เปิดจักรวาล "สาวน้อยในตะเกียงแก้ว" 20 ปี 5 ภาค ละครโลกเวทมนตร์ในตำนาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2545 “ช่อง 7” ได้ฉายละครแฟนตาซี โลกเวทมนตร์แนวอาหรับอย่าง “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว” ซึ่งมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ “โสภี พรรณราย” นำแสดงโดย “ป๋อ - ณัฐวุฒิ สกิดใจ” พระเอกอันดับต้น ๆ ของช่องในตอนนั้น ประกบคู่กับ “แคทรียา อิงลิช” นักร้องสาวชื่อดังแห่งยุคที่กำลังโด่งดังจากเพลง “จีนี่จ๋า” ในโปรเจค “2002 ราตรี” ด้วยแนวละครที่แปลกใหม่ และบทละครที่สนุกนานทำให้ละครได้รับความนิยมอย่างมาก

นอกเหนือจากเคมีของพระนางที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว ยังมีบท “แม่มดทาฮีร่า” ที่แสดงโดย “ดวงดาว จารุจินดา” พร้อมกับ “เจ้าชิกเก้น” แมวสีดำสัตว์เลี้ยงคู่ใจของทาฮีร่าที่ขโมยซีนทุกครั้งที่ปรากฏกายและทำให้ผู้ชมตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย และยังส่งผลให้เพลงประกอบละครอย่าง “เจ้านายคะ” และ “รักคำเดียว” ที่ขับร้องโดย แคทรียา อิงลิช นางเอกของเรื่องโด่งดังเป็นพลุแตกด้วยเช่นกัน ซึ่งในทุกวันนี้หลายคนยังคงต้องร้องตามได้อยู่

จากความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ของสาวน้อยในตะเกียงแก้ว ช่อง 7 จึงไม่รอช้ารีบสร้างละครภาคต่อซึ่งยังคงเป็นบทประพันธ์ของโสภี พรรณราย เช่นเดิม ออกอากาศครั้งแรกปี 2547 ในชื่อว่า “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2 ตอน...แม่มดน้อยตัวป่วน” ซึ่งเป็นเรื่องราวของรุ่นลูกพระเอก-นางเอกในภาคแรกนั่นเอง โดยยังมีแม่มดทาฮีร่าและเจ้าชิกเก้นตามมาสร้างสีสันเช่นเดิม

สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 2 ประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย โดยเป็นละครแนวโรแมนติก แฟนตาซี และจัดเต็มบรรยากาศของโลกเวทมนตร์มากกว่าในภาคแรก อีกทั้ง สามารถแจ้งเกิดนักแสดงดาวรุ่งหญิงอย่าง “ปู - ไปรยา สวนดอกไม้” และ “ขวัญ - อุษามณี ไวทยานนท์” ได้อย่างสวยงาม แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คู่พระนางจากในภาคแรกไม่ได้กลับมารับเชิญในละครเรื่องนี้

หลังจากนั้น ช่อง 7 ก็ผูกขาดการซื้อนิยายในตระกูลสาวน้อยในตะเกียงแก้ว ของ โสภี พรรณราย และนำมาทำเป็นละครทุกเรื่อง ซึ่งในภาคหลัง ๆ จักรวาลโลกเวทมนตร์ของสาวน้อยในตะเกียงแก้วได้ขยายใหญ่ขึ้นไปอีก โดยในภาค 3 นั้นชื่อเรื่องว่า “อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว” ออกอากาศในปี 2555 เป็นเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักทั้ง 2 ภาคแล้ว แต่ยังมีแม่มดทาฮีร่าและชิกเก้น รวมถึง บาบาร่า แม่มดคู่ปรับของทาฮีร่าจากภาค 2 แต่กลายเป็นเพื่อนรักกันแล้วในภาคนี้ เป็นตัวเชื่อมจักรวาลเข้าด้วยกัน

สำหรับในภาค3 หรือ “อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว” (2555) นั้นยังคงเป็นแนวโรแมนติกแฟนตาซี ที่พาผู้ชมไปรู้จักกับอสูรน้อยโดยตามคำทำนายของผู้นำแห่งโลกเวทมนตร์กล่าวไว้ว่า อสูรน้อยตนนี้จะทำลายโลกเวทมนตร์ ซึ่งเป็นเรื่องราวไม่เคยพูดถึงมาก่อนในละคร 2 ภาคแรก และแน่นอนว่าอสูรน้อยในตะเกียงแก้วยังคงประสบความสำเร็จและแจ้งเกิดนักแสดงนำของเรื่องได้เช่นเดิมทั้ง “ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” และ “อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์”

 

ขณะที่เพลงประกอบละครอย่าง “บาลาชูบาชู” ที่ร้องโดยนักแสดงนำทั้ง 2 คน ก็กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตของปีนั้น เด็ก ๆ สามารถร้องตามได้ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยในปัจจุบันมียอดเข้าชมมิวสิควิดีโอในยูทูบแล้วกว่า 54 ล้านครั้ง

หลังจากที่ห่างหายไปกว่า 5 ปี ช่อง 7 ฟื้นคืนชีพโลกเวทมนตร์อีกครั้งในปี 2561 กับละครเรื่อง “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีตัวนำเป็นพ่อมดหลังจากที่ทั้ง 3 ภาคก่อนหน้านี้เป็นแม่มดมาโดยตลอด อีกทั้งยังพูดถึงตระกูลนักล่าแม่มดเป็นครั้งแรกอีกด้วย 

พ่อมดเจ้าเสน่ห์นำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่งของช่อง “โดนัท - ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์” “พิม - พิมประภา ตั้งประภาพร” และ “บลิว - วรพล จินตโกศล” และแน่นอนว่า ดวงดาวยังคงกลับมารับบทแม่มดทาฮีร่า พร้อมด้วยเจ้าชิกเก้นมาสร้างสีสันเช่นเดิม นอกจากนี้ ยังมาพร้อมการแสดงละครครั้งแรกของ “ณดา - ปุณณดา ปุณณกันต์” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ “กบ สุวนันท์ ปุณณกันต์” นักแสดงขวัญใจของคนไทยตลอดกาลอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับละครภาคนี้ถือว่าประสบความสำเร็จน้อยที่สุดในทุกภาค ทั้งในแง่เรตติ้งซึ่งอาจเป็นเพราะในยุคหลังผู้ชมไม่นิยมรับชมละครผ่านทางโทรทัศน์ อีกทั้งแฟนละครส่วนใหญ่ยังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าบทละครไม่สนุก

ในปี 2565 นี้ จักรวาลเวทมนตร์ได้ขยายขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่อง 7 ประกาศสร้างละครในตระกูลสาวน้อยในตะเกียงแก้วในชื่อว่า “มนตราในตะเกียงแก้ว” นำแสดงโดยทัพนักแสดงหน้าใหม่ของช่อง “ภูมิ - เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์” “กานต์ - ณัฐชา ชยางคานนท์” และ “ตรัย - จักรภัทร อังศุธนมาลี” ซึ่งแน่นอนว่าดวงดาว ยังคงกลับมาสร้างสีสันความสนุกเช่นเดิม ซึ่งเป็นการกลับคืนสู่หน้าจอช่อง 7 สีในรอบหลายปีของดวงดาวอีกด้วย

ทีมนักแสดง มนตราในตะเกียงแก้ว

ที่มา: Ch7HD Drama Society

 

ภาคนี้จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างแม่มดฝ่ายดีและแม่มดฝ่ายร้าย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าจะมีหนึ่งในนางเอกของภาคก่อนกลับมาร่วมแสดงด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นใคร โดยขณะนี้ได้เปิดกล้องเดินหน้าถ่ายทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องมาลุ้นกันมนตราในตะเกียงแก้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่

จะเห็นได้ว่าเนื้อหาของละครในแต่ละภาคนั้น มีพัฒนาการอย่างมาก จากภาคแรกที่เป็นเพียงเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ระหว่างมนุษย์กับแม่มด แต่ในภาคหลัง ๆ นั้นได้เพิ่มเรื่องของโลกเวทมนตร์และองค์ประกอบต่าง ๆ เข้ามาด้วย ดังนั้นหากจะกล่าวว่า “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว” เปรียบเสมือนกับจักรวาล “แฮร์รี พอตเตอร์” เมืองไทยก็คงไม่ผิดนัก ถ้าละครชุดนี้ยังคงได้รับความสนับสนุนจากผู้ชมต่อไป ก็อาจสามารถขยายเรื่องราวต่อไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด 

 

กราฟิก: จิรภิญญาน์ พิษถา