ส่องความรวย “โอ๊ค ภควา” เปิดธุรกิจ “ปอย ตรีชฎา” รักสุกงอม วิวาห์ 1 มี.ค.
ส่องความรวย “โอ๊ค ภควา” ทายาท “หงษ์หยก” เจ้าของ “บ้านอาจ้อ” พิพิธภัณฑ์-ร้านอาหาร ตระกูลดังภูเก็ต เจ้าของกิจการอสังหาฯ-ขายที่ดิน-ปั๊มน้ำมัน เครือญาตินั่งกรรมการ “บริษัทประชารัฐฯ” ด้วย “ปอย ตรีชฎา” ไม่น้อยหน้า ทำธุรกิจอาหารเสริม-เครื่องสำอาง 4 แห่ง
กำลังหวานชื่นเต็มที่ สำหรับความรักระหว่าง “โอ๊ค ภควา หงษ์หยก” กับ “ปอย ตรีชฎา” หลังจากหมั้นกันเรียบร้อยต้อนรับเดือนแห่งความรักเมื่อ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา และเตรียมเข้าพิธีวิวาห์ 1 มี.ค.นี้
สำหรับ “โอ๊ค ภควา” คือนักธุรกิจ ทายาท “บ้านอาจ้อ” บ้านโบราณก่อสร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1936 หรือ พ.ศ. 2479 ของ “หลวงอนุภาษภูเก็ตการ” หรือ “จิ้นหงวน” ต้นตระกูล “หงษ์หยก” ปัจจุบันได้รับการรีโนโวทเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟชื่อดังใน จ.ภูเก็ต
สำหรับตระกูล “หงษ์หยก” คือตระกูลโบราณชื่อดังในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ทำธุรกิจมากมายในจังหวัด รวมถึงทำมูลนิธิเพื่อเด็กและสังคมอีกด้วย
สำหรับหนุ่ม “โอ๊ค ภควา” เบื้องต้นไม่ปรากฏข้อมูลว่าเป็นกรรมการบริษัทแห่งใด แต่เจ้าตัวเป็นหนึ่งในทีมบริหาร “บ้านอาจ้อ”
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 พบว่า “บ้านอาจ้อ” ถูกจดทะเบียนในชื่อ บริษัท บ้านอาจ้อ จำกัด จัดตั้งเมื่อ 30 มิ.ย. 2560 ทุนปัจจุบัน 3 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 102 หมู่ที่ 3 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แจ้งประกอบธุรกิจร้านอาหารแบบภัตตาคาร/โรงแรม ปรากฏชื่อกรรมการ ดังนี้
- นายมนตรี หงษ์หยก
- นางสาวปิยะนุช หงษ์หยก
- นายมนต์ทวี หงษ์หยก
- นายสัจจ หงษ์หยก
สำหรับบริษัท บ้านอาจ้อ จำกัด ดำเนินการโดยตระกูล “หงษ์หยก” มีบริษัท อนุภาษและบุตร จำกัดถือหุ้นใหญ่สุด 99.9867% โดยบริษัทแห่งนี้มี “บุญศรี หงษ์หยก” ถือหุ้นใหญ่สุด 14.31415% รองลงมาเป็น กาญจนา สุทธิภู ถือ 14.2049% ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงษ์หยก ถือ 7.6488% บริษัท อนุภาษ เอส เอส จำกัด ถือ 5.9024% โดยบริษัทแห่งนี้มีบริษัท อนุภาษและบุตร จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 3,704,358 บาท หนี้สินรวม 6,832,654 บาท มีรายได้รวม 3,167,660 บาท รายจ่ายรวม 5,476,125 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 150,949 บาท ขาดทุนสุทธิ 2,459,415 บาท
ขณะที่คนในตระกูล “หงษ์หยก” พบว่า เป็นกรรมการบริษัทอีกหลายสิบแห่ง เช่น ทั้งธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร รีสอร์ท โรงแรม สนามกอล์ฟ ขายรถ สิ่งอำนวยความสะดวกในสนามกีฬา สถานีเชื้อเพลิง ซื้อขายที่ดิน ให้เช่าที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ขณะที่ “ปิยะนุช หงษ์หยก” ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ประกอบกิจการค้าปลีก ส่ง สินค้าตามที่กำหนดในวัตถุประสงค์
โดยบริษัทประชารัฐฯดังกล่าว คือนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมจัดตั้งขึ้นมา เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รายได้ของบริษัทมาจากส่วนแบ่งของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของชุมชนที่ไปช่วยเหลือ ไม่มีการปันผลให้ผู้ถือหุ้น เงินของบริษัทเอาไว้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน
ขณะที่ “ปอย ตรีชฎา” ก็ไม่น้อยหน้า ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 6 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 4 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ได้แก่
- บริษัท วิสดอม-ฮาร์เบอร์ จำกัด ก่อตั้งปี 2564 จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับดวงตา ยังไม่มีข้อมูลงบการเงิน
- บริษัท เฟอร์ฟู แปซิฟิก จำกัด ก่อตั้งปี 2555 ประกอบกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเครื่องสำอาง รายได้ปี 2564 รวม 8,699,111 บาท กำไรสุทธิ 716,326 บาท
- บริษัท ไบโอฟาร์มาเทค จำกัด ก่อตั้งปี 2563 ให้บริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้าทางเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์ รายได้ปี 2564 รวม 2,103,824 บาท ขาดทุนสุทธิ 82,518 บาท
- บริษัท ไบโอฟาร์มา แปซิฟิก จำกัด ก่อตั้งปี 2563 ร้านขายปลีกสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์ รายได้ปี 2564 รวม 7,391,251 บาท กำไรสุทธิ 186,452 บาท
ทั้งหมดคือข้อมูลในมุมธุรกิจของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่สปอร์ตไลท์ทางสังคมกำลังฉายแสงอยู่ตอนนี้