"โตโน่" เปิดใจเล่าชีวิตตอนบวช สุดปลื้มได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
"โตโน่ ภาคิน" เปิดใจเล่าชีวิตตอนบวช สุดปลื้มได้ทำในสิ่งที่อยากทำ หลังสึกขอพักงานยาว ใกล้ครบ 1 ปี "แตงโม" จากไป ลั่นทำดีที่สุดแล้วไม่มีอะไรติดค้าง
หลังจากเข้าพิธีอุปสมบทไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และได้ลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อยมาสักพักแล้วนั้น สำหรับนักร้องและพระเอกชื่อดัง "โตโน่" ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจเล่าถึงชีวิตตอนบวช
โดย โตโน่ ภาคิน เล่าว่า มีเวลาบวชแค่ 7 วัน ก็พยายามทำกิจของสงฆ์ให้ดีที่สุด มีพี่น้องประชาชนทั้งฝั่งไทยฝั่งลาวมาตักบาตร ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ ที่เห็นภาพคนมากันเต็มโบสถ์ ส่วนตอนกลางคืนพระอาจารย์จะพานั่งวิปัสสนา เรารู้ว่าเวลาน้อย แต่ในทุก ๆ วันเราทำหน้าที่ของสงฆ์ให้ดีที่สุด เพื่อทุก ๆ คนที่มาช่วยกัน เราไม่รู้จะตอบแทนยังไง การบวชก็น่าจะเหมาะสมที่สุด ขอให้ทุกคนแข็งแรง มีความรักที่ดี มีเงินทองที่ดี มีความสุข
โตโน่ เล่าต่อว่า ส่วนยอดบริจาคก็เกินที่คาดหวังไว้เยอะมาก จริง ๆ ได้เท่าไหร่ผมก็ดีใจแล้วครับ พยายามช่วยให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะช่วยได้ ทำได้ แต่พอมันเกินเป้าไปเยอะ จากที่เราอยากจะได้เตียงไอซียูเด็ก 1 เตียงให้ฝั่งนครพนม อยากได้เครื่องเอ็กซ์เรย์สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ทางฝั่งลาว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าฝั่งนครพนมได้ศูนย์หัวใจเลย ส่วนทางฝั่งลาวก็ได้อุปกรณ์ทุกอย่างที่เขาต้องการ ก็ดีใจ เป็นเพราะทุก ๆ คนช่วยกัน
หลังจากลาสิกขาออกมาก็มาอยู่อยุธยา คุยกับวง กับผู้จัดการว่า เดือนมกราคมขอเป็นเดือนที่ไม่ทำอะไรเลย ส่วนที่มาอยู่อยุธยา เพราะเรารู้ว่าเดี๋ยวจะต้องโปรโมทหนัง ทัวร์คอนเสิร์ต ไปบวชเราก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย เมื่อไปอยู่ที่นั่นเราได้เก็บตัวซ้อมกับเพื่อน ๆ ทีมฟุตบอล ได้ฟิตเนส ว่ายน้ำ ได้เตรียมความพร้อม แล้วโชคดีที่ปีนี้อากาศเย็นหลายวัน ผมได้เอามอเตอร์ไซต์ไปขี่เล่นรอบเมืองตอนกลางคืน เหมือนได้พักผ่อนไปในตัวด้วย
"ได้กลับไปทำหน้าที่นักฟุตบอลตามที่สัญญากับทางทีมไว้ว่า ถ้าเราว่าง มีเวลาจะไปซ้อมร่วมกับทีม ไปให้กำลังใจเพื่อน ๆ ผมก็มีลงบ้าง แต่เราไม่ได้เก่งขนาดจะไปเป็นตัวจริงได้ ถ้าจะให้ไปเสริม ไปให้กำลังใจเพื่อน ๆ เรายินดี คงจะอยู่ถึงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ปีที่ผ่านมาเรียกว่าผมได้ทำทุกอย่าง ได้ใช้ร่างกายเปลืองมาก เลยขอกับทีมว่า มกราคมขอพัก ไม่ทำอะไรเลย กุมภาพันธ์-เมษายนก็คือคิวแน่นเลยครับ"
โตโน่ ภาคิน เผยอีกว่า ถามว่าได้กลับมาใช้ชีวิตจากที่ผ่านเรื่องหนัก ๆ มาเป็นยังไง มันก็หนักมาตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่เรื่องของโม (แตงโม นิดา) มาจนขุนพันธ์ จนมาเตรียมร่างกายสำหรับว่ายน้ำ ป่วยด้วยแต่ก็ต้องฝึกไปด้วย เป็นปีที่หนักแต่ก็ดี นอกจากเราพัฒนาร่างกายแล้ว เรายังได้พักใจบ้างเพื่อเตรียมลุยกับงานในปีนี้ ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีของผม ส่วนเรื่องมีแบ่งเวลาให้ "ณิชา" มั้ย ก็มีนะ ถ้ามีเวลาว่างก็จะพาเขาไปทานข้าว ถ้าณิชาว่างบางทีเขาก็จะไปเชียร์ผมที่อยุธยา ได้พาเขานั่งรถรอบเมือง พาคุณแม่ณิชา คุณแม่ผมไปด้วย ได้พาไปพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ไปชมกรุทองคำที่ขุดเจอในอยุธยาทั้งหมด สวยงามมาก ผมไปมา 5 รอบแล้ว น้องก็ชอบมาก ๆ รวมถึงศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด เป็นที่ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสไปชมกัน เพราะว่างดงามมาก
เมื่อนักข่าวถามว่าอีกไม่กี่วันก็จะครบรอบการจากไปของแตงโม หนุ่มโตโน่ตอบว่า คือตอนที่เราได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกัน เราทำดีที่สุดแล้ว ผมเลยไม่มีอะไรที่ติดค้าง เสียใจหรือเสียดายอะไร ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับโมเราก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน ได้คุยกัน เขาก็ได้พูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด เขาก็ดีใจที่เขาได้พูด ผมคิดว่าระหว่างเราให้เก็บเป็นความทรงจำที่ดีดีกว่า
"มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ชีวิตผมอยู่กับเรื่องความสูญเสียมาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยค่อนข้างจะเข้าใจได้ว่าบางทีเราทำได้แค่ควบคุมในสิ่งที่เราทำได้ ดูแลตัวเอง ให้เกียรติผู้อื่น แต่ว่าเราจะอยู่ได้นานขนาดไหนอันนี้เราไม่สามารถกำหนดได้ ไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ได้ถึง 80-90 ปี มันสำคัญที่ว่าตอนเราอยู่เราทำอะไรมากกว่า เราทำอะไรให้กับบ้านเมืองเราบ้าง ทำอะไรให้กับเพื่อน ให้กับครอบครัวเราบ้าง เราทำอะไรให้กับความฝันของเราบ้าง ผมว่าสำคัญที่ตอนอยู่ ไม่ได้สำคัญที่ระยะเวลา"