‘อัตตา เหมวดี’ ผู้กำกับ ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ มีวันนี้ได้เพราะใจและฝีมือ
คุยกับ 'อัตตา เหมวดี' หรือ 'อัตต้า' หนุ่มไฟแรงวัย 32 ที่กำกับหนัง 'เพื่อน(ไม่)สนิท' เป็นเรื่องแรกก็ได้เป็นตัวแทนหนังไทยส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์
‘อัตตา เหมวดี’ หรือ ‘อัตต้า’ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อน (ไม่) สนิท’ จากค่าย GDH เป็นใคร มาจากไหน ทำไมกำกับหนังเรื่องแรกก็ได้รับการคัดเลือกจากสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติให้เป็นตัวแทนหนังไทยส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 96 สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best International Feature Film)
ทุกคำตอบมีอยู่ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้แล้ว
‘อัตตา เหมวดี’ (อัตต้า) เป็นผู้กำกับหนุ่มไฟแรงที่เรียนจบคณะนิเทศศิลป์ สาขาวิชาภาพยนตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ถึงแม้จะมีอายุเพียง 32 ปี แต่ความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดาชนิดที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “มีทุกวันนี้ได้เพราะฝีมือ และใจที่มุ่งมั่นล้วน ๆ”
อัตต้าเล่าว่าหลังเรียนจบเขาไปทำงานกับ ปราบดา หยุ่น อยู่ราวปีครึ่ง เป็นการทำคลิปประกอบรายการทางดิจิทัลทีวีที่ตอนนั้นกำลังบูม โดยตัวเขานั้นทำหน้าที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเขียนสคริปต์ กำกับ ถ่ายทำ ตัดต่อ โดยที่ในใจนั้นอยากเป็นผู้กำกับภาพยนร์มาโดยตลอด แต่ไม่มีคอนเนคชั่น ไม่รู้ว่าจะไปหางานจากที่ไหนเพราะไม่รู้จักใครเลย
ผลงานเข้าตา ‘เต๋อ นวพล’ สองครั้งสองครา
แล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อเพื่อนลาดกระบังด้วยกันที่ไปทำงานนิตยสารเกี่ยวกับรองเท้าผ้าใบหาคนทำหนังสั้น ด้วยงบประมาณ 30,000 บาท แน่นอนว่าคนที่มุ่งมั่นอยากเป็นผู้กำกับอย่าง อัตต้า เสนอตัวรับงานนี้ ซึ่งเป็นงานชิ้นแรกที่ใกล้เคียงหนังสั้น ความยาว 5-6 นาที
แล้วสิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฝีไม้ลายมือของเขา ‘ไม่ธรรมดา’ คือการที่ผู้กำกับชื่อดังอย่าง ‘เต๋อ-นวพล’ แชร์ผลงานชิ้นนี้ออกไป
เท่านั้นไม่พอ ‘พงศ์-ฐิติพงศ์ เกิดทองทวี’ ผู้กำกับมือดีแห่งโปรดักชันเฮาส์ Helloด้วย แต่แน่นอนว่าการมีพอร์ทงานเพียงชิ้นเดียวทำให้เขาไม่สามารถหางานกำกับโฆษณาได้ Filmmaker ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ลาดกระบัง เห็นงานนี้แล้วรู้ว่าอัตต้าทำ จึงโทรมาชวนไปทำงานอย่างที่ใจต้องการ
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปี มีโครงการปั้นผู้กำกับหน้าใหม่เกิดขึ้น อัตต้าเขียนบทส่งเข้าประกวดแล้วชนะ ได้รับเลือกเป็น1 ใน 4 ของผู้กำกับโครงการนั้น ซึ่งถือเป็นการออกกองใหญ่ครั้งแรกในชีวิต
แม้ว่าสุดท้ายแล้วผลงานชิ้นนั้นจะไม่ได้ออกอากาศเพราะเกิดสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองขึ้นในบ้านเรา แต่พงศ์ Hello Filmmaker ส่งหนังสั้นเรื่องนี้ไปให้ทางเอเจนซีโฆษณา Grey nudeJEH ที่กำลังหาผู้กำกับทำหนังโฆษณา KBANK พิจารณา ทำให้อัตต้าได้รับเลือก และได้ลองกำกับโฆษณาครั้งแรก
แต่เหมือนโชคชะตาจะทดสอบความอดทน และความมุ่งมั่นในการเป็นผู้กำกับของอัตต้าอีกครั้ง เพราะโฆษณาชิ้นนี้ก็ยังไม่ได้เผยแพร่อีกครั้ง
“พอทำออกมาทางเอเจนซี่เค้าชอบแต่ไม่ได้ออนอีกแล้ว เพราะว่าเค้าจะต้องทำโฆษณาตัวใหญ่ของเคแบงก์ก่อน ตัวเล็กนี้ถึงจะได้ออน แต่ตัวใหญ่อีกปีหนึ่งถึงจะเสร็จ ผมก็คิดว่าเมื่อไรจะได้เป็นผู้กำกับซะที เงินเก็บจะหมดแล้ว”
ถึงแม้จะท้อแต่ไม่คิดถอย แถมฟ้าที่ส่งแบบทดสอบมาให้ตลอดก็ส่งน้ำทิพย์มาปลอบประโลมใจอัตต้าด้วยเช่นกัน เมื่อคลิปเปิดตัวงานประกาศรางวัล JOOX Thailand Music Awards 2017 ที่เขารับมาทำแบบไม่ได้คิดอะไรมาก กลับไปเข้าตา ‘เต๋อ-นวพล’ อีกครั้ง
“คอนเซปต์คือศิลปินแต่ละคนนั่งยานพาหนะชนิดต่าง ๆ มาที่งานนี้ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะดัง แล้วพี่เต๋อดันแชร์ ชมว่าเจ๋งมาก ทีนี้ผมเข้าไปแสดงตัวแล้วครับว่าขอบคุณครับ”
ยุคทองของการเป็นผู้กำกับ MV
หลังจากนั้นก็มีโฆษณาเข้ามาไม่ขาดสาย ประกอบกับโฆษณา KBANK ที่ถูกดองไว้ได้เผยแพร่แล้ว ทำให้อัตต้าเลี้ยงชีพด้วยการเป็นผู้กำกับโฆษณาควบคู่ไปกับการทำหนังสั้นด้วย จนอายุประมาณ 26 ปีก็เริ่มอยากลองทำมิวสิกวีดิโอ (MV) ดูบ้าง
ผลงาน MV ชิ้นแรกของอัตต้าคือเพลง ‘รถคันเก่า’ ของ ‘อะตอม ชนกันต์’ ตามมาด้วยเพลง ‘ติดตลก’ ของ ‘โอ๊ต ปราโมทย์’ ฯลฯ
แต่ว่างานยุคนั้นจะเป็นงานติดตลก หรือมีกิมมิกน่ารัก เด็ก ๆ ทำให้เขาเริ่มเบื่อ
“ผมเริ่มเบื่อการมีแต่งานตลกเข้ามาหา ผมจำได้ว่าไปกินข้าวกับพี่คุ่น เจ้านายคนแรก เค้าบอกว่าไม่รู้ทำไม ดูงานผมแล้วรู้สึกว่าจุดแข็งของผมมันไม่ใช่ความตลก แต่มันเป็นความซาบซึ้ง ผมก็อยากลองทำงานแบบนั้นดูบ้าง”
แล้วผลงานยุคใหม่ที่มีกลิ่นอายความซาบซึ้งของอัตต้าก็เริ่มขึ้นจากการทำ MV ให้วง Whal & Dolph
“วง Whal & Dolph เค้าเป็นรุ่นพี่ผมสมัยเรียนมัธยม เล่นดนตรีมาด้วยกัน เค้าให้ผมทำเพลง ‘ฝากไว้กับดาว’ ผมก็รู้สึกว่ามันมีกลิ่นความซาบซึ้งได้ พอมาถึงเพลง ‘ไม่รู้ทำไม’ ซึ่งเป็นเพลงถัดมา ผมตั้งไว้เลยว่าจะไม่ทำอะไรแบบเดิมอีกแล้ว ผมจะทำให้ตัวเองดูแล้วร้องไห้ ตัวนี้ผมว่าเป็นจุดเปลี่ยน คนเริ่มมาสัมภาษณ์ คนเริ่มได้รู้ว่าผมทำโฆษณาตัวนั้นตัวนี้มานะ”
“ผมทำ MV ให้วง Supergoods (เพลง Temporary (ชั่วคราว) FEAT. Rootsman Creation) เป็นวงแจ๊สของเพื่อน ม.ปลาย ทำด้วยงบ 2 หมื่นบาท เพลงนี้ไม่ดังในกลุ่มแมส แต่ดันไปดังในหมู่คนเรียนฟิล์ม
แล้วต่อด้วยเพลง ‘ดวงใจ’ ของพี่ปาล์มมี่ แล้วตอนนั้นผมก็มีโฆษณา โค้ก ออกมาด้วย มันก็เลยเหมือนออกมาเป็นคอมโบ้ แล้วต่อด้วยเพลง 1% (หนึ่งเปอร์เซนต์) ของพี่แสตมป์ หลังจากนั้นพี่บาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) ก็ทักมาว่าอยากทำหนังยาวไหม”
‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ หนังเรื่องแรกที่เขียนบท-กำกับเอง
แน่นอนว่าอัตต้าย่อมไม่ปฏิเสธคำชวนไปทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันมาโดยตลอด
“ตอนนั้นอายุประมาณ 29 ตอนนี้ผม 32 เค้าติดต่อมานัดกินข้าวกับพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) พี่วัน (วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์) แป๊ปเดียวก็เกิดโควิดรอบแรกเลย สรุปว่าต้องรอร่วมปีกว่าจะได้คุยกันแบบเจอหน้า ระหว่างนั้นก็กระวนกระวายใจมากว่า GDH จะยังให้ผมทำอยู่ไหม ผมแก้ความกังวลด้วยการไปรับทำ MV เพลง ‘ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม’ ของ อิ้งค์ วรันธร อิงค์ แล้วก็รับโฆษณาไปพลาง ๆ”
สิ่งที่น่าชื่นชมของ ‘อัตตา เหมวดี’ คือเขาเป็นคนมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย และไขว่คว้าหาโอกาสเสมอ ถึงแม้จะมีดีกรีเป็นผู้กำกับ MV เป็นคนทำโฆษณาที่มีชื่อเสียงไม่น้อย แต่เมื่อได้รับโอกาสให้กำกับภาพยนตร์ อัตต้าก็ไม่ได้ไปตัวเปล่า แต่ลงมือเขียนบทไปนำเสนอด้วยตัวเอง
“ผมไม่อยากจะไปมือเปล่าเลยเขียนบทเรื่อง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ เตรียมเอาไว้ พอถึงวันเจอพี่เก้ง พี่วัน ก็ได้รับการปฐมนิเทศว่าการทำหนังใช้เวลาในชีวิตเยอะ ตอนนี้ผมทำโฆษณา ทำอะไรรุ่ง ๆ มีตังค์ใช้อยู่ดี การทำหนังมันจะเอาเวลาชีวิตผมไปเลย แล้วทำออกมาก็ไม่รู้ว่าจะแป้กไหม แต่ผมอยากทำอยู่แล้วก็พร้อมที่จะเสี่ยง
ผมไม่อยากทำหนังหนึ่งเรื่องแล้ว เฮ้ ชีวิตนี้ได้ลองทำหนังแล้ว แต่ผมอยากทำให้สิ่งนี้เป็นอาชีพได้ แต่วันนั้นผมยังไม่กล้าเอาบทให้ดู ตื่นเต้นเกิน กลับมาอีกซักหนึ่งอาทิตย์ก็ส่งไป แล้วพี่ทั้ง 3 คนชอบก็เลยได้ทำเรื่อง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’
พี่วันบอกว่าเค้าไม่ได้เจอความรู้สึกนี้มานานแล้ว เค้าชอบที่มันเป็นหนังวัยรุ่นในมุมที่มันขบคิดกับชีวิต ผมจำได้เลย วันนั้นผมภูมิใจมาก พี่วันบอกว่าเรื่องนี้ต้องให้น้องเขียนคนเดียว วันนั้นผมคิดว่าเราคงเก่งมั้ง แต่ถึงวันนี้ผมคิดว่าพี่วันเค้าหมายถึงว่า มันเป็นความรู้สึกจากตัวผม เค้าเลยอยากให้ผมเขียนคนเดียว”
อุทิศแต่ ‘เพื่อนและภาพยนตร์’
อัตต้ากล่าวว่า ภาพยนตร์ ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ พูดถึงสองอย่างคือ มิตรภาพ กับ ภาพยนตร์ แต่จริง ๆ แล้วมันว่าด้วยเรื่องคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนรีเลทกับเรื่องนี้ได้เพราะมันว่าด้วยเรื่องที่เราต้องเคยมีใครซักคนที่เราเคยแชร์เวลาด้วยกัน เราอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่เค้ามีผลกับความเป็นตัวเราทุกวันนี้
“ไม่ต้องอินกับการทำหนังก็ได้ครับ ทุกคนอาจจะเคยจับกลุ่มกันเล่นดนตรี เต้นโคฟเวอร์ แล้วเราก็แยกย้ายกันไป หรือจับกลุ่มทำการบ้าน ทำจรวดขวดน้ำประกวด ผมว่าทุกคนมันเคยร่วมแชร์เวลากับใครซักคนอยู่แล้ว”
อัตตากล่าวต่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถใช้คำว่า ‘เทิดทูนมิตรภาพ’ ได้เลย เพราะเรื่องนี้พูดถึงหลายแง่มุมของความเป็นเพื่อน
“ผมตั้งไว้เลยว่าจะทำหนังนักเรียนและเรื่องเพื่อนเป็นเรื่องแรก เพราะผมไม่อยากทำตอนที่ผมแก่แล้ว”
เพื่อน(ไม่)สนิท...ที่ยังติดในความทรงจำ
‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ เป็นเรื่องราวของ ‘เป้’ เด็กม.6 ที่ถูกพ่อกดดันเรื่องการสอบเข้ามหา’ลัย เขารู้ข่าวว่าหากทำหนังสั้นส่งประกวดแล้วชนะ จะได้เข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ จึงเกิดไอเดียนำเรื่องของ ‘โจ’ เพื่อน(ไม่)สนิทที่นั่งโต๊ะติดกัน แต่ดันโชคร้ายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มาทำเป็นหนังสั้นเพราะคิดว่า “ทำหนังเกี่ยวกับคนที่จากไป ยังไงแม่งก็ซึ้ง”
แต่เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเป้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังเลยแม้แต่น้อย แถมยังเจอขวากหนามอย่าง ‘โบเก้’ เพื่อนสนิทตัวจริงของโจ ที่ขอมาช่วยทำหนังสั้นเรื่องนี้ด้วย ภารกิจวายป่วงในการทำหนังสั้นที่มีอนาคตของเป้เป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้น โดยความช่วยเหลือของคณะเด็กเนิร์ดหนังประจำห้องโสต ท่ามกลางการรับรู้ของคนทั้งโรงเรียน และแรงกดดันจากครอบครัวโจที่เฝ้ารอชมผลงานหนังสั้นสุดประทับใจของลูกที่จากไป
แต่แล้วการถ่ายหนังสั้นให้เพื่อนไม่สนิทของเป้ครั้งนี้กลับทำให้เขาได้ค้นพบ ‘ความลับ’ บางอย่างที่โจซ่อนไว้ ซึ่งอาจกระทบต่อความทรงจำ และความสัมพันธ์ที่พวกเขาเคยมีให้เพื่อนคนนี้ไปตลอดกาล
นำแสดงโดย โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์ (เป้), จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ (โจ), ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์ (โบเก้), ฟลุ๊ค ธนกร ติยานนท์ และ ฟ้อนด์ ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา (หลิว)
ในส่วนของนักแสดงนั้น อัตต้าก็เป็นคนลงมือเลือกเองทั้งหมด โดยคนแรกที่ได้มาคือ จัมพ์-พิสิฐพล ที่เล่นเป็น ‘โจ’ เขาบอกว่าตัวละครนี้สำคัญมาก แล้วคาแรกเตอร์ของตัวนี้คือ “ต้องดูอบอุ่น ดูเท่แบบเพื่อนผู้ชายด้วยกันไม่หมั่นไส้ ดูเฟรนด์ลีแบบไม่ดูแอ็ค”
เรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นคือ ตอนทำบทไปเสนอทาง GDH อัตต้าได้ใช้รูปของ จัมพ์ เป็นเรฟเฟอเรนซ์บท ‘โจ’ โดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วพอหาคนมาแสดงจริงก็เลยลองเรียกมาแคสตัวดูเพราะไหน ๆ ก็เอารูปมาใช้แล้ว และปรากฎว่าได้บทนี้ไปตั้งแต่วันแรกที่มาแคสเลย
ส่วนบท ‘เป้’ นั้น อัตต้ากล่าวว่าใช้เวลานานมากจนกระทั่งโทนี่มาแคสแบบไม่ได้คาดหวังเลย
“ตอนเขียนบทไม่ได้คิดว่าเป็นลูกครึ่ง แต่พอโทนี่มาแคสแล้วมันใช่มาก ๆ เหมือนทำให้ตัวนี้มีชีวิต ไม่เหมือนที่ผมเขียนไว้เป๊ะ แต่มันไปมากกว่านั้นอีก ผมเลยเรียกจัมพ์กลับมาแคสคู่โทนี่ เป็นเคมีที่ดีทั้งคู่แบบไม่ทับทางกัน พอให้พี่วรรณ พี่บาสดูก็โอเค”
‘โทนี่-ใบปอ’ คู่ขวัญที่ไม่ได้ตั้งใจ
ใครที่เป็นแฟนหนังค่าย GDH อาจเกิดความสงสัยว่าทำไมทางค่ายถึงจับ ‘โทนี่-ใบปอ’ ที่เคยเล่นหนัง ‘เธอกับฉันกับฉัน’ ด้วยกันมาเล่นใน ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ อีกแล้ว ตั้งใจจะผลักดันให้เป็นคู่ขวัญหรือคู่จิ้นของค่ายหรือไม่
สำหรับเรื่องนี้ อัตต้ายืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ แถมตอนแรกยังลังเลในการเลือก ใบปอ มารับบท ‘โบเก้’ ด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้คนคิดแบบนั้น แต่ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะใบปอเหมาะสมกับบทนี้จริง ๆ
“สำหรับใบปอ ผมเคยเจอน้องมาก่อนแล้วตอนทำเอ็มวี ‘ไม่รู้ทำไม’ ที่ฮิตในหมู่อินดี้ น้องกับเพื่อน ๆ เป็นแฟนคลับวง Whal & Dolph แล้วมาขอถ่ายรูปวง ผมเห็นหน้าน้องคนนี้โดยที่ไม่ได้รู้ว่าเค้ามีทักษะทางการแสดงอะไรรึเปล่า แล้วก็บังเอิญไปเจอไอจีน้อง ผมก็เลยเอามาให้พี่วรรณดูว่าโบเก้หน้าตาประมาณนี้ เป็นเรฟอีกแล้ว น้องยังดัดฟันอยู่ ไม่ได้เป็นนักแสดงอะไร แต่ซักพักเค้าก็มา You & Me พี่วรรณก็โทรมาถามผมที่ยังเขียนบทอยู่เลยว่าโอเคไหม ผมไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นเอาแค่มาเป็นเรฟ เดี๋ยวตอนแคส ค่อยหา”
แต่ปรากฎว่าแคสไปร้อยกว่าคนก็ยังไม่มีคนที่ใช่เลย วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ เลยบอกให้อัตต้าเชื่อสัญชาติญาณแรกของตัวเองที่คิดว่า ใบปอ คือ โบเก้ ส่วนเรื่องที่กลัวว่าการจับคู่ ‘โทนี่-ใบปอ’ จะซ้ำนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเรื่องนี้ไม่มีเรื่องความรัก แถมยังเล่นกันเป็นกลุ่ม
“พอใบปอมาแคส มันเหมาะสมเลยครับ แม้ผมจะกังวล แต่มันดีที่สุดแล้ว ตอนถ่ายผมก็คิดว่า ดีแล้วแหละที่เป็นใบปอ ยังบอกน้องไปว่า ไม่เป็นมึงจะเป็นใครวะเนี่ย”
ในส่วนของ ฟ้อนต์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา ถึงแม้จะมีดีกรีเป็นสมาชิกวง BNK48 แต่เธอก็มาแคสตามขั้นตอนปกติ และได้บทไปเพราะความเหมาะสมจริงๆ
“ผมชอบมาก ผมคิดว่าบทนี้ถ้าเป็นคนจริงๆ คงเป็นคนประมาณนี้ ปกติจะเห็นน้องเป็นบีเอ็นเค สาดความสดใส แต่พอเห็นเค้าในมุมที่มันธรรมดาขึ้น ไม่ต้องสาดความสดใสใส่คนอื่น ผมรู้สึกมันทำให้ตัวหลิว เหมือนคนธรรมดาเลย เอามาให้พี่บาสดู เค้าก็โอเค”
สำหรับ ฟลุ๊ค ธนกร ติยานนท์ ผู้รับบท ‘ปิง’ นั้นไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลย แต่เป็นเด็กมีของที่อัตต้าเห็นแล้วรู้สึกว่าปล่อยไปไม่ได้
“ฟลุ๊ค ตอนแรกมาแคสเป็น เป้ แล้วไม่ใช่อย่างแรง แต่มันดูมีของแบบปล่อยไปไม่ได้ ผมคิดว่ามันต้องเล่นเป็น ‘ปิง’ ได้แน่ ๆ ก็เลยเรียกมาแคส แล้วมันมหัศจรรย์มาก เป็นคนที่ระหว่างการถ่าย ยิ่งถ่ายยิ่งเก่ง มีพัฒนาการเยอะที่สุด ผมคิดว่าถ้าได้ดูในหนัง คนจะรักตัวนี้”
เราปิดท้ายบทสนทนาด้วยการถามถึงฟี้ดแบ็คที่เกิดขึ้นหลังปล่อยตัวอย่างออกไป ทั้งเรื่องที่บอกว่า ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ เหมือนหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ รวมไปถึงการตำหนิว่าเขียนบทเชิดชูคนที่มีนิสัยแย่ ๆ อัตต้าตอบว่าสำหรับประเด็นแรกนั้นเขาไม่ซีเรียสเลย เพราะตัวเองไม่เคยดูเรื่องนั้น และเชื่อว่าถ้ามาดูหนังแล้วจะรู้ว่ามันไม่เหมือนกันแน่นอน
สำหรับประเด็นที่ว่า เป้ ดูเหมือนเป็นคนไม่ดี มีการทำร้ายผู้หญิงนั้น อัตต้ากล่าวว่ามันเป็นแค่ตัวอย่างที่ให้เห็นระดับเสี้ยววินาที หนังจริง ๆ มีบริบทและที่มาที่ไปมากกว่านี้
“ถ้ามาดูเรื่อง เพื่อน(ไม่) สนิท ตอนเดินออกจากโรงหนัง เราจะแบกความรู้สึกดี ๆ ออกไปอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าคนดูจะนึกถึงเพื่อนซักคนในชีวิตของตัวเอง และเห็นคุณค่าของสิ่งนี้มากขึ้น”