ทำความรู้จัก 'ไมกี้ ปณิธาน' พระเอกดาวรุ่งหน้าหวาน จากละคร 'ขวัญฤทัย'
ทำความรู้จัก 'ไมกี้ ปณิธาน' หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน จากเด็กเล่นดนตรีเปิดหมวก สู่ พระเอกดาวรุ่ง เรื่อง 'ขวัญฤทัย'
เรียกว่ากลายเป็นขวัญใจมัมหมีทั่วประเทศไปแล้ว สำหรับพระเอกน้องใหม่ดาวรุ่งหน้าหวาน 'ไมกี้ ปณิธาน' ที่มาครองใจแฟนๆ ในบท 'พันตรี นายแพทย์ หม่อมหลวง ฉัตรเกล้า จุฑาเทพ' บุตรคนแรกของ หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร กับ กรองแก้ว ที่มาประกบคู่กับนางเอกมากฝีมือ 'ญดา นริลญา' ในละครชุด 'ดวงใจเทวพรหม' เรื่อง 'ขวัญฤทัย' ทางช่อง 3
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 'ไมกี้' หนุ่มหน้าหวานคนนี้ให้มากขึ้น กับเบื้องหลังชีวิตก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงกันแบบเต็มตัว
ไมกี้ ปณิธาน บุตรแก้ว หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน สัญชาติไทย เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2546 ปัจจุบันอายุ 21 ปี น้ำหนัก 64 กิโลกรัม ส่วนสูง 180 เซนติเมตร จบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่ โรงเรียนลำปางกัลยาณี และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาดดิจิทัล มหาวิทยาลัยรังสิต
ไมกี้ เป็นหนุ่มขี้เล่น อัธยาศัยดี ยิ้มง่าย ชอบงานศิลปะและการร้องเพลงเล่นดนตรี เข้าวงการจากการชักชวนของ 'ปิ๊ก ฌาณฉลาด' กระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาแคสติ้งในบท 'พันตรี นายแพทย์ หม่อมหลวง ฉัตรเกล้า จุฑาเทพ' จากเรื่อง 'ขวัญฤทัย' ด้วยเสน่ห์และความขี้เล่นของเจ้าตัวก็ทำให้ผู้จัด 'แหม่ม ธิติมา' และผู้กำกับ 'ป้าแจ๋ว ยุทธนา' ตกหลุมความน่ารักจนได้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นนักแสดงช่อง 3 เต็มตัว และล่าสุดกำลังมีผลงาน 'หวานรักต้องห้าม' ประกบคู่นางเอกรุ่นพี่ 'แมท ภีรนีย์' อีกด้วย
ได้มาเล่นละครเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ไมกี้ : เป็นความบังเอิญมากที่ผมได้มาเล่นในละครชุดนี้ เป็นละครชุดครั้งแรก เรื่องแรกของผมเลยที่ได้มาเล่น ก่อนหน้านี้ผมเล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่ที่กาดกองต้าที่ลำปาง เป็นตลาดเก่าๆ มีคนไปเจอผม เขาก็ชวนผมมาแคสละครของพี่แหม่ม ธิติมา ผมก็ลองไปแคสดู แล้วก็ได้เลย ซึ่งผมไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน ทุกอย่างคือศูนย์ พอได้แสดงเรื่องนี้จริงๆ ก็แอบเซอร์ไพรส์เหมือนกันที่ได้รับเล่นบท ฉัตรเกล้า ผมเลยต้องย้ายจากลำปางมาอยู่กรุงเทพฯทันที
ยึดงานร้องเพลงเปิดหมวกเป็นงานอดิเรกนานไหม?
ไมกี้ : นานเลยครับ ผมเปิดหมวกมาประมาณปีกว่า ตั้งแต่ ม.4 - ม.5 กับวงข้าวกั้นจิ้นของผมและเพื่อนๆ คนก็เริ่มมาจ้างไปร้องตามร้านอาหารบ้าง จ้างไปงานแต่งบ้าง ถือว่าช่วงนั้นรุ่งเรืองเลยครับ จากการร้อนเงินก็ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักไปเลย (หัวเราะ) แต่ก่อนผมเป็นเด็กเสิร์ฟ ผมก็ลาออกจากงานพาร์ทไทม์เลย
เรื่องของการทำอาชีพเสริม แนวคิดแบบนี้มาได้ยังไง?
ไมกี้ : อาจจะเป็นเพราะครอบครัวด้วยครับ คุณแม่ก็ปล่อยให้ผมได้ฟรีสไตล์เลือกเส้นทางชีวิตของผมเอง ขอแค่ว่าการเรียนอย่าทิ้ง ผมก็สนุกกับเพื่อนเต็มที่ เที่ยวขับมอเตอร์ไซต์ ไปเล่นเกม ไปเล่นดนตรี แต่ผมก็ไม่ทำให้การเรียนแย่นะครับ ตอนอยู่โรงเรียนผมทำกิจกรรมเยอะ แล้วตอนนั้นผมก็เป็นรองประธานนักเรียนด้วย ชีวิตช่วงวัยเรียนของผมสนุกมากจริงๆ
เป็นลูกคนเดียวไหม?
ไมกี้ : ผมเป็นลูกคนเดียวครับ แม่ผมเป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ แล้วก็ได้ปรับเป็นครูใหญ่ สุดท้ายเขาก็ลาออกจากการเป็นครูเพราะว่าเขามีผม เขาอยากลาออกมาเลี้ยงลูกจริงจัง เพราะแม่ผมเป็นคนมีลูกยาก
นิสัยไมกี้ดูขัดกับลุคที่เป็นไหมเพราะเราก็ขึ้นแท่นเป็นพระเอกแล้ว?
ไมกี้ : มันมีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบมากๆ คือมนุษย์เราไม่มีใครที่มีลายนิ้วมือเหมือนกัน ทุกคนมีความพิเศษเป็นของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราอยากไปค้นหาความพิเศษนั้นไหม แต่สำหรับผม ผมอยากทำ
ช่วงที่เปิดหมวกคิดอยากจะเข้าวงการบันเทิงไหม?
ไมกี้ : ตอนนั้นผมยังไม่ได้ชอบงานในวงการบันเทิงครับ ผมอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มันเป็นอาชีพที่ผมผูกพัน และเป็นอาชีพที่ผมรักมาก แม่ผมเป็นคุณครูด้วยก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่มีคุณค่า กับการที่จะทำให้เด็กๆ โตมาอย่างมีคุณภาพ ผมสนุกกับการได้ทำงานกับคนเยอะๆ เหมือนได้ฮีลใจตัวเองไปด้วย ตัวผมเรียนจบสายวิทย์-คณิต แต่อยากเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง บางทีครูสอนภาษาจะไม่ค่อยเข้าใจเด็กศิลป์ เด็กวิทย์-คณิต ผมก็อยากจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เข้าใจเด็กวิทย์-คณิต ผมว่าผมน่าจะเอ็นจอยกับการสอน และเล่นกีต้าร์ไปด้วยก็น่าจะสนุกดี
ความรู้สึกแรกที่ได้ทำงานละคร?
ไมกี้ : ตื่นเต้นครับผม ก็มีความกดดันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กดดันในด้านที่ไม่ดี กดดันว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เราใหม่มาก ประสบการณ์อะไรเราก็ยังไม่มี
ป้าแจ๋วสอนอะไรเราบ้าง?
ไมกี้ : สอนทุกอย่างเลย ด้านแอคติ้งเขาก็โค้ชชิ่งเราตลอดทุกซีนเลยครับ เขาจะมาสอน ทั้งอารมณ์ การทำการบ้านของบท พี่ญดาก็ช่วยผมเยอะมาก วันที่ไม่ได้ไปถ่ายก็ไปเวิร์กชอปกับกองละครตลอด ป้าแจ๋วก็สอนผมตลอดเวลา มีพูดคุย เอาบทไปปรึกษาทุกซีน เขาสอนผมเยอะจริงๆ ไม่ใช่แค่แอคติ้ง ด้านการใช้ชีวิตในกองก็สอนผมว่าต้องทำตัวยังไง เลี้ยงผมเหมือนเป็นลูกเลยครับ
กว่าจะมาเป็นพระเอกเรื่องนี้ก็เจ็บตัวมาเยอะเหมือนกัน?
ไมกี้ : ใช่ครับ ตอนที่ถ่ายทำขวัญฤทัย มันมีคิวบู๊ค่อนข้างเยอะ เราก็พลาดล้มแล้วซี่โครงหักทิ่มปอด ผ่าตัดไป 2 รอบ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วครับ มีอีกช่วงก็คือตอนที่ถ่ายทำละครอีกเรื่องหนึ่ง อยู่ๆ หัวใจก็เกิดเต้นผิดจังหวะขึ้นมา สาเหตุคือทำงานเยอะนอนน้อยครับ มันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นเวลานาน เป็นประสบการณ์ที่น่าจะไม่มีใครอยากเจอ แต่มันสอนอะไรผมเยอะมาก ถ้าผมไม่ได้เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ผมก็คงจะไม่ใช่ไมกี้ในวันนี้
มีคิดบ้างไหมว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของเรา?
ไมกี้ : มีคิดอยู่แล้วครับ ผมนั่งร้องไห้ทุกวัน ถึงขั้นที่แบบคิดว่าไม่อยากมาทำงานแล้ว ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ ระหว่างทางก็ไม่อยากเจอไม่อยากคุยกับใคร เมื่อไหร่จะจบสักที คิดแบบนี้ตลอดเวลา ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ หาความสุขระหว่างทาง มันอยู่ที่มุมมอง ถ้าเรามองแต่ในแง่ร้ายเราก็จะคิดแต่ในมุมนั้น แล้วเราก็จะท้อไปด้วย แต่ถ้าเรามองแง่ดี มองแต่สิ่งดีๆ มองถึงโอกาส ความโชคดี มันก็ช่วยดันเอนเนอจี้เราขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ตอนนี้มุมมองในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปไหม?
ไมกี้ : มุมมองในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปเยอะเลย ตอนนี้รู้สึกดีมากๆ ผมใช้คำว่าตกหลุมรักการแสดงไปแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะประสบความสำเร็จในฐานะที่ตัวเองขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพนักแสดง
ตามไปดูความน่ารักทางการแสดงของหนุ่มดาวรุ่งคนนี้กันได้ในละครชุด 'ดวงใจเทวพรหม' เรื่อง 'ขวัญฤทัย' เวลา 20.20 น. ทาง ช่อง 3 ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3Plus หรือชมละครย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ 3Plus (คลิก) และ 3Plus Application
และติดตามความเคลื่อนไหวของหนุ่มไมกี้ได้ที่ Instagram : mikepanitan , Twitter : mikepanitan