' ต้อม-รัชนีกร' ปล่อยโฮ ถูกบูลลี่ เปิดใจครั้งแรก หลังทำศัลยกรรมยกหน้า
"ต้อม-รัชนีกร" ปล่อยโฮ กลางรายการ หลังทำศัลยกรรมยกหน้า ถูกคนบูลลี่ ก่อนทำสะกดจิตตัวเอง "มันต้องสวย" ถามว่าเข็ดไหมกับศัลยกรรม? ไม่ได้เข็ด เพราะยังไม่รู้ผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่มั่นใจว่าสวย
นักแสดงรุ่นใหญ่ "ต้อม รชนีกร พันธุ์มณี" วัย 52 ปี เปิดใจครั้งแรก หลังทำศัลยกรรมยกหน้า ซึ่งเมื่อต้นเดือน ธันวาคม ที่ผ่านมา "ต้อม รชนีกร" ได้ออกมาเปิดเผยใบหน้า ผ่านติ๊กต็อก pinny533 หลังเสริมความมั่นใจด้วยการ ดึงหน้า ตัดกราม ทำจมูก ทำตา ที่โรงพยาบาลเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง
ทำเอาโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันเป็นจำนวนมาก บอกว่า หน้าเหมือน "แอนนา ทีวีพูล" มากเลย อ่านต่อ เปิดหน้าใหม่ 'ต้อม รัชนีกร' สวยใส หน้าตึงเปรี๊ยะกว่าเดิม (คลิก)
ล่าสุด ต้อม รัชนีกร ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้งหลังทำศัลยกรรมยกหน้าผ่านรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง วัน31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
- พิธีกรถาม พี่ต้อมไปทำอะไรมาบ้าง?
ตัดกราม แล้วก็ดึงหน้า แต่ก็ไม่ได้อย่างที่ออกข่าวมานะว่าไปทำจมูก ไปทำตาเพิ่ม ไม่ได้ทำ ส่วนเหตุตัดสินใจทำศัลยกรรมในครั้งนี้ จริงๆ แล้วติดต่อจากโรงพยาบาลมาแล้วเกือบ 3 ปี แต่เราก็ยังก่อนๆ ยังไม่พร้อม ยังกลัวอยู่ ยังไม่อยากทำ แต่เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ก็ไปทำกันมาเยอะแยะ และที่สำคัญด้วยวัย เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเก็บไว้สัก 10 ปี 60 กว่าเนี่ย เราจะไหวไหมกับการไปดมยา ผ่าตัด
มีคนบอกว่าเดิมทีการตัดกรามเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากจะตัด ไม่เลย ไม่มีในหัวสมอง เพราะกรามน้อยของเรามันดูเซ็กซี่ออก เราชอบ แต่ว่ามันต้องย้อนไปตอนที่เราเป็นวัยรุ่น ที่เราไปฉีดสารเหลวตอนอายุ 20 กว่าที่เรารู้ไม่ทัน แต่ก็ได้เลาะออกไปแล้ว
แต่พอเราอายุมากขึ้นมันก็หย่อนคล้อยตาม คุณหมอบอกว่าไม่อยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับสารเหลวที่เหลือ จะเลาะก็กลัวเป็นรอย คุณหมอเลยดีไซน์ว่าขอเป็นการตัดกราม แล้วเอากรามมาต่อคางได้ไหม เพราะถ้าดึงไปเลย โดยที่ยังมีสารเหลวอยู่ หน้ามันจะแบน เราก็เลยโอเค ทำก็ทำ
- เริ่มการทำในรอบนี้คือ มีการตัดกราม วันที่ผ่าตัดคือผ่าตัดกรามก่อนอย่างแรกและอย่างเดียว?
ใข่ แต่จริงๆ แล้วตอนที่อยู่ในสัญญาคือตัดกรามแล้วดึงหน้าเลย แต่เราคิดว่ามันไม่น่าจะได้มั้ง ตัดกรามเขาบอกว่ารอพักฟื้น 3-4 วันแล้วค่อยดึงหน้าเลย แต่พอออกมาเรียบร้อยแล้ว เรามีความรู้สึกว่าการพูดหรืออะไรมันยังไม่โอเคกลัวว่าจะติดปัญหาละคร เพราะตอนนั้นมีถ่ายละคร มนต์รักลูกทุ่ง เราเลยบอกว่า งั้นขอไปถ่ายละครก่อนแล้วกันสัก 4 เดือนแล้วค่อยว่ากัน ค่อยมาดึงหน้า
- การพูดระหว่างที่เราทำกรามอยู่มันชัดไหม?
มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่มันมีเอฟเฟคต์ เราเพิ่งมารู้หลังจากที่เราทำซึ่งทุกคนจะขำๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา พูดมันต้องมีปากเบี้ยวบ้าง เราก็อ้าว..เหรอ ฉันต้องถ่ายละคร ฉันต้องปากเบี้ยวทำไง
ตอนนั้นทุกคนเห็นแล้วทักเราไหม ทำไมมันเบี้ยวไป หรือเราเห็นด้วยตัวเราเอง?
ต้อม รัชนีกร บอกมันเห็นด้วยตัวเราเอง ซึ่งมันแก้ไม่ได้ เพราะมันคือเอฟเฟคต์อยู่แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกแล้วว่ามันจะมีนะ แต่มันจะมีอยู่แค่ประมาณเดือนนึง
ณ ตอนนั้นรู้ก็ตกใจเหมือนกัน เราต้องใช้ชีวิตประจำวันยังไง กังวลใจ เพราะว่ามีช่วงนึงที่มีคลิปหลุดไปว่า เนี่ยเป็นพิษศัลยกรรมที่ทำมา มันเอาภาพอันนั้นไป จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันคือเอฟเฟคต์ตรงนี้ มันมีหลายกระแสมากที่ทำให้เรา เห้ย..อะไรเนี่ย
เราต้องแบกความกลัวและความหวังไว้ ทุกคนทำศัลยกรรม ทุกคนหวังหมดแหละ เราต้องสะกดจิตตัวเองว่ามันต้องสวยนะ ถามว่าเรามั่นใจในฝีมือคุณหมอไหม เรามั่นใจนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ เรารู้อยู่แล้วคุณหมอต้องเก่ง แต่ทุกอย่างมันต้องรอเวลา ซึ่งทำออกมาแล้วพอเข้าที่มันสวย แต่ดันมีเรื่อง มีราวก่อน ระหว่างผ่าตัดดึงหน้ามันเกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่างที่เรา
เห็น คือมีการถ่ายคลิป ณ ตอนที่เราทำเสร็จแล้ว?
เอาจริงๆ ถ่ายคลิป ถ้าถ่ายไว้เผื่อเอาไว้ดูกันในโรงพยาบาล มันเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาจะต้องเอาไว้ดู เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีภาพหลุด ตัวพี่เองไม่รู้เลย จนกระทั่งนอนได้สัก 4 วันแล้วมีเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่พี่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่โทรมา เราก็รับเขาพูดว่า เจ๊เนี่ยหนูเห็นคลิปแล้วนะ เราก็ตกใจ คลิปอะไร เราไม่รู้เรื่อง ผู้จัดการก็ไม่บอก แฟนก็ไม่บอกโทรศัพท์เราก็ไม่ได้รับใดๆ อยู่แล้ว
จนกระทั่งน้องคนนี้โทรเข้ามา มันจะมีปัญหาไหมเจ๊กับผลิตภัณฑ์ที่เราจะนู้นนี่นั่นทำไมเขาจะต้องแต่งหน้าขนาดนั้นด้วย หนูไม่เข้าใจเลย คือเจ๊ไม่มีฝ้า ไม่มีกระ ใดๆ เลย แล้วอย่างนี้มันจะกระทบกับครีมของน้องไหม เราก็เอาแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เราก็บอกโอเค ขอเจ๊ดูก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊จะบอกให้ พอวางสายเสร็จ คุยกับผู้จัดการว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกมันมีคลิปออกไปตั้งนานแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเราบ้างที่เราเห็นแล้ว เห้ย? ต้องบอกเลยว่า เอาจริงๆ พอหลังจากรู้ให้เขาเอามาให้ดู แต่เราแหกตาดูได้แค่นี้ เพราะตามันปิดหมดเลย เป็นคลิปที่ทุกคนอาจจะเห็นแล้ว ที่แบบนอนหลับตาอยู่แล้วหน้าตึงๆ เจ๊เห็นแค่คลิปนั้นจริงๆ เลยบอกว่าในเมื่อมันหลุดไปแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้ เราก็เลยช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไร
แต่ที่ผู้จัดการเล่าให้ฟัง เขาได้มีการคุยกับทางโรงพยาบาลว่า ถ้าหลังจากนี้ไปถ้าจะมีคลิปอะไรใดๆ ออกไป ขอดูก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็นตัวพี่ต้อมเองหรือผู้จัดการ เขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน
จริงๆผู้จัดการไม่ได้รู้ก่อนนะคะว่ามีอะไรด้วยซ้ำ แฟนคลับเจ๊เป็นคนส่งไปให้เขาดูว่าอันนี้ใช่พี่ต้อมหรือเปล่า แล้วทำไมถึงปล่อยให้มีภาพนี้หลุดออกไปได้ยังไง เขาถึงได้มานั่งรื้อดูว่ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอ ก็เลยโทรมาทางโรงพยาบาลว่าขออนุญาตได้ไหมว่าเอาออก หรือไม่ก็ซ่อน"
"ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าจะซ่อนให้ เขาเล่าให้เราฟังแค่นี้นะ เราก็คิดว่ามันคงจบแล้ว ภาพที่หลุดไปแล้วก็หลุดไป แต่สุดท้ายหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เรามีการถอดแม็กซ์บนหัว ถอดแม็กซ์ไปแล้ว ถ่ายคลิปไปแล้ว ก็ยังมีขอถ่ายคลิปอยู่ คือมีการคุยไปเรียบร้อยแล้วนะที่โรงพยาบาลว่าหลังจากนี้ถ้ามีอะไร
เราขอดูคลิป ขอดูรูปก่อนนะ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรในเมื่อเขาขอถ่ายตรงนี้เราก็ให้ถ่าย คิดว่ามันน่าจะไปลงเอยตอนที่เราหน้าสวยแล้ว แล้วเอาอันนี้มาโปรโมทใช้พร้อมๆ กัน แต่ไม่ ลงระยะเวลานั้นพอดี ซึ่งไม่ได้เป็นตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ว่า ขอดูก่อนนะ แต่พอหลังจากนั้นอีก"
"มีช็อตเด็ดอีก ผู้จัดการกับแฟนเอามาให้ดูว่ามันมีภาพที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด น่าจะยังอยู่ในห้อง ไอซียู ที่มันมีเครื่องช่วยต่างๆ
ซึ่งอันนั้นช็อกมาก เรามีความรู้สึกแบบ คือไม่ได้ว่าเขานะคะ เราเข้าใจแหละโรงพยาบาลเขาอยากทำข่าว ทำกระแส หรืออะไรใดๆ แต่มันมากระทบที่เราแล้ว ตอนแรกเราไปเดินห้าง เอาลูกไปกินข้าว เราใส่หมวก ใส่แว่นซึ่งเราคิดว่าคนไม่ได้สนใจ คงไม่จำหรอก เพราะว่าเราคิดว่าเรามีแค่ภาพนั้น แค่นอน
แต่ปรากฏว่าพอกินข้าวกับลูกเสร็จ เสร็จทุกอย่างหมดแล้ว เดินขึ้นบันไดเลื่อน ก็มีซุ่มขายของ เรายังพูดกับลูกเลย เขาจำแม่ไม่ได้หรอกลูก หน้าบวมขนาดนี้เขาต้องจำแม่ไม่ได้แน่นอน พอเดินอ้อมบันไดเลื่อนกำลังจะขึ้น หันไปมอง พนักงานขายจากที่อยู่คนละซุ่ม หัวติดกัน เราแบบ...เรียบร้อยแล้ว
มันคือการใช้ชีวิตลำบากสำหรับเรามาก ที่เขาเอาภาพพวกนี้ไปออกก่อนที่เราจะสวยถ้ามันสวยแล้วเอาภาพพวกนี้มาประกบ เราจะไม่ใช้ชีวิตลำบากเลย ตอนนี้เราจะไปไหน คือเป็นจุดที่คนพร้อมจะมองแล้วแบบบูลลี่ตลอดเวลา"
มันก็แย่นะ เวลาเห็นคอมเมนต์ไม่ดี มันมีผลต่อจิตใจเรา เราเข้าใจ มีทั้งคนรักและคนเกลียด ไม่ต้องบูลลี่ขนาดนี้ก็ได้ แค่นี้ก็ช้ำพอแล้ว แต่เราก็ไม่ตอบโต้ ไม่อ่านด้วย
- ถ้าจะบอกคนที่คอมเมนต์ พี่ต้อมอยากบอกว่าอะไร?
เท่าที่เห็นก็คือทุกคนให้กำลังใจนะคะ แต่ทุกคนอยากให้กลับไปเหมือนเดิมมากกว่า อย่างที่บอกว่าสวยตกใจ ก็โอเคเข้าใจแหละ คุณอาจจะตกใจช่วงแรก ซึ่งไม่ใช่แค่คุณหรอกที่ตกใจ พี่ก็ตกใจเหมือนกัน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่จะได้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเมื่อไหร่ แต่ทุกคนจะบอกให้กำลังใจว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน เราก็หวังเหมือนกัน
- ตอนนี้มันมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตเรายังไงบ้าง?
ไม่ว่าจะเป็นลูก เพื่อนลูกก็ถาม อย่างลูกก็ถาม รู้ว่านางแกล้ง อุ้ย...ใครเนี่ย หน้าตาตื่นตกใจนะแม่นะ สักพักก็จะตบหัวแล้วลูบหลัง แม่หนูดูด้านข้างแล้วเนี่ย ถ้าแม่หาย แม่ปั๊วะมากเลยนะ ส่วนลูกชายกอดแม่ได้หรือยัง กอดแล้วแม่จะเจ็บไหม
แต่ถ้าใช้ชีวิตลำบากก็เนี่ยเป็นช่วงนี้ที่เราต้องมีการแปลงร่างบ้าง แอบบ้าง ปกปิดบ้าง เวลาออกไปไหนก็ลำบากที่จะออกไปนั่งกินแล้วปิด
ตอนนี้เวลาออกนอกบ้าน กังวลใจมาก กังวลใจไปถึงงานอะไรใดๆ ที่ ณ ตอนนี้มันกระทบ เพราะงานที่เราคุยกันไว้ ติดต่อกันไว้ ง่ายๆ เลย มันจะมีงานพรีเซ็นเตอร์ที่คุยไว้ก่อนก็มี เดี๋ยวอะไรใดๆ เสร็จแล้วเรามาเซ็น ก็หายบายบ๊ายไปเลย 2 งาน
ซึ่งแบบตรงนี้ใครรับผิดชอบ มันไม่ใช่น้อยๆ ด้วยนะคะ แต่ก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องใคร ถึงได้บอกว่ามันค่อนข้างจะกระทบพอสมควร
ทำไมถึงตัดสินใจออกมาสู้กับเรื่องนี้?
มันหลายกระแส เยอะมาก เข้าใจนะ ทางโรงพยาบาลต้องการออกมาช่วยแก้ข่าว ต้องการออกมาช่วย แต่ยิ่งแก้มันก็เหมือนยิ่งไปกันใหญ่ รู้ไหมว่าการที่เขาใช้ชีวิต เขาใช้ชีวิตของเขาลำบากมากเลยนะ ในแต่ละวัน เขาจะออกไปไหน เขาต้องติดเทป ไม่ใช่ค่ะ ตรงนี้ขอปฏิเสธก่อนเลย ที่บอกว่าติดเทป เรารู้กันอยู่ เราเป็นดารา นางแบบ การติดเทปบางทีเราถ่ายแบบเรายังต้องคิดเทปพยุงนม ติดเทปดึงตา ดึงคาง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ
แต่ถามหน่อยเราสามารถดึงเทปได้ทั้งวันไหม ชั่วโมงนึงเราก็เจ็บแล้ว จะบอกว่าบางทียิ่งแก้ข่าว มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ณ ตอนนี้มีความรู้สึกว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มันก็ต้องออกมาพูดบ้าง ไม่งั้นมันจะแบบใช่ ไม่ใช่ อยู่อย่างนี้ เจ๊ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับโรงพยาบาล เข้าใจตรงนี้เขาต้องทำอยู่แล้ว
แล้วอยู่ในสัญญากับเขาที่เราจะต้องทำ ต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่แบบมันกลายเป็นด้วยระยะเวลาที่มันออกมาที่มันไม่พอดีเวลากัน มันเลยทำให้ชีวิตของเรามันแย่ไปในช่วงเดือนนึง บอกเลยว่ามันจิตตก
เข้าใจทุกคน สำหรับคนที่มาบูลลี่ มันก็นานาจิตตัง แต่ก็อยากให้เข้าใจเราด้วย เราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก ไม่อยากให้ใครพูดถึงเราแบบนี้หรอก แล้วเราก็ไม่อยากให้ใครเห็นภาพเราเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แม้แต่ตัวเราเองเราก็ไม่อยากเห็น
ก็ต้องขอโทษทุกคนที่อาจจะเห็นภาพอะไรที่ตัวเองอาจจะไม่ปลื้ม แต่ก็ขอบคุณทุกๆ คนเหมือนกันที่ให้กำลังใจ
ถ้าถามว่าศัลยกรรมในครั้งนี้เข็ดไหม ก็ไม่ได้เข็ดหรอก จะเอาคำว่าเข็ดก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เรามั่นใจว่าสวย แต่เราต้องรอบคอบกว่านี้ในการคุยกัน
ติดตามชม รายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
ที่มา : คมชัดลึก