ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน'แดนสรวง'ศิลปินไทย

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน'แดนสรวง'ศิลปินไทย

ขี่จักรยานออกไปนั่งวาดรูปก้อนหินในจินตนาการ ริมถนนราชดำเนิน อีกเรื่องราวของ 'แดนสรวง สังวรเวชภัณฑ์' ศิลปินไทยและช่างภาพ

ในช่วงวันอาทิตย์ของเดือนมีนาคม 2567 แดนสรวง สังวรเวชภัณฑ์ ศิลปินและช่างภาพ ขี่จักรยานคู่ใจออกจากบ้านมาจอดริมฟุตบาท แถวราชดำเนิน นั่งวาดภาพก้อนหินในจินตนาการ และซึมซับความรู้สึกบางอย่างจากผู้คนริมถนน 

ก่อนหน้านี้ เขาใช้ศิลปะและการถ่ายภาพ สื่อสารและตั้งคำถามกับความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะปัญหาคนไร้บ้าน สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ สร้างสรรค์ศิลปะ ภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว หลากหลายรูปแบบ อาทิ ผลงาน มหานครผลัดใบ 2566 ร่วมแสดงในนิทรรศการ สูงวัย...ขยาย(ความ),ผลงานราษฎร์ดำเนิน 2565 ส่วนหนึ่งในนิทรรศการทุนสร้างสรรค์ศิลปกรรมศิลป์ พีระศรี ครั้งที่ 21 ปี2566

และลมหายใจ -breath ผลงานภาพถ่าย ชุดที่ 4 ปี 2558-2563 โดยจัดฉากให้เห็นสภาวะขาดลมหายใจ เมื่อสภาวะธรรมชาติขาดสมดุล ระบบนิเวศน์เปลี่ยนไป งานชิ้นหลังจัดแสดงจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ฯลฯ
 

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย จักรยานคู่ใจของแดนสรวง  สังวรเวชภัณฑ์' 

ส่วนการเพ้นท์ภาพเล็กๆ ก้อนหินจากฟากฟ้าริมถนนที่กล่าวถึง เป็นส่วนประกอบในงานวาดภาพชิ่้นใหญ่ที่บ้าน และทำงานอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ได้จัดแสดงผลงานศิลปะ 

การวาดภาพริมถนน แดนสรวง บอกว่า  เป็นการออกจากคอมฟอร์ทโซนที่คุ้นเคย เนื่องจากสภาวะที่สะดวกสบาย ไม่สามารถสร้างไอเดียใหม่ๆ ให้เขาได้

“ในวันอาทิตย์ ผมจะขี่จักรยานออกมาแถวราชดำเนินนั่งเขียนภาพก้อนหินจากจินตนาการ ”แดนสรวง เล่าถึงงานศิลปะที่ไม่จำเป็นต้องตีกรอบไว้แค่ในหอศิลป์ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ คนที่เห็นจะตีความหรือไม่ตีความก็ได้ 

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย ไม่ได้ขายภาพวาด แต่เป็นดิสเพลย์บนจักรยานของแดนสรวง ศิลปินไทย

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย แดนสรวง  สังวรเวชภัณฑ์'  ศิลปินและช่างภาพ

"ผมไปนั่งวาดและทำดิสเพลย์บนจักรยาน เป็นการให้ความหมายอ้อมๆ สำหรับผู้คน เรียนรู้ไปด้วยกัน  ระหว่างนั้นผมก็ได้รับรู้สิ่งภายนอกที่มากระทบ ผมเชื่อว่าการออกจากคอมฟอร์ทโซน ทำให้ผมได้เรียนรู้และมีประโยชน์ในการทำงาน

และไม่ใช่ว่า เพิ่งใช้จักรยานคู่ใจปั่นออกมานั่งวาดภาพในวันอาทิตย์ ก่อนหน้านี้เขาใช้จักรยานซอกแซกไปถ่ายภาพ พูดคุยและเป็นเพื่อนกับคนไร้บ้านที่พบเจอ จนเป็นที่มาของงานภาพถ่ายอีกชุด

  • วาดภาพบำบัดใจ

ดิสเพลย์บนจักรยานคู่ใจทำเสมือนการขายภาพ แต่แดนสรวงไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาเชื่อว่า งานศิลปะอยู่ได้ทุกหนทุกแห่ง จึงเลือกที่ขีดเขียนลายเส้นให้กลายเป็นก้อนหินในจินตนาการ

“ผมชอบขี่จักรยานเข้าไปในเมือง ย่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นเส้นทางที่คุ้นเคยช่วงที่ทำงานกับคนไร้บ้าน ผมไม่ได้มาขายภาพ ผมไปแต่ละจุด

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย

เพราะอยากไปนั่งเป็นเพื่อนกับคนที่อยู่ข้างถนน ป้าจากราชบุรีมานั่งขายข้าวตัง ผมก็ขอนั่งทำงานด้วย อย่างน้อยๆ น่าจะวาดภาพได้สักภาพในวันอาทิตย์ 

ถ้าเป็นวันธรรมดาผมนั่งเขียนภาพชิ้นใหญ่ที่บ้าน หากทำเสร็จคงมีหลายส่วนมาประกอบกันทั้งภาพใหญ่ และภาพเล็ก”

ไม่ใช่แค่แม่ค้าขายข้าวตังที่แดนสรวงพบเจอ ยังมีชาวต่างชาติที่สงสัยใคร่รู้ว่า ภาพที่เขาวาดคืออะไร จึงเกิดการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน 

“ผมก็ได้ประสบการณ์ในพื้นที่ใหม่ เรานั่งตรงนั้นกับคนที่อยู่ข้างถนนอย่างเท่าเทียม ผมไปเจอน้องที่กวาดถนน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวชอบศิลปะและวาดรูปบำบัดตัวเอง

เธอเอาภาพที่วาดให้ผมดู ผมชื่นชมนะ ผมมองว่า ศิลปะเป็นเรื่องสามัญ และการทำงานศิลปะทำได้ทุกพื้นที่ ถ้าเราไม่ได้หวังผล”

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย

  • ถ่ายภาพสะท้อนชีวิต

ย้อนไปช่วงปี 2022 แดนสรวง เคยออกสำรวจพื้นที่ราชดำเนิน เพราะในช่วงโควิดมีคนยากจนกลายเป็นคนไร้บ้านในเมืองใหญ่มากขึ้น เขาก็เข้าไปคลุกคลีถ่ายภกาพ

“แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมถ่ายภาพเกี่ยวกับคนไร้บ้านในย่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมมองปัญหาเชิงโครงสร้าง การติดกับดักมายาคติหลายเรื่อง ความแตกต่างของมนุษย์ ผมลงพื้นที่บันทึกเรื่องราว โดยไม่กระทบคนที่ผมพบเจอ ในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว 

จากนั้นผมเกิดไอเดียขี่จักรยานลงพื้นที่สำรวจ เพราะปกติก็ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ผมทำอยู่ 6-7 เดือน จนกระทั่งพื้นที่เปลี่ยนแปลงมีการกั้นรั้ว งานภาพถ่ายและวิดีโอคนไร้บ้าน เป็นส่วนหนึ่งนิทรรศการสูงวัย ขยาย(ความ )

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย (ลมหายใจ -breath ผลงานภาพถ่าย ชุดที่ 4 ปี 2558-2563  จัดแสดงจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 คนสนใจติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก Dansoung Fotodokkma)

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ คนยากจนในเมืองเปลี่ยนสภาวะเป็นคนไร้บ้าน เพราะไม่มีทางออก ชีวิตโดดเดี่ยว มีทั้งปัญหาสังคม ครอบครัว ถูกผลักออกมาอยู่ข้างถนน เท่าที่ผมประเมินด้วยสายตาประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์คนไร้บ้านเป็นผู้สูงวัย และบางส่วนความทรงจำไม่ค่อยดี

หลังจากทำงานชุดนั้นผมก็อยากพัก เพราะเรื่องราวที่รับรู้มีผลกระทบจิตใจ แต่วันเสาร์อาทิตย์ผมก็ยังชอบปั่นจักรยาน ผมถ่ายภาพบันทึกเรื่องราวไว้ เพราะบางคนที่ผมเคยเจอ ได้สูญหายไปแล้ว"

  • ย้อนชีวิตการเป็นช่างภาพ

หลายสิบปีที่แล้ว แดนสรวงเคยเป็นช่างภาพให้นิตยสารเฟอร์นิเจอร์ และนิตยสารแฟชั่นอีกหลายเล่ม รวมถึงมีสตูดิโอของตัวเอง กระทั่งเกิดยุคฟองสบู่ปีพ.ศ. 2540 เขาหันมาทำโฮมสคูลให้ลูกๆ โดยครอบครัวเขาเน้นสอนเรื่องศิลปะและธรรมชาติ

“ผมเคยป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนัก จึงหันมารักษาด้วยธรรมชาติบำบัด ก็หายป่วย และไม่อยากใช้ชีวิตแบบเดิม ผมจึงสนใจวิธีการเรียนรู้แบบธรรมชาติ ตอนนั้นเราทำโฮมสคูลร่วมกับ 5-6 ครอบครัว เชื่อมโยงกับสมาคมบ้านเรียนไทยช่วยกันออกแบบวิธีการการเรียน"

ตอนนั้นเขาได้เรียนรู้กับเด็กๆ  ได้ลงมือทำงานศิลปะร่วมกับลูกๆ ผมมองว่าวิธีการเรียนรู้มีหลายแบบ เรียนรู้แบบไม่เรียนรู้ก็ได้ หรือไม่ก็เรียนรู้จากการลงมือทำและความล้มเหลว เพราะการเรียนรู้ในระบบเป็นเสมือนกำแพงใหญ่

ปั่นจักรยานคู่ใจไปวาดรูปก้อนหินจากฟากฟ้า อีกผลงาน\'แดนสรวง\'ศิลปินไทย อีกหนึ่งผลงานภาพถ่ายสะท้อนสังคมของแดนสรวง ศิลปินไทย 

"พื้นฐานผมไม่ชอบการเรียนรู้ในโรงเรียน การทำโฮมสคูลมีทางเลือกการเรียนรู้เยอะ แต่ละครอบครัวออกแบบการเรียนรู้ในมุมที่พวกเขาถนัด ครอบครัวเราทำเรื่องธรรมชาติและศิลปะ เราไม่ต้องการหล่อหลอมให้เด็กเป็นศิลปิน จึงเป็นการเรียนรู้ตามธรรมชาติ หลังจากลูกจบมัธยมต้น ก็ไปเรียนในระบบ

ตอนนั้นครอบครัวของเราแสดงผลงานศิลปะร่วมกันสามครั้งที่หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มีหลายครอบครัวที่สนใจเรื่องนี้ หันมาทำโฮมสคูลก็มีเหมือนกัน มีเด็กที่เรียนในระบบมาร่วมทำงานศิลปะและเรียนรู้ธรรมชาติกับพวกเรา"

นี่คือเรื่องราวฉบับย่นย่อของศิลปินที่เลือกขี่จักรยานออกไปวาดก้อนหินตามจินตนาการของเขา

 ...........

ภาพ : เฟซบุ๊ก Dansoung Fotodokkma