"แร็ปเปอร์ดัง" แจงปมยึดเงิน 4.5 แสน โต้กลั่นแกล้งร้าน ลั่นพร้อมสู้ตามกฎหมาย
"อิลสลิก" แร็ปเปอร์ชื่อดัง ร่ายยาวแจงปมยึดเงินค่าจ้าง 4.5 แสน โต้กลั่นแกล้งร้าน ยันที่ชี้แจงไปเป็นความจริง ลั่นพร้อมสู้คดีตามกฎหมาย
จากกรณีดราม่า "อิลสลิก" Illslick แร็ปเปอร์ชื่อดัง ยกเลิกเล่นคอนเสิร์ตที่ร้าน Subscribe ร้านดังย่านนนทบุรี โดยให้เหตุว่าอุปกรณ์ที่ร้านไม่มีมาตรฐานเพียงพอ ต่อมาแร็ปเปอร์ดังได้ไปขึ้นแสดงอีกร้านที่ย่านรัชดา และได้กล่าวบนเวทีพาดพิงถึงร้านว่าถูกหนึ่งในหุ้นส่วนร้านเรียก ไอ้ , อี แถมยังทำเครื่องดนตรีของวงพัง และยังเปรียบเทียบตัวเองกับ ตูน บอดี้สแลม จนถูกวิพากษณ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวางนั้น
แต่ดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ เพราะเจ้าของร้าน Subscribe ได้เข้าร้อง "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อเอาผิดกับแร็ปเปอร์ชื่อดัง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา พร้อมขอเงินค่าตัวจำนวน 4.5 แสนคืน และให้ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากร้านได้รับความเสียหายกว่าล้านบาท
ล่าสุดวันนี้(14 ตุลาคม 2565) ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางมาออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 พร้อมด้วยนายณัฐพล สุจริตศรีชัยกุล , นายเอก กรภัค มาประสพ (หุ้นส่วนร้าน Subscribe) และนายอาทิตย์ ยอดสถิต ผู้ดูแลระบบเสียงของร้าน เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าทางร้านไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา
เมื่อเวลา 20.08 น.วันเดียวนี้ ทีมงานของแร็ปเปอร์ชื่อดัง "อิลสลิก" Illslick ก็ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ก Illslick - Thikhumporn Whetthaisong โดยระบุว่า จากกรณีที่ทางร้านได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการหนึ่ง ทางทีมขอชี้แจงดังนี้
1. กรณีรับเงินค่าจ้างสำหรับการแสดงเต็มจำนวนแม้ไม่ได้แสดงเพราะมีการยกเลิกการแสดง เป็นการดำเนินการใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามรายละเอียดที่เคยแจ้งไว้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมมีการเดินทางไปจนถึงพื้นที่ตั้งแต่ก่อนทำการแสดง 1 วัน เพื่อเตรียมความพร้อม จัดการแผนงานทุกอย่าง และเข้าทำการซาวด์เช็คแล้วในวันแสดงจริงตั้งแต่เวลากลางวันอย่างเต็มที่ ใช้ทีมงานจำนวนหลายคน แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดบกพร่องขึ้นเพราะทางร้านไม่ได้ทำตามข้อตกลงในสัญญา จนเป็นเหตุทำให้ทีมงานไม่สามารถแสดงต่อไปได้ ทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องยึดเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกก่อนตกลงว่าจ้าง ซึ่งทางร้านได้เซ็นสัญญาไว้แล้วด้วยความสมัครใจตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2565 ทั้งนี้เพื่อเป็นค่าชดเชยค่าเหนื่อยค่าเสียเวลาของทีมงานทุกคน ชดเชยค่าเสียโอกาสของศิลปินสำหรับคิวแสดงในวันนั้น และค่าเสียหายอื่น ๆ การยึดเงินดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิตามข้อสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ทางร้านทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและได้ขอโทษทีมงาน โดยทางร้านได้ส่งข้อความมาทางแอปพลิเคชั่นไลน์แจ้งทีมงาน เช่น
".....ผมเป็นเจ้าของร้าน ผมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษที่ไม่สอนพนักงานให้ดีพอให้มากพอ....."
"ทางร้านทีมซาวด์ของร้านขอโทษด้วยนะครับ"
"เขาหวังดีครับพี่ ไม่ได้คิดจะเปรียบกับศิลปินอื่นเลยครับพี่"
".....เหตุเกิดจากคน ๆ เดียวคนทำให้ต้องเป็นแบบนี้ แต่ทางร้านเสียหายจนไม่เหลืออะไรเลยครับพี่ดอม"
"ซึ่งทางผมน้อมรับผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ดี....." และบทสนทนาอื่น ๆ
นอกจากนี้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 20.08 น. ทางร้านก็ออกมาโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กยอมรับเองว่า "ทุกอย่างเป็นความจริงตามเพจ ILLSLICK โพสต์ทุกประการ ทางร้านกราบขอโทษอีกครั้งนะครับ"
สัญญาส่วนนี้ถูกเขียนขึ้นจากประสบการณ์การทำงานของเราที่เคยพบปัญหา เคยเสียหายและเสียเปรียบมาก่อนหน้าเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรารู้ตัวดีว่าเราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีค่ายดูแล ไม่มีคนช่วยเหลือ ใช้เพียงประสบการณ์เป็นบทเรียนแล้วหาทางแก้ไข สัญญาจึงระบุไว้เพื่อปกป้องตนเองและทีมงานทุกคนที่พี่อิลนับถือเป็นเพื่อน พี่น้อง และครอบครัวที่ร่วมลำบากด้วยกันมาอย่างเต็มที่จนอาจถูกมองว่าเอาเปรียบ ทางทีมเข้าใจความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทีมก็ต้องรับผิดชอบในส่วนความเสียหายของทีมเช่นเดียวกัน การยกเลิกการแสดงมิใช่ความต้องการของเรา เราตั้งใจเตรียมพร้อมออกไปเพื่อพบแฟนเพลง เมื่อเราจำเป็นต้องยกเลิก เราเองก็มีความเสียหายเพราะย่อมถูกมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีสปิริต ซึ่งเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงที่ได้รับก็เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดพลาดของทีม ซึ่งในเวลานั้นพี่อิลเลือกจะแบกรับความเสียหายต่อชื่อเสียงนี้แทนการปล่อยให้คนฟังเสียเงินจำนวนมากเข้ามาดูโชว์ที่ไม่ได้คุณภาพ ทีมต้องขอโทษที่สัญญาของทีมระบุไว้เช่นนั้นและทีมยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามนั้นเพื่อเป็นมาตรฐานต่อไป
เราเคยตกลงงานกับร้านแห่งหนึ่งที่มัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือแล้วเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นร้านไม่สามารถจัดแสดงในวันเวลาที่กำหนดตามสัญญา ทางทีมยึดมัดจำตามสัญญา แต่คืนส่วนที่เหลือให้ 50% เพราะเรายังไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่ ยังไม่ได้ใช้ทีมงานเข้าไปทำงาน ไม่ได้เข้าไปทำการซาวนด์เช็ค และการยกเลิกครั้งนั้นเราได้คิววันแสดงนั้นกลับคืน แม้ว่าเราจะไม่ได้รับงานอื่นทดแทนก็ตามแต่ก็ไม่ได้ยึดส่วนที่เหลือเป็นค่าชดเชย จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นเช่นนี้ และได้เน้นย้ำทำข้อตกลงกับทางร้านก่อนแล้ว
ทีมงานได้พยายามเจรจาแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้วเพื่อจะให้โชว์สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีคุณภาพ ถ้ามีการเปิดคลิปกล้องวงจรปิดในร้านทั้งหมดทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงจะเห็นได้ว่าทีมงานพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแล้วเท่าที่ศิลปินคนหนึ่งจะทำได้เพื่อต้องการให้โชว์ออกมาดีที่สุด ถ้าคลิปกล้องวงจรปิดทั้งหมดทุกช่วงเวลาไม่บังเอิญเสียทั้งภาพและเสียงเราจะเห็นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งทางทีมจะขอให้ผู้ที่มีอำนาจเรียกหลักฐานส่วนนี้มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของทีมงานตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
2. กรณีที่สังคมมองว่าการยึดเงินค่าจ้าง ไม่ตรงกับคำกล่าวที่ว่า "ไม่ได้ออกมาแสดงเพื่อเงิน"
พี่อิลยังคงยืนยันคำเดิมว่า พี่อิลไม่ได้ออกมาทำการแสดงเพื่อเงิน และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป พี่อิลทำเพลงหาเงินเลี้ยงชีพเป็นหลักด้วยการทำเพลงที่สตูดิโอส่วนตัวเผยแพร่ทางช่อง Youtube สามารถมีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพโดยไม่จำเป็นต้องออกแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ชอบ พี่อิลมีความสุขที่จะแต่งเพลงอยู่ที่บ้านมากกว่าด้วยซ้ำ สาเหตุที่ออกมารับงานแสดงเพราะอยากตอบแทนคนฟังที่เรียกร้องอยากฟังอยากเจอ อยากตอบแทนคนที่สนับสนุนเราให้มีอยู่มีกินมาโดยตลอดแม้ว่าเราจะไม่ได้ออกสื่อ ไม่ได้โพสต์รูปบ่อย ๆ พูดคุยกับทุกคนผ่านเพลงเท่านั้น เรายังคงยืนยันว่าคำกล่าวนั้นคือความจริง และการออกแสดงโดยรับค่าจ้างเพราะเป็นค่าเสียรายได้จากการทำเพลง ค่าเหนื่อยของเพื่อนๆพี่ๆที่ออกมาแสดงด้วยกัน ทุกคนต้องกินใช้และมีครอบครัวข้างหลังให้รับผิดชอบ ซึ่งเป็นความจำเป็นในการรับค่าจ้าง แต่มิใช่เหตุผลที่อยากออกมารับงานแสดง และจริง ๆ แล้วการออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดลงในช่วงเดือนธันวาคม ก่อนจะกลับไปทำเพลงแบบยังไม่มีกำหนดเช่นเดิม
3. กรณีรายละเอียดเงื่อนไขตามสัญญาและเงื่อนไขในการรับงานแสดง
ทีมไม่ได้มีเจตนาสร้างความลำบากให้แก่ร้านต่าง ๆ แต่ทุก ๆ รายละเอียดข้อกำหนดเกิดขึ้นจากประสบการณ์การทำงานที่เคยผิดพลาดมาก่อน และต้องการให้การแสดงออกมาดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เพลงคือชีวิตของพี่อิล และทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับเพลงต้องดีที่สุดเสมอ ทีมยอมรับว่าไม่เคยอยากให้ร้านที่ไม่พร้อมลำบากกับเงื่อนไข จึงพยายามปฏิเสธเสมอหากดูแล้วอาจจะยุ่งยาก แต่เมื่อมีการตกลงยอมรับข้อตกลง ทีมจึงรับปากแสดง ทีมยืนยันว่าทุก ๆ รายละเอียดมีการแจ้งให้ทราบและไม่บังคับใด ๆ หากร้านไม่พร้อม ทางทีมไม่เคยไปขอให้ร้านต้องลำบากทำให้ เพราะรู้ดีว่าเรามีเงื่อนไขมากจริงๆ เพื่อคุณภาพของโชว์ ซึ่งรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ทีมงานได้แจ้งกับทางร้านไปแล้วก่อนจะตกลงว่าจ้าง ซึ่งทางร้านก็ตกลงตามเงื่อนไขจึงได้มีการตกลงว่าจ้างกัน
สำหรับในรายละเอียดของเหตุการณ์ส่วนอื่น ๆ ที่ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ทางทีมขอยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการ ไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องโกหกหรือกลั่นแกล้งร้านทั้งสิ้น และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราพร้อมที่จะเผชิญหน้าและน้อมรับบนพื้นฐานของความจริง พี่อิลและทีมพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในทุก ๆ ขั้นตอนที่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายด้วยความมั่นใจว่าไม่เคยมีสักครั้งที่ต้องการโจมตีให้ร้านเสียหาย มีเพียงแต่การชี้แจงในส่วนของตนเองและการแสดงความรู้สึกเท่านั้น
สุดท้ายนี้ เราขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้าใจและสนับสนุนเรามาจนถึงวินาทีนี้ ขอบคุณจริงๆ
ทางด้าน "ทนายตั้ม" หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ซึ่งเป็นทนายความของทางร้านคู่กรณี เมื่อได้เห็นโพสต์ดังกล่าวก็ได้เข้ามาคอมเม้นท์ถามทันทีว่า
"อยากฟังความ 2 ข้างครับ ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ว่าอุปกรณ์ตัวไหนที่ทางร้านมีไม่ครบตามสัญญา? ลำโพง pa ทางร้านมี 6 ตัว ทำไมเพจ illslick ถึงลงข้อความเท็จว่าเค้ามีแค่ 2 ตัว? แล้วใครในร้านที่พูดเหยียดหยามศิลปิน? และถ้ามีเค้าพูดกับอิลว่าอย่างไรครับ"