เก็บรายละเอียด ‘Wish พรมหัศจรรย์’ อ้างอิงมาจากหนังดิสนีย์เรื่องไหนบ้าง
รู้หรือไม่ว่าผู้สร้าง ‘Wish พรมหัศจรรย์’ ใส่ easter eggs ซึ่งอ้างอิงมาจากหนังการ์ตูนเรื่องที่ผ่าน ๆ มาของดิสนีย์เอาไว้กว่า 100 อย่าง มา check list กันดูว่าคุณเก็บรายละเอียดเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน
‘Wish พรมหัศจรรย์’ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความคารวะต่อหนังการ์ตูนดิสนีย์เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปีดิสนีย์ ดังนั้น จึงมีการหยอด easter eggs หรือ reference ที่อ้างอิงถึงหนังดิสนีย์เรื่องต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ซึ่งผู้ชมอาจดูกันทันบ้างไม่ทันบ้าง
วันนี้เราจะมาลิสต์ให้ดูกันว่า easter eggs ที่ผู้สร้างอ้างว่ามีกว่า 100 อย่างนั้นมีอะไรบ้าง
spoiled alert!!!
คำเตือน : บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ ‘Wish พรมหัศจรรย์’ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ดูหนังมาแล้ว หรือผู้ที่ไม่มีปัญหากับการได้รับทราบเนื้อเรื่องของหนังก่อนดู
เรื่องย่อ Wish พรมหัศจรรย์
Wish เป็นเรื่องราวของ อาช่า (Asha) สาวน้อยวัย 17 ปี ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรโรซาส (Rosas) ที่มีคำขวัญว่า “ที่ที่ความประสงค์จะกลายเป็นจริง” โดยดินแดนแห่งนี้มีธรรมเนียมปฏิบัติว่า พอชาวเมืองอายุครบ 18 ปี พวกเขาจะนำความปรารถนาของตัวเองไปมอบให้ ราชาแม็กนิฟิโก (Magnifico) ซึ่งในแต่ละปีจะทำการคัดเลือกผู้โชคดีมาให้พร เสกให้ความปรารถนาของพวกเขาเป็นจริง
อยู่มาวันหนึ่ง อาช่าค้นพบความจริงอันน่าตกใจว่าราชาแม็กนิฟิโกไม่ได้มีเมตตาอย่างที่คิด เธอจึงอธิษฐานขอพรกับดวงดาวตามคำแนะนำของพ่อ และมีดาวดวงจิ๋วชื่อว่า Star ตกลงมาพร้อมกับเวทมนต์วิเศษ อาช่ากับเจ้าแพะน้อย วาเลนติโน และผองเพื่อน จึงร่วมมือกันหาทางปลดปล่อยความปรารถนาของชาวเมืองออกจากการกักขังของพระราชา
easter eggs ใน Wish
-
open scene ของ ‘Wish พรมหัศจรรย์’ คือการเปิดหน้าหนังสือนิทาน แบบเดียวกับในหนังดิสนีย์คลาสสิกหลายเรื่อง เช่น สโนไวท์, ซินเดอเรลลา, เจ้าหญิงนิทรา หรือแม้แต่หนังแนวผจญภัยอย่าง The Jungle Book, Robin Hood, The Adventures of Ichabod and Mr. Toad
-
อาช่ามีเพื่อน 7 คน อ้างอิงถึง ‘สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด’ โดยเพื่อนแต่ละคนมีชื่อและบุคคลิกที่คล้ายกับคนแคระด้วย ได้แก่ Dahlia (Doc), Simon (Sleepy), Gabo (Grumpy), Hal (Happy), Dario (Dopey), Bezeema (Bashful), Safi (Sneezy)
-
แม็กนิฟิโก (Magnifico) เป็นส่วนผสมของตัวร้ายในหนังการ์ตูนดิสนีย์หลายเรื่อง ทั้งนิสัยใจคอ องค์ประกอบต่าง ๆ รอบตัวเขา เช่น การหมกมุ่นกับกระจกวิเศษเหมือน Evil Queen ในสโนไวท์ มีสิ่งของแบบเดียวกับที่ัตัวร้ายใช้ เช่น แอ๊ปเปิ้ลอาบยาพิษของราชินีใจร้าย, มือวิเศษสีเขียวที่เออร์ซูลาใช้ขโมยเสียงของแอเรียล ฯลฯ
-
เจ้าดาวดวงน้อย Star นั้น Griselda Sastrawinata-Lemay คนออกแบบเครื่องแต่งกายและออกแบบโปรดักชั่นของ Wish ให้สัมภาษณ์ The Hollywood Reporter ว่า มีการออกแบบเป็นพิเศษ ให้มีใบหน้ารูปหัวใจ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่มาจากใบหน้าของมิกกี้เมาส์
-
ส่วนการที่ดาวน้อยไม่พูด แต่ใช้ผงวิเศษ (magic dust) ในยามร่ายมนต์นั้น เป็นการอ้างอิงถึง Tinker Bell ในปีเตอร์แพน
-
ฉากแสดงความปรารถนาของชาวเมืองที่อยากเป็นช่างตัดเสื้อ เราจะเห็นภาพสตรีผู้นั้นกำลังตัดชุดที่ดูคล้ายกับชุดเจ้าหญิงออโรราในเจ้าหญิงนิทราไม่มีผิดเพี้ยน
-
ฉากอาช่าร้องเพลง Welcome to Rosas ซึ่งพูดถึงการให้พรให้ความปรารถนาเป็นจริง มีชาวเมืองคนหนึ่งบอกว่าอยากให้ตัวเองมีผมยาวถึงเท้า ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึง Rapunzel
-
คำสอนที่พ่อมอบให้อาช่าว่า “ดวงดาวจะส่องนำทางเรา” เป็นคำพูดที่ มูฟาซา มีให้กับ ซิมบา จาก The Lion King
-
ลองสังเกตดูดี ๆ จะมีซีนที่อ้างอิงมาจากฉากลิงบาบูนชูสิงโตตัวน้อย (ซิมบา) จาก The Lion King ด้วย
-
ฉากอาช่ายืนอธิษฐานบนหน้าผาแล้วลมพัดผมของเธอปลิวสยาย เป็นการถอดแบบมาจาก โพคาฮอนตัส ในซีนเพลง Colors of the Wind
-
ฉากอาช่าขอพรแล้วมีดาวน้อยหล่นลงมา เธอกับวาเลนติโนวิ่งไล่ดาวดวงนั้นไปทั่วป่า มีอยู่ตอนหนึ่งที่อาช่าเอนตัวพิงบ่อ บ่อน้ำนั้นอ้างอิงมาจากบ่ออธิษฐานขอพรในสโนว์ไวท์
-
หนังการ์ตูนดิสนีย์ไม่เคยขาดสัตว์พูดได้ ซึ่ง Wish สานต่อธรรมเนียมนี้ด้วยการให้ Star เสกสัตว์ในป่าให้พูดได้ ตามมาด้วยการอ้างอิงถึงตัวละครสัตว์หลายตัว เช่น เจ้าหมีที่เรียกตัวเองว่า จอห์น อ้างอิงถึง Little John จากโรบินฮู้ด, เจ้ากวางแบมบี้ แน่นอนว่าอ้างอิงถึง Bambi, กระต่ายน้อยพูดไปกระทืบเท้าไปทำให้นึกถึงเจ้า Thumper จาก Bambi เช่นกัน
-
หนูสองตัวที่แอบอยู่ข้างในใบไม้ทำให้นึกถึงเจ้า Bernard กับ Bianca ใน The Rescuers, แร็คคูนกับต้นไม้พูดได้มาจาก Pocahontas, กระรอกพูดได้มาจาก The Sword in the Stone, ส่วนพวกดอกไม้ต่าง ๆ นั้นพาลให้นึกถึง Alice in Wonderland
-
ฉากเหล่าสัตว์ร้องเพลง I'm a Star พาลให้นึกถึงเพลง Kiss the Girl ใน The Little Mermaid
-
ฉากอาช่ามองเห็นกลุ่มเห็ดพูดได้แล้วพูดออกมาว่า เครซี่ พวกเห็ดตอบกลับมาว่า "We love crazy!" นั้นเป็นวรรคทองจากหนังเรื่อง Frozen
-
ฉากแม็กนิฟิโกกลายเป็นตัวร้ายอย่างสมบูรณ์แล้วร้องเพลง “This Is The Thanks I Get?!” พร้อมกับเสกข้าวของต่าง ๆ ในปราสาท (ชุดเกราะทหาร) ให้มีชีวิตขึ้นมานั้น เป็นการอ้างอิงถึงฉากที่คล้ายคลึงกันใน Beauty and the Beast ที่มีกาน้ำชา เชิงเทียน นาฬิกา ร้องเพลงได้
-
ฉากบันไดวนลงไปห้องใต้ดินของแม็กนิฟิโก คล้ายกับบันไดในสโนไวท์
-
เจ้าหนูที่อาช่าส่งไปแจ้งข่าวกับพระราชินี อ้างอิงถึงเจ้าหนู Gus Gus ในซินเดอเรลลา โดยสิ่งที่ตอกย้ำว่าใช่แน่ ๆ คือการที่มันกำลังแทะฝักข้าวโพดอยู่พอดี ตอนได้รับเลือกให้ไปทำหน้าที่นี้
-
ฉากแม็กนิฟิโกบีบลูกบอลบรรจุความปรารถนาของชาวเมืองเพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้ตัวเองนั้น มีการอ้างอิงถึงหนังดิสนีย์ 3 เรื่อง คือ ปีเตอร์แพน โดยเขาพูดว่าเจ้าของลูกบอลนี้ปรารถนาที่จะได้ Fantasyland แต่เอา Neverland ไปแทนเป็นไง
-
หลังจากนั้น แม็กนิฟิโกทำลายความปรารถนาของพี่เลี้ยงที่อยากจะดูแลเด็ก ๆ ซึ่งอ้างอิงไปถึง Mr. Banks จาก Mary Poppins ส่วนคนสุดท้ายปรารถนาจะได้ ‘รักแท้’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในหนังเจ้าหญิงดิสนีย์เกือบทุกเรื่อง แต่ในซีนนี้น่าจะหมายถึง The Little Mermaid เพราะแม็กนิฟิโกพูดว่า “So much for true love” ออกมา ซึ่งเป็นประโยคที่เออร์ซูลาพูดใส่แอเรียล
-
ฉากอาช่าสวมเสื้อคลุมสีฟ้า มีโบว์สีชมพูเข้าไปในป่า เธอแต่งตัวเหมือนนางฟ้าใจดี (Fairy Godmother) จาก Cinderella ขณะที่บทบาทของอาช่าในการทำให้ความปรารถนาของชาวเมืองโรซาสเป็นจริงก็ยังไปเหมือนกับ Fairy Godmother เช่นกัน ไม่นับเรื่องที่ Star มอบไม้กายสิทธิ์ที่สามารถให้พรได้กับเธอด้วย
-
ฉากหนังสือบินได้ใน Wish อ้างอิงถึงฉากพ่อมดเมอร์ลินเสกให้หนังสือบินได้ใน The Sword In The Stone ซึ่งเป็นหนังดิสนีย์เรื่องที่คนไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไรนัก
-
ชาวเมืองคนหนึ่งปรารถนาที่จะบินได้ ในตอนจบของหนัง เขาถูกพาตัวไปแนะนำกับ ปีเตอร์แพน
-
หลังจากที่ช่วยกันเปิดหลังคาปราสาทออกแล้วทำไม่สำเร็จหลายครั้ง เพื่อน ๆ ของอาช่าเลยตกลงกันว่าจะกระโดดลงมาจากระเบียงเพื่อใช้น้ำหนักตัวช่วยถ่วง ระหว่างที่โหนเชือกกระโดดลงมา มีตัวละครหนึ่งส่งเสียงร้องแบบ Tarzan ออกมา
-
เถาวัลย์หนามสีเขียวที่แม็กนิฟิโกเสกขึ้นมาเพื่อรัดชาวเมืองไม่ให้หนีไปไหน เป็นแบบเดียวกับที่ มาลิฟิเซน ตัวร้ายใน Sleeping Beauty ใช้
-
แม็กนิฟิโกพ่ายแพ้ ถูกจองจำอยู่ในไม้เท้า แบบเดียวกับ จาฟาร์ ตัวร้ายของ อาละดิน ถูกจองจำอยู่ในตะเกียงวิเศษ
-
เมื่อชาวเมืองโรซาสได้รับการปลดแอกจากแม็กนิฟิโก มีการพูดถึงความปรารถนาของตัวละครในเรื่อง ซึ่งความปรารถนาของเจ้าแพะ วาเลนติโน ที่อยากได้ดินแดนยูโทเปียของเหล่าสัตว์ที่มีความเท่าเทียมกัน และสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนมนุษย์นั้นก็คือพล็อตของหนัง Zootopia นั่นเอง
-
ฉากสุดท้ายของหนัง เมื่อดาวน้อยทำความปรารถนาของชาวเมืองโรซาสเป็นจริงแล้ว เขาก็จากอาช่าไปด้วยการพุ่งตัวขึ้นไปบินวนเหนือปราสาทก่อนที่พลุจะถูกจุดขึ้นมาเหนือปราสาท ซึ่งเป็นโลโก้ดิสนีย์ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง
-
End Credit เป็นส่วนที่ห้ามพลาด เพราะมีการอ้างอิงถึงตัวละครจากหนังทุกเรื่องของดิสนีย์ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งตัวละครคลาสสิกอย่าง สโนไวท์, มิกกี้เมาส์, ซินเดอเรลลา, ปีเตอร์แพน ไปจนถึงรุ่นใหม่ ๆ อย่าง มิราเบลจาก Encanto, สแปลต จาก Strange World
-
ฉากที่ปรากฏในช่วง Post-Credit เปรียบดั่งจดหมายรักถึงเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของดิสนีย์ นั่นคือ การให้ ซาบิโน ที่มีอายุ 100 ปี เล่นแมนโดลินเพลง When You Wish Upon A Star จากหนังเรื่อง Pinocchio
-
การอธิษฐานขอพรจากดวงดาว หรือ Wish Upon A Star คือหัวใจสำคัญของดิสนีย์ที่เราได้เห็นตัวละครจากหนังหลายเรื่องกระทำกัน ไม่ว่าจะเป็น คุณปู่ Geppetto ใน Pinocchio, ซินเดอเรลลา ไปจนถึง เทียนา ในThe Princess and the Frog แล้ว อาช่า ใน Wish ก็มาตอกย้ำความคิดนี้ให้ชัดขึ้นในหนังฉลองวาระครบรอบ 100 ปี ดิสนีย์เรื่องนี้เอง