‘อี้หยางเชียนซี’ ใน ‘ยุทธการยึดสมรภูมิเดือด’ หนังลงทุน 1.3 พันล้านหยวน
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ลงทุนสร้าง 1.3 พันล้านหยวน และทำรายได้ทุบสถิติ ‘ยุทธการยึดสมรภูมิเดือด’ 长津湖 นำโดยลูกชายแห่งชาติจีน ‘อี้หยางเชียนซี’ ลงจอแก้วให้คนไทยชมแล้ว ภาค 1-2 ที่ 'MONOMAX'
ยุทธการยึดสมรภูมิเดือด ภาค 1-2 (The Battle at Lake Changjin) 长津湖 (ฉางจินหู) ภาพยนตร์ที่ทุ่มทุนสร้างสูงสุดในประวัติการณ์วงการหนังจีน ด้วยงบ 1.3 พันล้านหยวน นำโดยนักแสดงแถวหน้าของจีนและลูกชายแห่งชาติจีน อี้หยางเชียนซี
สร้างจากเรื่องจริงจากสมรภูมิรบระหว่างอเมริกากับจีน เมื่อปี 1950 ทำรายได้ถล่มทลาย ภาค 1 ลงโรงปี 2021 กวาดรายได้กว่า 913 ล้านดอลลาร์ ภาค 2 ปี 2022 ทำรายได้ 630 ล้านดอลลาร์
ภาพยนตร์อภิมหาสงครามที่ผู้นำสูงสุดจีน เหมาเจ๋อตุง ปลุกใจว่า "สู้ฝรั่งช่วยเกาหลี" จีนพร้อมช่วยสหาย (เกาหลีเหนือ) ต่อต้านทหารสหรัฐและทหารจากยูเอ็น โดยเฉพาะสมรภูมิเดือดที่ ทะเลสาบฉางจิน
The Battle of Lake Changjin ภาค 1
ฉางจินหู คือหนังปลุกใจรักชาติ ออกฉายในโอกาสครบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ หนังเปิดฉากด้วยการรุกคืบของทหารสหรัฐและยูเอ็นที่อินชอน เพื่อรุกสู่เกาหลีเหนือ เมื่อปี 1950 และเคลื่อนทัพสู่ริมแม่น้ำยาลู่ ชายแดนเกาหลี-จีน ไปจนถึงสมรภูมิเดือดที่ ทะเลสาบฉางจิน
ศึกฉางจินหู หรือยุทธการยึดสมรภูมิเดือด คือการสู้รบของจีนที่ขณะนั้นพันธมิตรคือเกาหลีเหนือ โดยมีรัสเซียหนุนหลัง ในขณะที่เกาหลีใต้มีกองกำลังของอเมริกาและยูเอ็นช่วย อันเป็นยุคเริ่มสงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และอเมริกาเพิ่งถล่มญี่ปุ่นด้วยอาวุธนิวเคลียร์
อี้หยางเชียนซี
แบ่งเป็น 2 ภาค กำกับโดย 3 ผู้กำกับดัง เฉินข่ายเกอ, ฉีเคอะ และดันเต ลัม งบสร้างสูงถึง 1,300 ล้านหยวน เข้าฉายที่จีนเมื่อปลายเดือนกันยายน 2021 ทำรายได้ 6 วัน 3,000 ล้านหยวน จดบันทึกสถิติสูงสุดคือ 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในประเทศจีน
หนังสงครามสร้างจากเรื่องจริง แม้จะมีการโต้แย้งอยู่บ้างในบางส่วนจากประวัติศาสตร์ แต่ก็นำเสนอเหตุการณ์จริงหลายส่วน ตั้งแต่การสู้รบจากแม่น้ำยาลู่ถึงทะเลสาบฉางจิน ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ และสู้กับกองกำลังอเมริกาที่ร่วมกับสหประชาชาติ ที่มียุทโธปกรณ์ครบครัน ฉากโหดเลือดนอง (แต่ยังไม่เละเทะนัก) ของทั้งสองฝ่าย ทหารจีนที่เสื้อกันหนาวไม่พอ อาหารไม่มีกินต้องกินมันฝรั่งแข็ง ๆ และหนาวตายในพายุหิมะ -40 องศา ในขณะที่กองทัพตะวันตกฉลองคริสต์มาสด้วยไก่งวงกับสเต๊ก
อี้หยางเชียนซี แห่งวงบอยส์แบนด์ TFBOYS อายุเพิ่ง 22 ปี เจ้าหนูมหัศจรรย์ขวัญใจแม่จีน ปีที่แล้ว อี้หยางเชียนซี หรือแจ็คสัน ยี มีรายได้กว่า 2 หมื่นล้านหยวน มารับบท อู่ว่านหลี่ น้องเล็กประจำกองร้อย 7 ที่แอบตามพี่ชาย อู่เชียนหลี่ (รับบทโดย อู๋จิง) มาร่วมรบด้วย
เด็กน้อยอู่ว่านหลี่ เอาตัวรอดจากกระสุนและระเบิด และสามารถร่วมรบกับพี่ชายและทหารรุ่นพี่ ความที่มือแม่น (เล่นปาหินกับเพื่อน) จนกลายเป็นมือปาระเบิดประจำกอง และมีชีวิตรอดพร้อมพี่ชายไปรบต่อในภาค 2
The Battle of Lake Changjin ภาค 2
ถ้าใครเคยดูหนังที่เขาเล่น ล่าสุด ฉางอัน 12 ชั่วยาม (The Longest Day in Changan) ซีรีส์จีนแนวสืบสวนสมัยราชวงศ์ถัง ประกบดาราใหญ่ เหลยเจียอิน อี้หยาง รับบทผู้บัญชาการหน่วยจิ้งอันซือ ดูแลความสงบของเมือง เรื่องนี้เขาก็แสดงดี เป็นเชื้อพระวงศ์ที่ตั้งใจทำงานรับใช้ชาติ
อี้หยางเชียนซี เต้นและร้องเพลงเก่ง แสดงหนังก็ได้ไม่ห่วงหล่อ เนื่องจากหน้าเด็กสามารถรับบทเด็กน้อยวัยไม่ถึง 20 ได้สบาย ทุกปีติดอันดับนักแสดงหมื่นล้าน (หยวน) และวง TFBOYS เป็นวงขวัญใจมหาชนพ่อจีนแม่จีนติดตามน้อง ๆ ตั้งแต่ตั้งวัยมัธยม วัดส่วนสูงกันทุกปี ตอนถ่ายทำ “ศึกฉางจิน” น้องก็เก็บตัวเงียบไม่ออกสื่อ ไม่ออกงาน
อี้หยางเชียนซี แห่งวง TFBOYS
The Battle at Lake Changjin 1 จบด้วยชัยชนะของจีนที่ขับไล่กองกำลังตะวันตก ออกจากคาบสมุทรเกาหลีเมื่อปลายเดือนธันวาคม 1950 บทสรุปของสงครามที่ทะเลสาบฉางจิน คือ ทหารจีนพลีชีพ 197,000 นาย โดยทหาร 6,000 หน่วยสู้อเมริกาช่วยเกาหลี ผลของการสูญเสีย ประเทศจีนยกย่องทหารที่เข้าร่วมร่วม 3 แสนนายเป็นวีรบุรุษแห่ง “ฉางจินหู”
แต่ยังไม่จบไปต่อภาค 2 The Battle at Lake Changjin 2 หรืออีกชื่อว่า Water Gate Bridge ลงโรงฉายที่จีนต้อนรับตรุษจีนปี 2022 ทำรายได้ 626.6 ล้านดอลลาร์ ภาคนี้เดินเรื่องหลังจากกองทัพจีนได้ชัยชนะที่ยุทธภูมิฉางจินแล้ว อู๋จิง ผู้กองแห่งกองร้อย 7 ต้องไปต่อ ภารกิจคือระเบิดสะพานสุ่ยเหมิน เพื่อตัดทางถอนกำลังของทหารสหรัฐ ที่ต้องผ่านเส้นทางนั้น
ในบันทึกของยูเอ็นระบุว่า ฝ่ายจีนสูญเสียมหาศาล ทหารตายนับแสน มากกว่ากองกำลังของสหประชาชาติ แต่สำหรับจีนมองว่านี่คือชัยชนะ ที่ทำให้ยูเอ็นต้องถอนตัวออกจากเกาหลีเหนือในเวลาต่อมา และนายพลแมคอาเธอร์ ที่เกือบเอาชนะเกาหลีเหนือได้แต่ก็ถูกปลดเสียก่อน หลังจากเสนอให้ประธานาธิบดีอเมริกา ทิ้งระเบิดปรมาณูใส่จีน
Water Gate Bridge ภาค 2 (Cr.mydramalist.com)
สงครามผู้ชนะที่แท้จริงคือความตาย หลังปี 1950 นำไปสู่การแบ่งแยกเกาหลีเหนือ-ใต้ การสู้รบยุติเมื่อปี 1953 ประวัติศาสตร์สงครามบันทึกไว้ว่า ความขัดแย้งของเพื่อนร่วมชาติเกาหลีเหนือ-ใต้ เป็นสงครามที่มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ล้านคน พลเรือนเสียชีวิตในสัดส่วนที่ใหญ่กว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนามเสียอีก เกาหลีเหนือได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดหนักสุดในประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ที่จีนอยากให้คนจีนดู ฉากรบเหมือนจริง โหดร้ายและปลุกใจ พร้อมสเปเชียลเอฟเฟกต์ อาวุธ รถถัง เครื่องบิน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ใช้สตูดิโอร่วมทำมากกว่า 50 บริษัท นักแสดงสมทบกว่า 7 หมื่นชีวิตเข้าร่วมการถ่ายทำ ยังมีบุคลากรทางทหารอีก 2 พันนาย ร่วมเป็นส่วนในการแสดงด้วย
คนขวาคืออู๋จิง รับบทพี่ชาย อู่เชียนหลี่
ร่วมกับนักแสดงระดับแถวหน้า (ส่วนใหญ่แสดงภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์) เช่น อู๋จิง, หลี่เฉิน รับบทเป็น อวี๋ฉงหรง, หูจวิน รับบท เหลยซุยเซิง, จู่ย่าเหวิน รับบท เหมยเซิง และ หวงเซวียน จากตำนานลั่วหยาง มารับบท เหมาอั้นอิง แม้จะแสดงไม่กี่ฉากแต่รับบทสำคัญคือ เป็นลูกชายคนโตของเหมาเจ๋อตุง ที่เสียชีวิตในสมรภูมินี้ด้วย
โปสเตอร์หนัง "ฉางจินหู" ภาค 1 (Cr.mydramalist.com)
ฉากไฮไลท์หลายฉาก เช่นฉากกราดยิงจากเครื่องบินรบตะวันตกที่ยิงกราดบนกองหินพื้นราบที่ทหารจีนต้องนอนนิ่ง ๆ ห้ามขยับตัว แต่ก็ไม่พ้นวิถีกระสุน
ฉากทหารจีนแข็งตายในท่านั่งตั้งท่าเหนี่ยวไกปืนในพายุหิมะ และเมื่อนายพลโอลิเวอร์ สมิธ มองเห็นจากกล้องส่องทางไกล แต่เมื่อไปดูใกล้ ๆ จึงเห็นว่า ทหารจีนแข็งตายกันหมดในท่าพร้อมรบ นายพลอเมริกันถึงกับทำวันทยาหัตถ์ให้
ไม่มีหนังอะไรเศร้าเท่ากับ “หนังสงคราม” อีกแล้ว ดูแล้วอาจเกิดพลังรักชาติ (ของตัวเอง) ขึ้นมาบ้าง หรือดูแล้วพอเข้าใจถึงความขัดแย้งของชาติตะวันตกกับตะวันออก นี่คือผลพวงเบื้องหลังความสูญเสียที่ไม่มีวันจบในชาตินี้....
ภาพยนตร์สงครามเรื่องยิ่งใหญ่ ยุทธการยึดสมรภูมิเดือด ไม่ได้ลงโรงในไทย ทว่า MONOMAX จัดให้ ชมผ่านแอพฯ MONOMAX และชมได้ทางช่อง MONO29 ภาค 1 วันที่ 24 มีนาคม และภาค 2 วันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 18.00 น.
อี้หยางเชียนซี
หรือชมผ่านแอพฯ พากย์ไทยที่ https://www.monomax.me/title/104067-the-battle-at-lake-changjin-1.html ทาง MONOMAX
ลูกค้า AIS ดูโมโนแมกซ์ 59 บาทต่อเดือน สมัครบริการกด *678*4# โทรออก ถึง 30 มิ.ย. 2566