ทำความรู้จัก Tomorrowland เทศกาลดนตรีที่นายกฯ เตรียมดึงมาจัดที่ไทย

เทศกาลดนตรี Tomorrowland ยิ่งใหญ่และมีความน่าสนใจตรงไหน ทำไมนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จึงเดินทางไปเจรจาเพื่อดึงเทศกาลดนตรีระดับโลกนี้มาจัดที่บ้านเราเป็นเวลานานถึง 10 ปี หาคำตอบได้ในบทความชิ้นนี้

• Tomorrowland เป็นเทศกาลดนตรีระดับโลกที่มีผู้เข้าชมงานจาก 200 กว่าประเทศทั่วโลก รวมแล้ว 4 แสนคนในแต่ละปี มีต้นกำเนิดอยู่ในเมือง Boom ประเทศเบลเยี่ยม จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2005 เท่ากับว่านับถึงปี 2023 เทศกาลดนตรีแห่งนีั้มีอายุ 18 ปีแล้ว

Credit: Tomorrowland

• สถานที่จัดงานคือวนอุทยาน De Schorre ในเมือง Boom ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยี่ยม ไปทางเหนือประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่ห่างจาก Antwerp เมืองใหญ่อีกเมืองของเบลเยี่ยมไปทางใต้ราว 16 กิโลเมตร การเป็นสถานที่จัด Tomorrowland ทำให้วนอุทยานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยรูปปั้นไม้แกะสลักเป็นรูปโทรลล์ขนาดยักษ์จำนวน 7 ตัวที่กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของป่ากันมากมาย

• Tomorrowland ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกแดนซ์ หรือ EDM ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก เคยได้รับการโหวตให้เป็น ‘มิวสิคอีเวนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี’ ติดต่อกันถึง 5 สมัย ในงานประกาศรางวัล International Dance Music Awards
• Tomorrowland เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คอเพลงอิเล็กทรอนิกอยากจะเดินทางไปเข้าร่วมซักครั้งหนึ่งในชีวิต ทั้งหมดนี้เกิดจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ได้แก่ การออกแบบเวทีที่งดงาม โปรดักชั่นอันล้ำสมัยน่าตื่นตาตื่นใจ ตลอดจนธีมการจัดงานในแต่ละปีที่คิดออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ รวมไปถึงไลน์อัพศิลปินที่ครอบคลุมดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกอย่างกว้างขวาง รวมไปถึงการคอลแลปกันระหว่างศิลปิน และทิศทางดนตรีที่น่าสนใจ

• ความมีชื่อเสียงของ Tomorrowland ทำให้เกิด spin-off หรือเทศกาลดนตรีที่เกี่ยวเนื่องกันแยกย่อยออกมา โดยในช่วงระหว่างปี 2013-2015 มีการนำคอนเซปต์ของทูมอร์โรว์แลนด์ไปจัดเป็นเทศกาลดนตรี TomorrowWorld ที่ประเทศสหรัฐ
• ปี 2015 เกิดเทศกาลดนตรี Tomorrowland Brasil ตามมา ปี 2019 เป็นต้นมาเกิดเทศกาลดนตรีฤดูหนาวที่เรียกว่า Tomorrowland Winter ที่รีสอร์ทจัดโอลิมปิกชื่อ Alpe d'Huez ในฝรั่งเศส France
• Tomorrowland มีผู้เดินทางมาร่วมงานจากกว่า 200 ประเทศ โดยจะมีการนำธงชาติของประเทศตัวเองมาโบกสะบัดกันในงาน ทำให้กลายเป็นเทศกาลที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่ง

• Tomorrowland มีช่องยูทูปที่มีผู้ติดตาม 10.8 ล้านคน มีการถ่ายทำโชว์ต่าง ๆ บนเวทีแล้วนำมาอัพลงช่องในรูปแบบของ Official Aftermovie เป็นการถ่ายทำที่มีการตัดต่ออย่างสวยงาม ขับเน้นบรรยากาศของงานเพื่อสร้างกระแสให้คนสนใจมางานที่จัดขึ้นในปีถัดไป โดยมีทีมงานถ่ายทำมากถึง 200 คน ร่วมทั้งคนตัดต่อ โปรดิวเซอร์ ตากล้อง

ดูตัวอย่าง Official Aftermovie จากเทศกาล Tomorrowland ปี 2023 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ที่คลิปนี้

• Tomorrowland ยังมีช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น อินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามกว่า 8.5 ล้านคน แพลตฟอร์ม X (ชื่อเก่าคือ ทวิตเตอร์) ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน
• นอกจากช่องทางประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายแล้ว Tomorrowland ยังมีสปอนเซอร์ระดับโลกอีกมากมายที่จะออกแพคเก็จส่งเสริมการขายต่าง ๆ เพื่อดึงคนมาร่วมงาน ยกตัวอย่างเช่น Tomorrowland's Global Journey package กับทางสายการบิน Brussels Airlines ที่จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการมาดูงานโดยมีทั้งตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมที่พักรวมไว้หมดแล้ว

• อย่างไรก็ตาม การเป็นเทศกาลดนตรีที่มีผู้เข้าร่วมกว่าสี่แสนคนทำให้เกิดเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ตามมาในเรื่องของการก่อ carbon footprint ที่เป็นตัวการให้เกิดภาวะโลกร้อน ทางผู้จัดงานจึงพยายามหามาตรการลดผลกระทบเรื่องนี้ เช่น การนำเตนท์กันแดดกันฝนให้ผู้ร่วมงานไปรีไซเคิลต่อหลังจบงาน
• Tapio บริษัทที่ปรึกษาในเบลเยี่ยม ประเมินเอาไว้ว่า Tomorrow ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 150,000 เมตริกตัน เนื่องจากการเดินทางโดยเครื่องบินของผู้มาร่วมงาน การผลิตสินค้า และการทำอาหารออกขายในงาน
• ในปี 2023 ทางผู้จัดหาทางลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมภายในสถานที่จัดงาน ซึ่งมีเวทีแสดงกระจายกันออกไปมากถึง 16 เวที มีศิลปินมาร่วมแสดงกว่า 750 คน ด้วยการเพิ่มจำนวนเสาไฟให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้เครื่องปั่นไฟที่ต้องใช้น้ำมันดีเซล มีการจัดบู้ท Love Tomorrow ขึ้นเพื่อให้ความรู้เรื่องความยั่งยืน (sustainability)
• ให้ความสำคัญเรื่องการรีไซเคิล มีการจัดตั้งถังขยะสีม่วงกระจายทั่วงาน มีการแยกขยะเศษอาหาร พลาสติก ขยะทั่วไป มีพนักงานและอาสาสมัครคอยดูแลขยะในงาน มีการใช้ภาชนะ หลอดรักษ์สิ่งแวดล้อม มีการจัดหาอุปกรณ์อย่าง ที่อุดหู ขวดน้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ถุงเท้าทำจากวัสดุรีไซเคิล ฯลฯ มามอบให้ผู้ร่วมงาน