‘พูดไปก็ไลฟ์บอย’ วลีฮิตจาก ‘สบู่’ ยุค 2500 สู่เพลงใหม่เกิร์ลกรุ๊ป ‘4EVE’

‘พูดไปก็ไลฟ์บอย’ วลีฮิตจาก ‘สบู่’ ยุค 2500 สู่เพลงใหม่เกิร์ลกรุ๊ป ‘4EVE’

วลีฮิต “พูดไปก็ไลฟ์บอย” ใช้กันอย่างแพร่หลายในไทย มาจากสบู่ยี่ห้อ “ไลฟ์บอยย์” ที่เข้ามาขายตั้งแต่ยุค 2500 ก่อนจะหายไปตามกาลเวลา จนกระทั่งกลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากการเป็นชื่อเพลงใหม่ของ “4EVE” (โฟร์อีฟ) วงเกิร์ลกรุ๊ป T-POP

4EVE” (โฟร์อีฟ) วงเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าของวงการเพลงไทย พึ่งปล่อยเพลงใหม่ “Life Boy (พูดไปไลฟ์บอย)” เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา โดยเพลงนี้ได้ “แจ๊ป เดอะ ริชแมนทอย” มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ซึ่งจากชื่อเพลง “พูดไปก็ไลฟ์บอย” ทำให้เด็กรุ่นใหม่งุนงงว่า คำนี้แปลว่าอะไร แต่ผู้ใหญ่กลับเข้าใจความหมายของคำนี้เป็นอย่างดี

 

  • พูดไปก็ไลฟ์บอยย์ นิ่งไว้ก็เซฟการ์ด

ในช่วงยุค 2500 มีสบู่ยี่ห้อหนึ่งจากประเทศอังกฤษเข้ามาขายในไทยในราคาเพียง 2.50 บาท มีชื่อว่า “ไลฟ์บอยย์” (Lifebouy) ด้วยราคาที่ย่อมเยาทำให้สบู่แบรนด์นี้เป็นที่นิยมอย่างมาก หลังจากไม่นานก็มีอีกบริษัทนำสบู่จากสหรัฐยี่ห้อ “เซฟการ์ด” (Safeguard) แม้จะมีราคาที่แพงกว่า แต่ก็มีกลิ่นที่หอมกว่า บรรจุภัณฑ์ที่หรูหรากว่า และมีคุณสมบัติที่ดีกว่าไลฟ์บอยย์ เข้ามาจำหน่ายในไทย

‘พูดไปก็ไลฟ์บอย’ วลีฮิตจาก ‘สบู่’ ยุค 2500 สู่เพลงใหม่เกิร์ลกรุ๊ป ‘4EVE’ สบู่ไลฟ์บอยย์ยุคแรกในไทย

และด้วยจุดนี้เองทำให้เกิดเป็นวลีฮิตที่เปรียบเทียบสบู่ทั้ง 2 แบรนด์ขึ้นว่า “พูดไปก็ไลฟ์บอยย์ นิ่งไว้ก็เซฟการ์ด” ซึ่งเป็นการเลียนแบบรูปแบบของสำนวน “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” โดยยังคงความหมายเดิมที่มีแปลว่า ‘พูดไปไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า’ เอาไว้ จะเห็นได้ว่าการเปรียบเทียบลักษณะนี้ เป็นการให้คุณค่ากับสินค้าที่มี “ราคาแพง” มากกว่าสินค้าราคาถูก 

เนื่องจากทั้งสบู่ไลฟ์บอยและเซฟการ์ดต่างเป็นที่นิยมและรู้จักในวงกว้าง ทำให้วลีนี้จึงกลายเป็นวลีฮิตใช้กันทั้งประเทศ ต่อมาวลีนี้ได้ถูกตัดทอนให้สั้นลงเหลือเพียง “พูดไปก็ไลฟ์บอย” เป็นที่รู้กันว่ามีความหมายว่า พูดไปก็ไม่มีประโยชน์

ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ไลฟ์บอยย์เป็นสินค้าติดตลาดในประเทศไทย และวลีฮิตนี้เป็นที่รู้จักไปทั่ว “ไพจิตร อักษรณรงค์” นักร้อง นักแสดงยุค 80 เคยออกเพลงชื่อ “พูดไปก็ไลฟ์บอย” มาแล้ว

  • สบู่เก่าแก่จากอังกฤษ

ไลฟ์บอยย์ เป็นแบรนด์สบู่ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 128 ปี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1895 โดยโรงงาน Lever Brothers ในอังกฤษ (ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Unilever และกลายเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของโลก) ช่วงปีนั้นอหิวาตกโรคแพร่ระบาดอย่างหนักในอังกฤษ ทำให้บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์สบู่กำจัดแบคทีเรีย เพราะการล้างมือด้วยสบู่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีสารพูราลินเป็นส่วนประกอบ ทำให้มีสรรพคุณป้องกันเหงื่อไคลได้นาน 

บริษัทต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย จึงขายสินค้าในราคาถูก จนกลายเป็นสินค้าขายดีทั้งในอังกฤษและสหรัฐ และวางจำหน่ายอีกหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในยุโรป ละตินอเมริกา อเมริกาใต้ เอเชีย รวมถึงประเทศไทย

‘พูดไปก็ไลฟ์บอย’ วลีฮิตจาก ‘สบู่’ ยุค 2500 สู่เพลงใหม่เกิร์ลกรุ๊ป ‘4EVE’ ใบโฆษณาสบู่ไลฟ์บอยย์

ในระยะหลังตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายมีการแข่งขันกันสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาร่วมแย่งชิงยอดขายจำนวนมาก อีกทั้งมีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนสบู่สูตรและกลิ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ 

เพื่อให้แข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ Unilever จึงได้ใช้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ โดยออกแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใหม่ ๆ เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคให้ครบทุกกลุ่ม เช่น ลักส์ (Lux) โดฟ (Dove) วาสลีน (Vasline) แม้ว่าแบรนด์เหล่านี้จะออกมาเพื่อกันการแย่งชิงลูกค้าของบริษัทอื่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบรนด์ในเครือ Unilever เองก็ทำให้ยอดขายของ ไลฟ์บอยย์ ลดลงด้วยเช่นกัน จนส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยลงไปเรื่อย ๆ และค่อย ๆ หายไปจากชั้นวางสินค้าในหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

  • หวนคืนสู่สนาม

หลังจากห่างหายจากตลาดในประเทศไทยไปกว่า 40 ปี ไลฟ์บอย กลับมาทำการตลาดในประเทศไทยอีกครั้งในช่วงปี 2563 ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังมาแรงสุด ๆ โดยการกลับมาในครั้งนี้ไลฟ์บอยกลับมาพร้อมกับภาพลักษณ์โฉมใหม่ที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น (และชื่อไทยตัด ย์ ออก) พร้อมชูจุดเด่นลดการสะสมของแบคทีเรียได้ 99.9% ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์แต่ไหนแต่ไร

นอกจากนี้ไลฟ์บอยยังมีแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ได้มีเพียงสบู่ก้อนเพียงอย่างเดียว ยังมีครีมอาบน้ำ สบู่เหลวล้างมือ และเจลแอลกอฮอล์ พร้อมได้ “ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต” และลูกชายฝาแฝด “สายฟ้า-พายุ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่ และ ครอบครัว

‘พูดไปก็ไลฟ์บอย’ วลีฮิตจาก ‘สบู่’ ยุค 2500 สู่เพลงใหม่เกิร์ลกรุ๊ป ‘4EVE’

แต่ทว่าการห่างหายไปจากตลาดกว่า 40 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยเช่นกัน คนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จักแบรนด์เลย และคนรุ่นเก่าหลายคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบรนด์ได้กลับมาแล้ว จึงอาจจะพูดได้ว่าไลฟ์บอยอาจต้องทำการตลาดใหม่หมด เพื่อทำให้สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค เพราะตอนนี้ความทรงจำของหลาย ๆ คนมีเพียงแค่วลีฮิต “พูดไปก็ไลฟ์บอย” เท่านั้น และอาจจะได้อานิสงส์จากเพลงใหม่ของ 4EVE ทำให้คนรุ่นใหม่รู้จักมากขึ้นไม่มากก็น้อย


ที่มา: Marketing OopsSpacebarThe People