‘Dune: Part Two’ สงคราม เกมการเมืองเข้มข้นดุเดือด จนลืมว่าหนังยาวเกือบ 3 ชม.

นาน ๆ ครั้งจะมีการสร้างหนังที่ยิ่งใหญ่อลังการจนถูกยกให้เป็น ‘มหากาพย์ภาพยนตร์’ ออกมาให้ชมกันอย่างเช่น Dune: Part Two หรือ ดูน ภาคสอง ที่เรากำลังจะลงโรงฉายที่บ้านเราในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นี้

 

Dune: Part Two ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Dune ที่สร้างจากนิยายไซไฟสุดคลาสสิคของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1965 ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิยายไซไฟชิ้นเอกของโลก ได้รับรางวัลใหญ่อย่าง Hugo Award และ Nebula Award ไปครอง และส่งอิทธิพลมากมายหลายด้านต่อโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ผู้กำกับ เดอนี วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) สานฝันในวัยเด็กของตัวเองด้วยการหยิบนิยายเรื่องนี้มาสร้างเป็นมหากาพย์ภาพยนตร์หลังจากที่ได้ ‘ลับฝีมือ’ ในการทำหนังคุณภาพอย่าง Sicario, Arrival, Blade Runner 2049 มาแล้ว

 

“ภาคแรกเป็นหนังที่ต้องใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง ส่วนภาคสองจะเป็นหนังที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอคชั่น ความเป็นมหากาพย์ และหนังสงครามมากกว่า มันเข้มข้นกว่าเดิมเยอะมาก เราไปถ่ายทำในโลเคชั่นใหม่หมด ผมไม่อยากให้เกิดความซ้ำซากจำเจ มันจึงเป็นฉากใหม่หมด แถมคราวนี้ยังเป็นหนังที่สร้างมาเพื่อ IMAX เต็มรูปแบบ”

 

ผู้กำกับ ‘เดอนี วีลเนิฟว์’ พูดถึงภาพยนตร์ Dune แต่ละภาคเอาไว้เมื่อครั้งที่ไปร่วมงาน CinemaCon 2023 ที่ลาสเวกัส ซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวกับที่เรารู้สึกหลังจากที่ได้รับชม Dune: Part Two รอบพิเศษไปเมื่อวันก่อน

 

เพราะการห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดทั้งในเกมการเมืองระหว่างฝ่ายจักรพรรดิ ตระกูลอะเทรดีส ตระกูลฮาร์คอนเนน, การทำสงครามระหว่างชนเผ่าทะเลทรายกับทหารฝ่ายจักรวรรดิ และการต่อสู้ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันของพอล อะเทรดีส เพื่อให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากชนเผ่าฟรีเมน ตรึงเราอยู่กับที่นั่งชนิดไม่รู้สึกตัวเลยว่าหนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง

 

เรียกได้ว่า Dune: Part Two มีครบทั้งความอลังการของงานสร้างที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่าทุกอย่างในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นยานชนิดต่าง ๆ เครื่องจักรขุดสไปซ์ สนามกีฬา สิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนอนทะเลทราย มันช่างใหญ่มหึมาเสียจนทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงมดปลวก เป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กกระจิดริดในจักรวาล

 

 

งานด้านภาพก็ยังงดงามราวกับภาพศิลป์เหมือนเช่นเคย ในขณะที่ sound effect ต่าง ๆ ช่วยขับเน้นอารมณ์ให้กับภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว สมกับที่ทีม Sound Design ออกมาเปิดเผยว่า ‘เดอนี วีลเนิฟว์’ ทำในสิ่งที่แตกต่างจากที่ผู้สร้างภาพยนตร์ส่วนใหญ่ทำ นั่นคือ “เสียงต้องมาก่อนวิชวลเอฟเฟกต์” โดยเขาให้ทีมเสียงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวร่วมด้วยตั้งแต่ในกระบวนการถ่ายทำ ไม่ใช่ในกระบวนการ post-production เหมือนเช่นเรื่องอื่น ๆ

 

 

พิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของ Dune: Part Two หรือ ดูน ภาคสอง ได้ 29 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

แนะนำว่าถ้าอยากได้รับอรรถรสที่สมบูรณ์แบบทั้งภาพ และเสียง โดยสัปดาห์แรกของ #Dune : Part two บนระบบ IMAX with laser และ IMAX รับเลย Exclusive Poster สมาชิกรับเพิ่ม Collectible card สามารถตรวจสอบเงื่อนไขการแลกรับเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์ Major Cineplex