Ticket to Paradise ทำ “จูเลีย โรเบิร์ตส” กลับมาเล่นหนังรอมคอมในรอบ 20 ปี

เธอแจ้งเกิดในวงการได้จากภาพยนตร์เรื่อง Pretty Woman (1990) ที่เป็นแนวโรแมนติก คอเมดี้ ก่อนที่การแสดงของเธอใน My Best Friend’s Wedding (1997) Notting Hill (1999) และอีกมากมายหลายเรื่อง จะช่วยส่งให้ “จูเลีย โรเบิร์ตส” กลายเป็นราชินีหนังโรแมนติก คอเมดี (rom-com) แห่งยุค 90

อาจจะเป็นเพราะหนังดังกล่าวยังคงได้รับการกล่าวขานถึงมาจนถึงทุกวันนี้ จึงแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า จูเลีย โรเบิร์ตส จะห่างหายจากการเล่นหนังรอมคอมไปเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วก่อนจะมารับเล่นภาพยนตร์เรื่อง Ticket To Paradise หรือ “ตั๋วรักสู่พาราไดซ์” อีกครั้งในปีนี้

 

• คนไม่เห็นค่าหนังโรแมนติก คอเมดี้

ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่หนังรอมคอม จูเลีย โรเบิร์ตส ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับหนังแนวนี้เอาไว้ได้น่าสนใจว่า มันมักจะถูกมองข้าม และเธอหวังว่าผู้ชมจะเข้าใจว่าทีมงานและนักแสดงต่างทำงานหนักเพื่อให้ได้หนังฟีลกู้ดซักเรื่องหนึ่งออกมา

“ฉันคิดว่าเราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของหนังโรแมนติก คอเมดี้ที่เรามีกันนัก คุณมองไม่เห็นความอุตสาหะทุ่มเท แล้วก็กลไกต่างๆ ของมันเพราะว่าหนังมันสนุก สวยงาม ผู้คนในหนังก็มีแต่หัวเราะ จูบกัน หรือทำตัวป่วน”

จูเลีย โรเบิร์ตส กล่าว พร้อมเสริมว่า แต่มันกลับเป็นหนังแนวที่เธอชอบเล่นแล้วก็ชอบดูด้วย

นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Erin Brockovich ยังให้ความเห็นในฐานะผู้เชี่ยวชาญหนังโรแมนติก คอเมดี้เอาไว้อีกว่า หนังรอมคอมนั้นทำให้สนุกได้ยาก ถึงแม้มันจะมีสูตรสำเร็จอยู่ก็ตาม แต่การจะทำให้มันมีความพิเศษขึ้นมานั้นไม่ง่ายเลย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องอาศัยทักษะ

ทั้งนี้ หนังรอมคอมเรื่องสุดท้ายที่จูเลีย โรเบิร์ตส เล่นเอาไว้ (ในฐานะนักแสดงนำ) คือ American Sweethearts (2001) ส่วนเรื่อง Valentine’s Day (2010) และ Mother’s Day (2016) เธอเป็นเพียงนักแสดงรับเชิญ ในขณะที่ Eat Pray Love (2010) เป็นแนวโรแมนติกดรามา และ Duplicity (2009) เป็นแนวโรแมนติกฆาตกรรม

จูเลีย โรเบิร์ตส เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อต้นปี 2565 นี้ว่าการไม่มีบทดีๆ ให้เล่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอห่างหายจากการเล่นหนังแนวนี้ไปนานกว่า 20 ปี

“บางคนเข้าใจผิดว่าการที่ฉันไม่ได้เล่นหนังรอมคอมมาเป็นเวลานานแสดงว่าฉันไม่อยากเล่นมันอีกต่อไป ถ้าฉันได้อ่านอะไรที่ฉันคิดว่ามันมีการเขียนระดับเดียวกับ Notting Hill หรือมีความตลกระดับเดียวกับ My Best Friend’s Wedding ฉันก็จะทำ ซึ่งมันไม่มีเลยจนกระทั่งเรื่อง Ticket to Paradise”

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่นอกเหนือไปจากบทที่น่าสนใจก็คือการได้กลับมาเล่นกับ จอร์จ คลูนีย์ อีกครั้ง โดยจูเลีย โรเบิร์ต บอกว่า แม้แต่ Ticket to Paradise เองเธอยังคิดเลยว่า “หายนะ” แน่ ถ้าไม่ได้ จอร์จ คลูนีย์ มาเล่น

ทั้งนี้ จอร์จ กับ จูเลียเคยเล่นหนังด้วยกันมาแล้วหลายเรื่อง ได้แก่ Confessions of a Dangerous Mind (คลูนีย์กำกับ), Money Monster, Ocean's 11 และ 12 จึงทำให้รู้ฝีมือ สามารถรับส่งกันดี

 

• ผลงานของผู้สร้างหนังรอมคอมในตำนานยุค 90

Ticket to Paradise หรือ “ตั๋วรักสู่พาราไดซ์” เป็นผลงานการกำกับของ โอล ปาร์คเกอร์ (เคยมีผลงานกำกับภาพยนตร์ Mamma Mia! Here We Go Again, เป็นคนเขียนบทหนัง The Best Exotic Marigold Hotel) ร่วมเขียนบทโดย โอล ปาร์คเกอร์ และแดเนียล ปิ๊ปสกี้

เรื่องนี้ยังเป็นผลงานการสร้างของ เวิร์คกิ้ง ไตเติล ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีระดับบล็อกบัสเตอร์ที่โด่งดังในยุค 1990 และ 2000 ไม่ว่าจะเป็น Four Weddings and a Funeral, Notting Hill, Bridget Jones's Diary, Love Actually และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ใน Ticket to Paradise นี้ จอร์จ รับบท “เดวิด” จูเลีย รับบท “จอร์เจีย” อดีตสามีภรรยาที่หย่าร้างกันไปนานแล้ว แต่ต้องกลับมาร่วมมือกันหยุดลูกสาวที่กำลังจะจัดงานแต่งแบบหุนหันพลันแล่นกับเกษตรกรปลูกสาหร่ายที่เพิ่งเจอกันตอนเดินทางไปท่องเที่ยวหลังจบการศึกษาที่เกาะบาหลี ทั้งสองคนเลยต้องรีบไปห้ามทัพเพื่อไม่ให้ลูกสาวทำผิดพลาด (เรื่องความรัก) แบบเดียวกับที่พวกเขาเคยทำมาแล้ว

 

 

ขณะนี้ Ticket to Paradise กำลังทำรายได้อย่างงดงามในบ็อกซ์ ออฟฟิศ สหรัฐ โดยความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ความแตกต่างจากหนังแนวโรแมนติกคอเมดีส่วนใหญ่ซึ่งมักเกี่ยวกับคนในช่วงวัย 20 หรือ 30 ต้น ๆ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับสำรวจความรักในแง่มุมต่าง ๆ ผ่านมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ เคยมีประสบการณ์ที่ผิดหวัง และล้มเหลวมาก่อนอย่าง เดวิด และ จอร์เจีย นั่นเอง

 

• หนังที่สร้างมาเพื่อ “จอร์จ คลูนีย์” และ “จูเลีย โรเบิร์ตส”

ปาร์คเกอร์ และปิ๊ปสกี้ซึ่งร่วมกันเขียนบทบอกว่า จอร์จ คลูนีย์ และจูเลีย โรเบิร์ตส์ เป็นคู่รักที่อยู่ในใจของพวกเขาตลอดกระบวนการเขียนบท โดยในร่างแรกของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงกับมีการตั้งชื่อตัวละครว่าจูเลียสและจอร์เจีย เพื่อเป็นการยกย่องนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ทั้งสองคน

“โดยหลักการแล้ว คุณไม่ควรพูดถึงนักแสดงคนอื่นที่คุณคาดหมายว่าจะให้แสดงคู่กับเขาในตอนที่คุณส่งบทให้กับนักแสดงคนนั้น เผื่อว่าคุณจะดึงตัวนักแสดงคนที่ว่านั่นมาไม่ได้” ปาร์คเกอร์กล่าว “แต่ในกรณีนี้ ผมบอกไปว่าผมจินตนาการถึงพวกเขาทั้งคู่สำหรับหนังเรื่องนี้ สำหรับผม มันชัดเจนมากว่าหนังเรื่องนี้จะแทบสร้างไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่พวกเขา ผมไม่มีแผนสำรองเตรียมไว้เลย”

 

ในขณะที่จอร์จ คลูนีย์ บอกว่า “โอล ปาร์คเกอร์ส่งบทให้เราทั้งคู่พร้อมกัน และบอกว่าเขาเขียนบทนี้ให้ผมกับจูเลีย ดังนั้น หลังจากที่ผมอ่านบทเรื่องนี้แล้ว ผมก็เลยโทรหาจูเลียและบอกเธอว่า 'ผมจะรับงานนี้ถ้าคุณเอาด้วย' และเธอก็พูดว่า 'ฉันจะทำ ถ้าคุณทำ' หลังจากนั้นไม่นาน เราก็มุ่งหน้าไปออสเตรเลียครับ”

ทางฝั่ง จูเลีย โรเบิร์ตส เล่าว่าจอร์จกับเธอเข้ากันได้ดีเสมอในฐานะเพื่อนกัน

“เรามีวิธีการทำงานในลักษณะเดียวกัน ฉันคิดว่าเราต่างก็มีความสุขมากจากการทำให้กันและกันหัวเราะ ดังนั้น แต่ละวันสำหรับฉันก็เหมือนกับการตามหาวิธีที่ฉันจะทำให้จอร์จหัวเราะได้ เราทั้งคู่ต่างใส่ใจอย่างมากในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้คนรู้สึกสร้างสรรค์และมีความสุขในการทำงาน มันจะช่วยดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวทุกคนออกมาค่ะ”

 

 

 

ขณะที่ ทิม บีแวน หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง เสริมว่า ดาราสุดยอดฝีมือทั้งสองคนไม่ได้ทำการซ้อมอย่างเป็นทางการใด ๆ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มถ่ายทำด้วยซ้ำไป

“จอร์จและจูเลียจะมาถึงทุกวันพร้อมกับสิ่งที่เราเรียกว่าส่วนเสริม ซึ่งเป็นฉากที่เราจะถ่ายทำในวันนั้น” บีแวนกล่าว “พอเราคุยถึงฉากหนึ่ง ๆ พวกเขาก็จะอ่านมัน จากนั้น พวกเขาก็จะวางส่วนเสริมนั้นลง แล้วเราก็เริ่มต้นถ่ายทำแทบจะทันที และเราแทบไม่เคยต้องถ่ายทำมากกว่าสามครั้งเลยเพราะพวกเขารู้ว่าความสดใหม่ของบทพวกนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมันสดใหม่จริง ๆ มันเป็นการแสดงตลกชั้นครูของแท้เลยครับ”

 

Ticket to Paradise “ตั๋วรักสู่พาราไดซ์” เข้าฉายแล้ววันนี้ สามารถรับชมได้ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน