"แพรรี่ ไพรวัลย์" หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก

"แพรรี่ ไพรวัลย์" หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก

หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก "แพรรี่ ไพรวัลย์" คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ยูนิฟอร์ม เผยตอนนี้ไม่เวอร์จิ้น มีแฟนแล้ว!

 แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร  อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง กับเวอร์ชั่นล่าสุดที่อัปเลเวลมาใส่วิกแต่งหญิง พร้อมนามใหม่ว่า “แพรรี่” จัดเต็มเพิ่มความมั่นใจ เรียกว่าสร้างสีสันให้ชาวโซเชียลเป็นอย่างมาก ล่าสุดเปิดใจในรายการ WOODY FM  หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก จนวันนี้ภูมิใจได้ทำเพื่อพ่อแม่ ลั่นไม่ว่าจะยูนิฟอร์มไหนก็มีคุณค่า ทำเพื่อสังคมได้ ตอนนี้ทำได้สิ่งใหม่ตามฝันเติมเต็มชีวิต ศัลยกรรมความสวยแบบจัดเต็มจนปิดตำนานอรุ่มเจ๊าะ เผยตอนนี้ไม่เวอร์จิ้นแล้ว มีแฟนเป็นหนุ่มรุ่นน้อง รักนี้สุดแสนแฮปปี้

ตอนที่สึกออกมาก็มีฟีดแบคว่าเสียดายบวชตั้งนานไม่น่าสึกเลย ช่วงนั้นเรารับกับฟีดแบคยังไง ?

แพรรี่ : ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดอยู่ พระในวงการท่านก็จะพูดว่าเสียดายอุตส่าห์จบเปรียญธรรม 9 มาแล้วขายน้ำพริก สำหรับหนูคิดว่าไม่ควรมองแบบนั้น ความรู้ส่วนความรู้ อาชีพส่วนอาชีพ เป็นอาชีพอะไรก็ตามที่สุจริต รู้สึกว่ามันมีเกียรติ การที่ขายน้ำพริกไม่ได้ทำให้ความรู้จากการเรียนหายไป ก็ยังเอาความรู้ที่มีรับใช้สังคมในบทบาทอื่น เราไม่ได้ขายน้ำพริกทุกวัน เวลาให้ความรู้ในเชิงศาสนาก็ยังทำหน้าที่ได้ ไม่ได้หายไปตามยูนิฟอร์ม

 

แชร์ให้ฟังได้ไหมอะไรที่เราฝึกมาในการปฎิบัติ แล้วนำมาใช้ได้จริงเพื่อเป็นประโยชน์กับบางคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ?

แพรรี่ : เรื่องหลักไตรลักษณ์ ที่ทำให้ไม่ยึดติดกับภาพอะไรในความเป็นตัวหนูเลย ไม่เคยติดภาพเลยว่าเราเคยบวชมาก่อน แล้วคนจะต้องมาให้ความนับถือในฐานะของพระเปรียญธรรม 9 เรามูฟจากตรงนั้นมาแล้ว ตอนนี้มีฐานะแค่ฆราวาสคนหนึ่ง ถือศีล 5 เป็นแม่ค้าทำมาหากิน คิดแค่นี้ สึกมาแต่ตัวเปล่ามาเริ่มต้นใหม่ นี่ก็คือหลักไตรลักษณ์ที่สอนเราว่าใดๆ มันไม่จีรังเลยทุกอย่าง แล้วถ้าเราคิดแบบนี้ได้จริงๆ ชีวิตมันก็โล่ง พร้อมให้เราได้เริ่มต้นใหม่ ทำใหม่ได้หมด เพราะเราไม่ได้ติดอะไรแล้ว ความรู้สึกเราตอนที่สึก เหมือนเกิดมาบนโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง

\"แพรรี่ ไพรวัลย์\" หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก

กิเลส ตัณหา โลภ มันเริ่มเข้ามาบ้างไหม ?

แพรรี่ : มันเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่สึกเลย (หัวเราะ) หนูก็อยากมีคู่ชีวิตแบบพี่วู้ดดี้ เพราหนูเป็นโสดมาตั้ง 18 ปี ก็จะรู้สึกว่าเราสึกแล้วสามารถมีคู่ครองได้แล้ว สามารถมีเซ็กส์ได้แล้ว เพราะเราเป็นมนุษย์ปุถุชน ตราบใดที่เราไม่ได้ทำอะไรที่มันผิดศีลข้อที่ 3 เราสามารถมีได้

 

ตอนนี้เรายังเป็นเวอร์จิ้นอยู่ไหม ?

แพรรี่ : หนูพูดได้เหรอคะ (หัวเราะ) ไม่น่าจะเวอร์จิ้นแล้วมั้งคะ ถ้าบอกเวอร์ก็จะมุสาอีก ไม่เวอร์แล้วละคะ มันเป็นสัญชาตญาณ อารมณ์ความรู้สึก ความรัก ราคะ มันก็ได้ของมันโดยอัตโนมัติ ก็เหมือนทุกคน เป็นโลกธรรม อาจารย์พุทธทาส ท่านพูดดีนะคะ ว่าการที่เรามีความใคร่ ความรัก มันไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ว่าเรามียังไงไม่ให้วันหนึ่งมันกลับมาทำร้ายเรา

\"แพรรี่ ไพรวัลย์\" หลั่งน้ำตาเล่าถึงอดีตที่ครอบครัวโดนดูถูก

ทุกวันนี้ดูแลตัวเองยังไง ?

แพรรี่ : เยอะค่ะ ความฝันของเราเวลาเป็นพระ เห็นคลีนิคความงามเวลาเดินผ่าน โยมเขาสวยๆงามๆกันเนอะ ตอนบวชเราดูแก่กว่าอายุเยอะ แล้ววันหนึ่งพอหนูออกมา แล้วได้ทำเพื่อตัวหนูเองบ้าง ไปสปาหน้า โบท็อก ฉีดฟิลเลอร์คาง แล้วแต่ก่อนหนูเป็นคนที่มีรอยยิ้มเห็นฟันไม่ได้เลย ที่เขาบอกว่ายิ้มอรุ่มเจ๊าะ ก็ต้องทำฟันวีเนียร์เพราะเราอยากยิ้มแบบสวยๆ ช่วยได้เยอะมาก ทำให้เราอยากยิ้ม ก็มีคนชมว่ายิ้มสวย  

 

มีแฟนหรือยัง ?

แพรรี่ : มีแล้วค่ะ คบกัน 2 เดือนน่าจะได้ ยังเด็กอยู่เลยค่ะ อายุน้อยกว่าหนูตั้งเยอะ อายุยังไม่ถึง 25 เลยค่ะ เราก็คุยกันทุกเรื่องทุกอย่าง เพราะหนูรู้สึกว่าไม่ได้ต้องการแค่มีเซ็กส์แล้วพอ คืออยากได้ใครสักคนมาอยู่กับหนูแบบจริงจัง มาเป็นเพื่อน มาช่วยหนูในเรื่องอื่นๆ เป็นคู่ชีวิตที่หนูอยากจะฝากอะไรบางอย่างให้ได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจอะไรหลายๆ อย่าง หนูอยากได้มุมนี้แล้ว  

 

เจอกันยังไง ?

แพรรี่ : เจอกันเพราะว่าเขาเป็นรุ่นน้องของทีมงาน วันนั้นเขาวีดีโอคอลคุยกัน แล้วเขาก็มาแซวหนูว่าให้พี่แพรรี่ปล่อยมาเที่ยวสิ เดี๋ยวผมให้หอมทีหนึ่งอะไรประมาณนี้ หลังจากนั้นก็มีนัดเจอไปคาเฟ่กัน แล้วหนูก็รู้สึกว่าบุคลิกเขาน่ารักที่สำคัญก็คือเขาไม่มีแฟน เขาคุยกับเรา ไม่กลัวเรา หยอกล้อกับเราได้ รู้สึกว่าแค่นี้ก็เป็นการเปิดทางให้เราอยากที่จะคุยกับเขาเพิ่มมากขึ้น ปกติถ้าเป็นคนอื่นไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับหนู เพราะรู้สึกว่าหนูเฟียสๆ เป็นคนทำอะไรก็เป็นข่าว เราคุยกันตลอดแล้วก็ตกลงกันเรื่องความสัมพันธ์ว่าระหว่างเราคืออะไร ยังเป็นช่วงที่กำลังดูๆ กันอยู่ แต่ก็ยอมรับสถานภาพความเป็นแฟน แล้วก็มีสเปซให้กันว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ 

 

สเปคของแพรรี่เป็นแบบไหน ?

แพรรี่ : หนูชอบผู้ชายแบบน่ารัก ละมุน ขาวๆ สูงๆ อย่างพี่วู้ดดี้เลย (หัวเราะ) หนูเข้มพอแล้ว อยากได้อะไรที่มาเติม เพราะหนูเป็นกาแฟแล้ว หนูขาดแค่นม มาเป็นนมให้หนู

 

ตั้งแต่เราเปิดตัวก็มีบทสนทนาเกี่ยวกับ LGBTQ พ่อแม่บางคนอาจจะดูอยู่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับลูกยังไง จะบอกเขาว่ายังไงดี ?

แพรรี่ : พูดในฐานะของหนู รู้สึกว่าโชคดีมากที่เราอยู่ในครอบครัวที่พ่อกับแม่ให้ความเป็นตัวหนูจริงๆ ให้ความเป็นอิสระกับชีวิต และหนูอยากให้พ่อแม่ทุกคนเป็นแบบนั้น เพราะรู้สึกว่าพ่อแม่คือคนแปลกหน้าคนแรกบนโลกนี้ที่ลูกรู้จัก เป็นคนแปลกหน้า 2 คนแรกที่เขาไว้ใจ ถ้าคนที่เป็นลูกไม่สามารถหาความไว้ใจกับคนแปลกหน้า 2 คนนี้ได้ เขาก็ไม่สามารถหาจากใครได้แล้วบนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะเข้าใจเขาได้มากกว่าคุณสองคน

 

ในทางกลับกันสำหรับใครที่พ่อแม่ไม่เข้าใจ อยากจะบอกเขาว่า ?  

แพรรี่ : อยากให้เขายืนหยัดในความเป็นตัวเอง พยายามพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์แล้วไม่มีประโยชน์กับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ก็พิสูจน์ทำเพื่อตัวเองให้มีคุณค่า แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไป เดินต่อไป โดยที่สุดท้ายแล้วเราเกิดมาเกิดมาคนเดียวนะคะ ฉะนั้นคนที่เป็นเพื่อนกับเราได้คือตัวเรา ถ้าเราไม่ปกป้องยืนหยัด ทำเพื่อตัวเองก็ไม่มีใครทำเพื่อเราหรอก  

 

ล่าสุดเสียน้ำตากับเรื่องอะไร ?

แพรรี่ : ก็มีค่ะ เรามีฟีลแฟนมันก็จะเริ่มมี เมื่อก่อนเป็นพระมันไม่มีแน่ๆ ก็มีอารมณ์เหมือนกันเวลาเราเหนื่อยๆ ท้อๆ แบบเหนื่อยกับงานยังต้องมาเหนื่อยกับคนอีก พอเรามีความรักเหตุผลมันก็เริ่มไม่มี เวลาเศร้าเราก็จะเศร้าแปปเดียว เพราะเราเป็นคนสาธารณะจะเศร้าเยอะไม่ได้ เราต้องเตือนตัวเองเสมอว่าต้องทำงาน ต้องไปต่อ คนที่ตามเราในเพจเขาอยากเห็นความสนุกของเรา

 

เกิดมาในครอบครอบครัวที่โดนดูถูก

แพรรี่ : เราเกิดในในครอบครัวที่โดนดูถูกมาตลอด พ่อแม่หนูโดนดูถูก ตอนแม่ทำงานก่อสร้าง คนก็จะพูดเพราะว่ามึงโง่แบบนี้แหล่ะลูกมึงถึงไม่ได้เรียนต่อ แม่เล่าว่าเวลาไปวัดขยับไปนั่งใกล้ใครเขาก็ถอยหนี เพราะเราไม่มี ไม่อยากจะสมาคมกับเรา หนูคิดว่าวันหนึ่งหนูจะลบความไม่มีออกไปจากชีวิตครอบครัวให้ได้ จะต้องทำให้ได้ แล้วหนูก็ทำได้ แม่จะพูดเสมอว่าไม่เคยคิดว่าจะมีบ้านแบบที่อยู่ทุกวันนี้ ไม่คิดว่าจะมีรถนั่งแบบนี้ อะไรที่แม่ไม่เคยคิดหนูทำให้แม่หมดเลย แม่อยากได้อะไรหนูซัพพอร์ตทุกอย่าง หนูปลดหนี้ให้แม่หมดทุกอย่าง ทุกวันนี้หนูเป็นคนหาเงินให้พ่อแม่นั่งใช้เงินอยู่บ้าน หนูสร้างงานให้กับพ่อแม่พี่น้องให้ทุกคนมีงานทำนี่คือคุณค่า

 

ภูมิใจไหมที่เราสามารถปลดล็อกให้ครอบครัวได้ ?

แพรรี่ : มากๆ ค่ะ หนูรู้สึกว่าการที่เราสึกมาไม่สูญเปล่า หนูพยายามทำให้คนเห็นว่าคุณค่าคนมันอยู่ที่เนื้อแท้ข้างในอยู่ที่จิตใจมากกว่าสิ่งอื่น พยายามต่อสู้เรื่องนี้กับคนทุกคนที่มองหนูที่เปลือก คิดว่าคนถ้ามีคุณค่าไม่ว่าจะยูนิฟอร์มไหนก็ต้องมีคุณค่า ต่อให้หนูจะแต่งตัวเป็นตุ๊ดเป็นเกย์อะไรแบบนี้ดูเหมือนตลกขำๆ แต่คุณค่าของเราก็ยังมีอยู่ สิ่งที่เราเคยได้จากการบวชเรียนมามันไม่ได้หาย   

  

เป็นคนเซนซิทีฟไหม ?

แพรรี่ : ต้องดูว่ากับเรื่องอะไร แต่หลังๆ น้ำตาซึมง่ายอยู่เหมือนกัน เราโตมาด้วยความรักที่พ่อแม่มีให้หนูแบบของคนชนบททุกวันนี้มันเปลี่ยนไปหมดเวลาไปทำงานก็จะต้องหอมแม่หอมพ่อตลอด จะเซนซิทีฟกับเรื่องพวกนี้ มันเป็นความอ่อนไหว มันคือนิยามของคำว่าความรัก เราทำงานก็เพื่อคนที่เรารัก มีคนที่เรารักอยู่ซัพพอร์ตข้างๆ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับครอบครัว เกิดมาชาติหนึ่งที่เราได้แบบ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักเราเข้าใจเรา หนูว่ามันคุ้มค่าแล้วอันอื่นมันเป็นแค่เปลือกชื่อเสียงเงินทอง มีเงินทองแต่ไม่มีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ ตอนนี้รู้สึกว่าเราได้กลับมาสู่ความเป็นสามัญ มีความสุขที่สุดเลย ในวันที่หนูสึกทุกคนร้องไห้น้ำตาไหล กอด รู้สึกว่าอันนี้มันจริง ไม่ปลอม ต่อให้เราเป็นพระแล้วเราได้รับความเคารพนับถือจากคนนั้นคนนี้ที่เข้าหา แต่หลายคนไปหาเพราะเขาเห็นหนูเป็นที่มาของผลประโยชน์ แล้วหนูรู้สึกว่านี่มันเป็นความรักของจริง ไม่ว่าเราจะอยู่ในยูนิฟอร์มแบบไหน ยังเอ็นดูเราในแบบที่เราเป็น (ร้องไห้) มันเหมือนว่าหนูถูกพรากออกไป เพื่อไปเจออะไรที่เขาคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับชีวิตหนู ได้ไปบวชไปเรียนอะไรต่างๆ แต่วันหนึ่ง 18 ปี (ร้องไห้) หนูค้นพบว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ มันทำให้เราอยากหนีจากกำพืดเดิม ไปบวชเพื่อจะเอาอะไร อยากมีชื่อเสียง อยากมียศศักดิ์ อยากเข้าสังคม เพื่อให้เป็นที่นับหน้าถือตา แต่ในขณะที่พ่อแม่หนูก็ไม่มีอันจะกินอยู่บ้าน หนูว่ามันไม่ใช่ ไม่ถูกทาง หนูได้กลับมาถูกทางอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกว่า 18 ปีเป็นเรื่องเสียเวลา อยากขอบคุณใครก็ตามที่ทำให้เราได้กลับมาถูกทาง ได้กลับมาอยู่กับความรักที่มันเป็นความรักจริงๆ