พงษธัช อ่วยกลาง 'โคราช' ที่คิดถึง นิทรรศการภาพวาดเดี่ยวครั้งแรก

โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง Shiny Airy Freely นิทรรศการภาพวาดสีน้ำมันแสดงเดี่ยวครั้งแรกของประติมากรชื่อดังชาวไทย ภาพวาดทิวทัศน์จากความคิดถึงบ้านเกิด 'โคราช'
KEY
POINTS
- โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง เป็นประติมากรชาวไทยผู้มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผลงานของเขาจัดแสดงอยู่ที่ The PARQ, ไอคอนสยาม, C
โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง ศิลปินเจ้าของผลงานประติมากรรมร่วมสมัยสุดสร้างสรรค์ผู้ทลายกำแพงระหว่างงานศิลปะกับพื้นที่สาธารณะและสถาปัตยกรรมของอาคารทุกรูปแบบ
หากคุณเคยไป The PARQ, สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต, ไอคอนสยาม, โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ, ยูโอบี พลาซา กรุงเทพ, โรงแรมฮิลตัน พัทยา ฯลฯ แม้กระทั่ง Cheval Blanc Randheli โรงแรมลักชัวรี่ของเครือธุรกิจ LVMH ที่มัลดีฟส์ และโรงแรม W Muscat ประเทศโอมาน คุณอาจเดินผ่านผลงานประติมากรรมของ โด่ง - พงษธัช แล้วก็ได้
ล่าสุด โด่ง -พงษธัช จัดแสดงผลงานจิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ นิทรรศการ Shiny Airy Freely ภาพวาดทิวทัศน์ที่ดูเหมือนลดทอนรายละเอียดชุดนี้ซ่อนความรู้สึกบางอย่างของประติมากรซึ่งงานประติมากรรมของเขาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
“ผมเรียนศิลปะ ต้องถามว่าแยกกันที่ไหนว่าจะเขียนรูปไม่ได้ เราเรียนศิลปะ เรารู้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพพิมพ์ ภาพวาด งานประติมากรรม งานเทคนิค อะไรก็ตามที่เราทำแล้วเป็นศิลปะ ผมเชื่อว่าเราทำได้” โด่ง พงษธัช ตอบคำถามที่ว่า ปกติทำงานประติมากรรม แต่ทำไมครั้งนี้แสดงงานภาพวาด
หลังสำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ด้านศิลปกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา พงษธัช อ่วยกลาง ได้เข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (พ.ศ.2545)
ภาพวาดในนิทรรศการ Shiny Airy Freely เป็นการรวมภาพวาดที่พงษธัชเขียนตั้งแต่เรียน ปวช. ปี 3 จนกระทั่งเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อเนื่องถึงปัจจุบันที่เปิดบริษัท Dong Dong Company Limited ในการรับงานด้านประติมากรรม
“เราก็เป็นนักศึกษาศิลปะคนหนึ่งที่รู้จักโมเนต์ แวนโก๊ะ โกแกง ความเป็นอิมเพรสชั่นนิสม์กลายเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาเรื่อยๆ แม้กระทั่งเขียนแลนด์สเคปส่งอาจารย์ วิชาทิวทัศน์ เราก็เขียนประมาณนั้น”
ภาพวาดทิวทัศน์ของ โด่ง พงษธัช มีความเป็นอิมเพรสชั่นนิสม์แบบลดทอนรายละเอียด แต่ได้บันทึกธรรมชาติ ณ ช่วงเวลานั้นตามจริง รวมทั้งอารมณ์-ความรู้สึกของเขาที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นด้วยเช่นกัน
“พอผมเริ่มทำงาน มันก็เหนื่อยกับชีวิตในกรุงเทพฯ ปีใหม่กับสงกรานต์ซึ่งเป็นวันหยุด ถ้าไม่ไปต่างประเทศ เราก็กลับบ้าน ช่วงเวลาที่เรากลับบ้าน 10-15 วัน ทำให้เราอยากมีช่วงเวลาคิดถึงบ้าน อยากมีรูปเกี่ยวกับบ้านเราไว้”
บ้านที่คิดถึงของพงษธัช หมายถึง ‘บ้านเกิด’ ของเขาที่ โคราช พร้อมกับบอกว่ามุมทั้งหมดที่เขาวาดเกี่ยวกับบ้านเกิด ไม่พยายามทำให้ซับซ้อน แต่เลือกมุมวาดจากความรู้สึกที่มองไปแล้วสุขใจ เป็นอิสระ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“ภาพวาดชุดนี้ที่เกิดขึ้น กลายเป็นสิ่งที่ผมเริ่มบันทึกประสบการณ์ บันทึกมุมหลังบ้าน ทุ่งนา เกิดการบันทึกความทรงจำของตัวเอง พร้อมกับเยียวยาตัวเอง
พอเราเข้าใจว่าเราทำงานศิลปะ การวาดรูปโดยมีเงื่อนไขของอะไร เราไม่มีอิสระ ผมก็พยายามไม่ทำ แค่รู้สึกอยากวาดให้เหมือนมุมที่ผมเห็น โดยไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องพยายามมาก ให้มันออกมาจากสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ เหลือแต่เงื่อนไขของความรู้สึกเรา ไม่มีเงื่อนไขของอะไรอื่นทั้งนั้น
ผมขับรถขึ้นไป จอดรถ เห็นมุมที่เรารู้สึกชอบ เราก็วาดขึ้นมา ขับรถเข้าไปกลางทุ่งนา มองกลับมาที่บ้านตัวเอง แล้วก็วาด แค่นั้นเลยครับ”
พงษธัชกล่าวว่า ภาพวาดของเขาไม่มีนิยามเป็นงานสไตล์ใด แต่ธรรมชาติในแต่ละช่วงเวลาจะบอกเราเองว่าลักษณะภาพวาดเป็นแบบไหน
“ทำไมชิ้นนี้สีเขียวๆ เพราะเป็นช่วงที่มีฝน ใบไม้สีเขียว แต่เส้น ฟอร์ม เชฟ จะไม่ชัด เส้นสายท้องฟ้าดูเบลอๆ ฉ่ำๆ เมฆมีมวลตามธรรมชาติของมันเอง ผมลดทอนรายละเอียดลง เห็นแต่ความรู้สึก เห็นสิ่งที่เรารู้สึกกับภาพตรงหน้า ณ ตอนนั้นจริงๆ เป็นสีสันของช่วงเวลานั้นจริงๆ”
ถ้าขอให้เลือกภาพวาดในดวงใจมาสัก 1 ภาพ พงษธัชเลือก ภาพแปลงผักแม่ โดยเล่าเรื่องราวความรักเบื้องหลังภาพวาดนี้ว่า
“ถ้าแม่รู้ว่าผมจะกลับบ้านปีใหม่ แม่จะเริ่มปลูกผักไว้รอ พอกลับบ้าน ผักพวกนี้กินได้พอดี กินกับน้ำพริกปลาทู น้ำพริกหมูที่แม่ทำ ผักของแม่ไม่ใส่ปุ๋ย มีแต่รดน้ำ ถ้ากินไม่ทัน แม่ก็ปล่อยให้ผักแก่แล้วเก็บเมล็ดไว้ ปีหน้าก็ปลูกใหม่ ภาพวาดมุมนี้ผมรู้สึกอยากเก็บแปลงผักแม่ไว้ในความทรงจำ ก็เขียนเลย เห็นอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น ไม่ต้องหามุมหาองค์ประกอบให้ดูสวย”
พงษธัชกล่าวด้วยว่า เขานำภาพวาดบ้านเกิดกลับมาแขวนไว้ที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯ เพื่อเยียวยาจิตใจในวันที่รู้สึกเหนื่อยกับชีวิต
“เวลาอยู่ในออฟฟิศ ผมจะนั่งดูมัน วันหนึ่งเราเหนื่อย เราคิดถึงบ้าน พลังลดลง เราก็จะวาร์ปเข้าไปในช่วงเวลาขณะที่เราเขียนรูปนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีกติกา เป็นอิสระ ไม่มีอะไรกดดัน ความรู้สึกดีๆ ก็กลับมาใหม่”
ด้วยเหตุนี้ นิทรรศการจึงใช้ชื่อว่า Shiny (สีสันที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา) Airy (สายลมที่สร้างบรรยากาศให้ทิวทัศน์ และอารมณ์ที่ไหลเวียนขณะเขียนภาพ) Freely (ตัวแทนอิสระในการมองเห็นและการแสดงออก)
Shiny Airy Freely นิทรรศการภาพวาดแสดงเดี่ยวโดยประติมากร โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง จำนวน 31 ชิ้น จัดแสดงที่ แฟชั่น แกลเลอรี่ ชั้น1 สยามพารากอน 3-31 มี.ค.2568 ภายในงานเปิดโอกาสให้ผู้สนใจและนักสะสมเป็นเจ้าของภาพวาด
ไปร่วมชมภาพวาดที่เต็มไปด้วยความสุขและเป็นอิสระ