ส.ป.ก. ชูกลุ่มทอผ้าเพชรสามเรือน ผ้าทอไทยทรงดำสร้างรายได้ ต้นแบบความสำเร็จ
ส.ป.ก.มองการณ์ไกล เสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมชน ลุยผลักดันโครงการพัฒนาธุรกิจชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดิน 72 จังหวัด เสริมแกร่งความรู้สร้างจุดเด่นผลิตภัณฑ์ ชูกลุ่มทอผ้าเพชรสามเรือน ต้นแบบความสำเร็จ ชูจุดขายผ้าทอไทยทรงดำ ดึงลูกค้า มีรายได้เสริมเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ได้กำหนดให้การสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยเน้นการแข่งขันด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้น ส.ป.ก. จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเกษตรของไทยสู่ความยั่งยืน เสริมสร้างโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชน
ด้วยชุมชน ถือเป็นฐานรากที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ เกษตรกรได้พึ่งพาและใช้ประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อการดำรงชีวิตและสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว แต่ปัจจุบันความร่วมมือของเกษตรกรในท้องถิ่นเริ่มลดลง จะเห็นได้จากการรวมกลุ่มทำได้ยากขึ้น เกษตรกรเข้าสู่วัยสูงอายุและขาดแคลนแรงงาน เกษตรกรจำนวนมากขาดความรู้ในการทำธุรกิจเชิงระบบ ทำให้ขาดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาธุรกิจโดยใช้เงินทุนเป็นเครื่องมือในการพัฒนา ทำให้ธุรกิจไม่เกิดการขยายตัวและมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจในระดับที่ต่ำ ส่งผลให้การรวมกลุ่มเกษตรกรขาดความเข้มแข็ง เลขา ส.ป.ก.กล่าว
การเสริมสร้างโอกาสให้สมาชิกในชุมชนได้นำความรู้ ภูมิปัญญาและทรัพยากรในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ โดยเกษตรกรมีโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตนเองหรือชุมชนเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์
ส.ป.ก. จึงได้ดำเนินการภายใต้ "โครงการพัฒนาธุรกิจชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดิน" โดยสนับสนุนการพัฒนาระบบธุรกิจชุมชนแก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทั้ง 72 จังหวัด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ สินค้า ให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้านั้น ๆ แล้ว จะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการคัดเลือกสินค้าและผลิตภัณฑ์จากบรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ทั้งบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติ วัสดุภายในท้องถิ่นแสดงความเป็นอัตลักษณ์ วัสดุเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัสดุที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆได้ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นด้วย
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าเพชรสามเรือน พื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ท่าตะคร้อ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี หนึ่งในต้นแบบความสำเร็จ ซึ่งมีนางบุญนาค กานตพงศ์ เป็นประธาน เป็นหนึ่งในกลุ่มเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ ส.ป.ก.ได้รับการพัฒนาตามโครงการพัฒนาธุรกิจชุมชนในเขตปฏิรูปที่ดิน จนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บ้านสามเรือน เป็นชุมชนไทยทรงดำ ที่มีประเพณีที่ทำสืบต่อกันมายาวนาน คือ "การทอผ้า" นอกจากการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ใส่ในงานบุญ หรืองานมงคลแล้ว เเต่ยังเป็นการทอผ้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทุกคนต้องมีชุดที่ทอขึ้นมาเป็นของตัวเอง
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าเพชรสามเรือน เกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้าน ซึ่งได้รับเเรงบันดาลใจ จากการทอผ้าใช้เองมาตั้งแต่โบราณ มีการรักษาสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาต่อกันมา ซึ่งทำให้ผ้าทอมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ คงความดั้งเดิมตามแบบชุมชนไทยทรงดำที่มีมาแต่อดีต
นางบุญนาค กานตพงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าเพชรสามเรือน กล่าวว่า อาชีพการทอผ้า เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาของชุมชนไทยทรงดำแห่งนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ผ้าขึ้นชื่อได้แก่ ผ้าขาวม้า และผ้าทอลายแตงโม ลายผ้าแบบดั้งเดิมสืบทอดกันมา
โดยจุดเด่นนอกจากความสวยงามของลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังเป็นผ้าทอที่ระบายอากาศได้ดี ซักแล้วไม่ยืด ไม่หด เนื้อผ้ามีความนุ่มไม่หยาบกระด้าง และมีราคาไม่แพง ปัจจุบันเกษตรกรสมาชิกสามารถสร้างรายได้เสริมจากการทอผ้าจำหน่าย เฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท
ส.ป.ก.เพชรบุรี ซึ่งได้เข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีการจัดอบรมเสริมความรู้ภายใต้หลักสูตรต่าง ๆ ทำให้ทางกลุ่มของเรามีการพัฒนามากขึ้น สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผ้าทอของเรา เช่น อบรมหลักสูตรการประดิษฐ์ชิ้นงานจากเศษผ้า ทำเป็นที่ใส่ซองจดหมาย กระเป๋าใส่โทรศัพท์ และ กระเป๋าเอนกประสงค์ ตอนนี้พวงกุญแจกับกระเป๋าก็ขายได้ พอมีรายได้เสริมของสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุ เฉลี่ยแล้วก็อายุ 80 ปี
ต้องขอบคุณ ส.ป.ก. เพราะไม่เคยได้ทิ้งเรา เข้ามาช่วยมาสนับสนุนตลอด ดูแลทั้งอาชีพการทอผ้า และอาชีพการทำเกษตร จะเข้ามาดูมาถามว่า น้ำแห้งตรงไหน ขุดบ่อไหม มีน้ำรดต้นไม้ไหม เขาจะทำให้ทุกอย่าง จะมีบ่อน้ำ บ่อน้ำใหญ่บ่อน้ำเล็กจะมีหมด นางบุญนาค กล่าวทิ้งท้าย