‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

เส้นทางสู่ศิลปิน no.1 ชาร์ต Billboard HOT 100 ของ ‘จองกุก’ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาต้องเผชิญกับเกมการเมืองสหรัฐที่ลามเข้ามายังชาร์ตเพลงระดับโลก รวมถึงการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ครั้งแล้วครั้งเล่าของบิลบอร์ด แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งน้องเล็กแห่งวง BTS ได้

 

ถือเป็นชัยชนะแบบฉิวเฉียดชนิดที่เรียกว่าหืดขึ้นคอ แต่ความยากลำบากที่ได้รับกลับยิ่งทำให้การขึ้นครองอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด HOT 100 จากเพลง Seven ของ ‘จองกุก’ BTS กลายเป็นตำนานที่ได้รับการจดจำมากยิ่งขึ้น

 

บีทีเอสประกาศพักงานวงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 หลังจากนั้นเหล่าสมาชิกก็เริ่มปล่อยผลงานเดี่ยวของตัวเองออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันก่อนจะทยอยเข้ากรมเป็นทหารรับใช้ชาติกันทีละคนสองคน โดยสมาชิกวงบีทีเอสคนล่าสุดที่ปล่อยเพลงโซโล่ก็คือน้องเล็กที่กำลังจะมีอายุครบ 26 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่าง ‘จองกุก’ กับซิลเกิ้ลที่ชื่อว่า Seven

 

 

Seven เป็นเพลงภาษาอังกฤษล้วนที่ได้โปรดิวเซอร์ดีกรีรางวัลแกรมมี่อย่าง แอนดรูว์ วัตต์ มาดูแลการผลิตให้ โดยวัตต์ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน บีเบอร์, ไมลีย์ ไซรัส, ออซซี่ ออสบอร์น, เพิร์ล แจม, อิ๊กกี้ ป็อป ฯลฯ มาแล้วได้ออกมาสปอยล์เกี่ยวกับเพลงนี้เอาไว้ล่วงหน้าว่า “สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันค่อนข้างจะอันตราย” (It’s pretty dangerous what’s about to happen)

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

 

ขณะที่ สกูตเตอร์ บรอน ผู้อยู่เบื้องหลังความหลังของ Pop Artist ระดับโลกอย่าง จัสติน บีเบอร์, แอริอานา กรานเด้, เจ บัลวิน, The Kid Laroi (ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งซีอีโอ HYBE-America บริษัทในเครือ HYBE ต้นสังกัดของวง BTS) ได้ออกมาโพสต์ว่า The world has no idea how bit this is. #SEVEN (โลกคาดไม่ถึงว่าเพลงนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน) จนทำให้ความคาดหวังที่มีต่อเพลงเดี่ยวอย่างเป็นทางการเพลงแรกในชีวิตของจองกุกยิ่งสูงขึ้นไปอีก

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

 

แล้วจองกุกผู้มีสมญานามว่า ‘มักเน่ทองคำ’ (หมายถึงน้องเล็กผู้มีความสามารถรอบด้าน) ของ biggest band in the world อย่าง BTS ก็ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เพลง Seven ของเขาสามารถทุบสถิติมากมายจนนับไม่ถ้วน พร้อมติดท็อปชาร์ตในตลาดเพลงหลักของโลก

 

สถิติต่าง ๆ ที่ได้มาทำให้ความเป็นไปได้ที่เพลง Seven จะครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard HOT 100 มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยได้รับการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่าจะติดชาร์ตในอันดับท็อป 5 ก็ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3, 2 จนท้ายที่สุดก็สามารถเบียดเพลง Last Night ของ Morgan Wallen ที่ครองอันดับ 1 มานานถึง 14 สัปดาห์ลงไปแล้ว

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

 

แต่หลังจากที่เพลง Seven ของจองกุก ได้รับการคาดการณ์ว่าจะขึ้นครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard HOT 100 ได้เพียงไม่นาน ผู้เชี่ยวชาญก็ต้องเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ใหม่โดยบอกว่าเป็นสัปดาห์ที่ไม่สามารถทำนายผู้ชนะได้ เพราะอยู่ดี ๆ เพลง ‘Try That in a Small Town’ ของเจสัน อัลดีน (Jason Aldean) นักร้องเพลงคันทรีชื่อดัง ก็มียอดขายพุ่งขึ้นพรวดพราดนับแสนหน่วยภายในวันเดียว จนสามารถแซงหน้าเพลงของจองกุกไปได้

 

เมื่อการเมืองอเมริกันเข้าแทรกแซงชาร์ตเพลง

สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่ปัจจัยทางการเมืองจะเข้ามาแทรกแซงอันดับบนชาร์ต Billboard HOT 100 ที่เป็นเรื่องของเพลงล้วน ๆ

 

โดยความเป็นมาของเรื่องมีอยู่ว่า เพลง Try That in a Small Town ของเจสัน อัลดีน ได้กลายเป็นประเด็นขัดแย้งในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปล่อยเพลงออกมาในเดือนมีนาคมที่ผ่าน เพราะบางฝ่ายมองว่าเนื้อเพลงมีส่วนยุยงให้เกิดความรุนแรง ตลอดจนส่งเสริมการใช้อาวุธปืนในสหรัฐฯ ที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงหมู่ขึ้นบ่อยครั้ง

 

ความขัดแย้งยิ่งทวีความร้อนระอุขึ้นไปอีกภายหลังจากที่มีการปล่อย MV ออกมาแล้วพบว่าไปถ่ายทำที่ศาล Maury County Courthouse ในเมืองโคลัมเบีย รัฐเทนเนสซี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุม็อบชาวบ้านลากหนุ่มผิวดำคนหนึ่งไปตามถนนในเมือง ก่อนจะจับเขาแขวนคอในปี 1927 ด้วยข้อกล่าวหาว่าเขาข่มขืนผู้หญิงผิวขาวทั้งที่ยังไม่ได้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน จนนำไปสู่การก่อเหตุจลาจลต่อต้านการเหยียดผิวครั้งใหญ่ตามมา

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100 ‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

 

MV เพลงดังกล่าวมีการนำภาพฟุตเตจกลุ่มผู้ท้วงก่อเหตุรุนแรง เผาธงชาติอเมริกันมาใช้ ขณะที่เนื้อเพลงพูดว่า “จะใช้ปืนที่ปู่มอบให้มา” ส่งผลให้สถานี CMT ซึ่งเป็นช่องที่เปิดเฉพาะเพลงคันทรี่ ประกาศแบนเพลง Try That in a Small Town นี้ ตามด้วยการประท้วงของฝ่ายสนับสนุนให้ควบคุมการใช้อาวุธปืนในสหรัฐ และกลุ่มผู้ต่อต้านการเหยียดสีผิวอีกเป็นจำนวนมาก

 

แต่ทว่า เจสัน อัลดีน นั้นได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนบางส่วนเช่นกัน โดยเฉพาะนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่น อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมาโพสต์ข้อความให้ช่วยกันสนับสนุนเพลง Try That in a Small Town ขณะที่นักการเมืองบางรายก็นำเพลงนี้ไปเปิดในการหาเสียงของตัวเอง และนั่นเองที่ส่งผลให้อยู่ดี ๆ ยอดขายเพลงนี้ก็พุ่งขึ้นพรวดพราดภายในวันเดียว

 

เด็กหนุ่มจากเกาหลีใต้ผู้สร้างตำนานบทใหม่ให้วงการดนตรี

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อคืนวันจันทร์ล่วงเข้าสู่วันอังคารที่ผ่านมาจึงมีผู้คนหลายฝ่ายจากทั่วโลกเฝ้าจับตารอการประกาศชาร์ต Billboard HOT 100 กันด้วยใจจดจ่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยสื่อบันเทิงชั้นนำหลายสำนักถึงกับขนานนามว่าสัปดาห์นี้ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบิลบอร์ดกันเลยทีเดียว

 

แล้วผลก็ออกมาว่า ‘จองกุก’ เด็กหนุ่มวัย 25 ปีจากประเทศเกาหลีใต้ เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมในระดับเมนสตรีมของโลกอย่างแท้จริงจนสามารถฝ่ามรสุมความขัดแย้งทางการเมืองภายในสหรัฐฯ ขึ้นมาครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard HOT 100 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100 ‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

 

โดยเพลง SEVEN เอาชนะไปได้ด้วยยอดสตรีม 21.9 ล้าน ยอดเปิดเพลงทางสถานีวิทยุในอเมริกา 6.4 ล้าน ยอดขาย 153,000 หน่วย ขณะที่เพลง Try That in a Small Town มียอดสตรีมน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ 11.6 ล้าน ยอดเปิดเพลงทางสถานีวิทยุอเมริกา 7.6 ล้าน และยอดขาย 228,000 หน่วย

 

เท่านั้นไม่พอ เพลง ‘Seven (feat. Latto)’ ของจองกุกยังสามารถทำสถิติ No. 1 Billboard ALL KILL โดยสามารถครองอันดับ 1 บน 3 ชาร์ตหลักของบิลบอร์ด อันประกอบด้วย HOT 100, GLOBAL 200 และ GLOBAL 200 EXCL US ถือเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP รายแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำสถิตินี้ได้

 

จองกุก ถือเป็นศิลปินเดี่ยวชาวเอเชียรายที่ 3 เท่านั้นในประวัติศาสตร์ ที่สามารถติด No.1 ชาร์ต HOT 100 ได้

 

คนแรก คือ คิว ซากาโมโตะ (Kyu Sakamoto) กับเพลง Sukiyaki ที่สร้างตำนานไว้ตั้งแต่ปี 1963 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ตามมาด้วย จีมิน สมาชิกวง BTS เช่นเดียวกัน ที่คว้าอันดับ 1 มาครองได้เป็นคนแรกของศิลปินเกาหลีด้วยเพลง Like Crazy ในสัปดาห์ที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา และคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์คือ จองกุก กับเพลง Seven ในสัปดาห์ที่ 29 กรกฎาคมของปี 2023 นี้

 

ทั้งนี้ วง BTS สามารถนำเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตระดับโลกอย่าง Billboard HOT 100 มาได้แล้วถึง 6 ครั้งจากเพลง Dynamite, Savage Love (Laxed - Siren Beat) - BTS Remix, Life Goes On, Butter, Permission to Dance และ My Universe

 

แต่การมาเดี่ยวเพียงคนเดียวของจองกุก แถมยังต้องเผชิญกับปัจจัยที่โหดหินอย่างเกมการเมืองของสหรัฐเข้าไปอีกจึงทำให้ชัยชนะของเขาในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศเกาหลีใต้ ตลอดจนชาวเอเชียเป็นอย่างมากว่า ถ้าเพลงดี ศิลปินมีคุณภาพ ค่ายต้นสังกัดเข้าใจกลไกของอุตสาหกรรมดนตรี สามารถวางแผนรับมือได้อย่างชาญฉลาด และสุดท้ายคือการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งของเหล่าแฟนคลับ และแฟนเพลงแล้วละก็

 

การครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard HOT 100 สำหรับศิลปินเอเชียก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ดังคำกล่าวของ RM หัวหน้าวง BTS ที่ว่า Team Work makes the dream work.

 

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100

‘จองกุก BTS’ ศิลปินเอเชีย v.s. การเมืองสหรัฐ บนชาร์ต Billboard HOT 100