์ขาว ตราแหม่ม ตราพระปรางค์ทอง ตราว่าวปักเป้า ตรากุญแจ ตรารถไฟ และที่ยังคงอยู่จนปัจจุบันคือ ตราสิงห์

ในปี พ.ศ.2504 โรงเบียร์แห่งที่ 2 จึงเกิดขึ้นคือ บริษัท บางกอกเบียร์ ผลิตเบียร์ ตราหนุมาน ตราแผนที่ และตรากระทิง แต่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ดื่มจึงเลิกกิจการไป กระทั่งปี พ.ศ. 2509 จึงเปลี่ยนเจ้าของพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด ผลิตเบียร์อมฤตเป็นหลัก ในปีพ.ศ. 2521 ได้ซื้อลิขสิทธิ์เบียร์คลอสเตอร์ มาผลิต

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..

   รูปปั้นผู้หญิงหมักเบียร์ยุคอียิปต์โบราณ

เบียร์คลอสเตอร์ โด่งดังที่สุดและคนที่วัยเลข 5-6 นำหน้า น่าจะเคยใช้บริการมาแล้วคือ “คลอสเตอร์ เบียร์ การ์เดนส์” จัดทุก ๆ หน้าหนาวราวเดือนพฤศจิกายน บริเวณที่จอดรถของศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันคือสยามดิสคัฟเวอรี

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..     อารยธรรมเบียร์ยุคเมโสโปเตเมีย

หลังจากนั้นรัฐบาลก็ไม่ได้อนุญาตให้มีการตั้งโรงงานอีก เพราะเห็นว่าเบียร์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และตั้งกำแพงภาษีเพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ผลิตในประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ภาครัฐมีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า โดยการเปลี่ยนเงื่อนไขของผู้ผลิตเบียร์ จากที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องเป็นมีสัญชาติไทย เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ทำให้ปัจจุบันมีกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเบียร์ในประเทศไทยประมาณ 6-7 กลุ่ม ผลิตเบียร์ออกมาหลากหลายยี่ห้อ ทั้งตลาดล่าง ตลาดกลาง และตลาดบน

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..     อารยธรรมเบียร์ในยุคอียิปต์

อย่างไรก็ตามในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา ตลาดเบียร์ระดับบนกลับพุ่งเป้าไปที่เบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ เพราะผู้บริโภคเริ่มรับข่าวสารรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเบียร์มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังทรัพย์

ขณะที่ผู้หญิงรุ่นใหม่ดื่มเบียร์กันมากขึ้น สาเหตุหลัก ๆ คือรสชาติดี แอลกอฮอล์ไม่สูง สามารถดื่มกับอาหารได้ดี และดูดีกว่าดื่มโลคัล แบรนด์ เป็นต้น

เบียร์นำเข้าจากต่างประเทศ จากเดิมที่มีเพียงเยอรมันเป็นหลัก ซึ่งครองตลาดมาเป็นสิบ ๆ ปี ก็มีให้เลือกมากขึ้น เช่น เบลเยี่ยม ฮอลแลนด์ อังกฤษ ไอร์แลนด์ สาธารณรัฐเชก สเปน สหรัฐ เม็กซิโก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย แม้แต่บางชาติที่ไม่เคยมีในตลาดบ้านเรา เช่น รัสเซีย ตุรกี จีน ไต้หวัน ศรีลังกา รวมทั้งชาติเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เมียนมา กัมพูชา เป็นต้น ทุกวันนี้เหลือไม่กี่ชาติ อันเนื่องจากการขึ้นภาษี

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..   คราฟต์เบียร์ไทย

ขณะเดียวกันในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา คราฟต์เบียร์ (Craft Beer) ก็พุ่งขึ้นมาแทนและทำท่าว่าจะเติบโต แต่ก็ต้องถูกสกัดกั้นด้วยข้อกฎหมาย จึงต้องเลี่ยงด้วยการไปผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งยุโรป และออสเตรเลีย แล้วส่งกลับมาขายในประเทศไทยทำให้ราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันเบียร์พวกนี้ก็ยังอยู่ในตลาดหลากหลายแบรนด์

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Emory กล่าวว่า ผู้หญิงและผู้ชายสูงอายุ 2,200 คน ที่ดื่มเบียร์วันละ 1.5 แก้วต่อวัน จะมีอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลวลดลง 50%

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    ออกโทเบอร์เฟสต์ เทศกาลดื่มเบียร์ของชาวเยอรมัน

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ในบอสตัน พบว่า เบียร์ยังดีต่อสมอง โดยผู้ที่ดื่มเบียร์ตั้งแต่ 1- 6 แก้วต่อสัปดาห์ จนถึงผู้ที่ดื่ม 7-14 แก้วต่อสัปดาห์ จะเกิดอาการชักได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย

แต่ถ้าผู้ที่ดื่มเกินกว่านี้ก็จะมีอาการชักได้มากที่สุด เพราะเบียร์ช่วยลดขนาดเม็ดเลือดและไม่ทำให้เลือดไปคั่งที่สมองได้ นอกจากนี้เบียร์ยังช่วยในการลดความเครียด ลดความกังวล และความประหม่าได้ รวมทั้งยังทำให้อารมณ์ดี แถมยังมีสารอาหารอย่าง โปรตีน วิตามิน B ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม และธาตุเหล็ก

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..     เบียร์กับอาหารยุคโบราณ

นักวิจัยจากอังกฤษและสาธารณรัฐเชก เกิดนึกสงสัยว่า “ดื่มเบียร์แล้วอ้วน” จริงหรือ จึงได้ทำสำรวจชาวเชกเกือบ 2,000 คน ในฐานะนักดื่มเบียร์ตัวยง พบว่า การมีพุงกับการดื่มเบียร์ปริมาณมาก ๆ ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการบอกว่าคนเราจะอ้วนเพราะดื่มเบียร์จึงเป็นการไม่ถูกต้อง

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    ไหหมักเบียร์อายุราว 5,000 ปี

ขณะที่ ดร.มาร์ติน โบบัค แห่ง University College London และคณะวิจัยจาก Institute of Clinical and Experimental Medicine ในกรุงปรากได้ให้ผู้หญิง 1,098 คน และชาย 891 คน อายุระหว่าง 25 - 64 ปี ทำแบบสอบถาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา โดยไม่มีการกล่าวถึงเครื่องดื่มอื่น

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..    ข้าวบาร์เลย์ ใช้ผลิตเบียร์

พบว่าชายชาวเชกดื่มเบียร์โดยเฉลี่ย 3.1 ลิตรต่อสัปดาห์ ผู้หญิง 0.3 ลิตรต่อสัปดาห์ ในจำนวนนี้มีชาย 3 คน ที่ดื่มอย่างหนักราว 14 ลิตรต่อสัปดาห์ และหญิง 5 คน ดื่มถึง 7 ลิตรต่อสัปดาห์ โดยก่อนและหลังการดื่มเบียร์ คณะวิจัยจะให้แพทย์วัดขนาดของเอว และสะโพก ชั่งน้ำหนัก และบันทึกดัชนีมวลรวมของอาสาสมัครไว้ตรวจสอบด้วย

พบว่าการมีพุงไม่เกี่ยวข้องกับการดื่มเบียร์เลย การกล่าวอ้างว่าคนอ้วนหรือมีพุงเพราะการดื่มเบียร์มากเกินไปจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก

“เบียร์” เครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดื่มเบียร์แล้วลงพุง จริงหรือ..     ฮ็อปส์ ใช้ผลิตเบียร์

ไนเจล เดนบี แห่งสมาคมโภชนาการแห่งอังกฤษเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่อ่านรายงานวิจัยดังกล่าว ไม่ควรโร่เข้าผับเข้าบาร์ เพราะไม่ว่าจะรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดใดก็ตามที่มีแอลกอฮอล์ก็สามารถอ้วนได้ หากรับประทานมากเกินไป แต่ถ้าหากต้องการดื่มจริง ๆ ก็ควร...ดื่มแต่พอดี !

ไม่ว่าอะไรก็ตามท้ายที่สุดความสำคัญคือ...ดื่มแต่พอดี ๆ