Ferrari โศกนาฏกรรมชีวิตผู้ก่อตั้งทีมรถแข่ง-บริษัทซูเปอร์คาร์ระดับโลก

“เราต่างรู้ดีว่ามันเป็นแพชชั่นที่ถึงตาย และเป็นความสนุกที่น่ากลัวของเรา”

Ferrari (2023)

 

ภาพยนตร์ Ferrari ที่กำลังจะลงโรงฉายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ สร้างจากเรื่องจริงของ เอนโซ เฟอร์รารี (Enzo Ferrari) นักขับรถแข่งที่กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทรถซูเปอร์คาร์ และทีมรถแข่งซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยอ้างอิงมาจากหนังสือชีวประวัติเรื่อง Enzo Ferrari: The Man and the Machine (1991) ที่แต่งโดย Brock Yates

ผู้กำกับรุ่นใหญ่ ไมเคิล มานน์ (เจ้าของผลงานภาพยนตร์ The Last of the Mohicans, Heat, Ali, Collateral, Miami Vice, Public Enemies) เลือกหยิบเอาช่วงเวลาที่อึกทึกครึกโคม และโกลาหลที่สุดในชีวิตของ เอนโซ เฟอร์รารี มานำเสนอ เป็นช่วงที่เขาเผชิญกับโศกนาฏกรรมชีวิตครอบครัว และโศกนาฏกรรมทางอาชีพที่รุนแรงไม่แพ้กัน

 

หนังจะย้อนกลับไปในยุค 50 ตั้งแต่ตอนที่ เอนโซ เฟอร์รารี (นำแสดงโดย อดัม ไดรเวอร์) นักแข่งรถในสังกัดทีม Alfa Romeo ออกมาตั้งทีม Ferrari ของตัวเอง โดยมี ‘เพเนโลเป ครูซ’ รับบท ลอรา เฟอร์รารี ภรรยาผู้ทุกข์ทนของเขา

 

หนังที่พูดถึง “คน” พอ ๆ กับ “รถยนต์”

เอนโซ อันเซลโม เฟอร์รารี เกิดที่เมือง Modena ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ. 1898 เขาหลงใหลการแข่งรถมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่พ่อพาไปดูการแข่งขันในเมือง Bologna ชีวิตของเอนโซต้องประสบพบเจอกับโศกนาฏกรรมมาตั้งแต่เด็ก จากเหตุการณ์ที่พ่อและพี่ชายเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ขณะที่เขามีอายุ 18 ปี ส่วนตัวเขาเองก็ป่วยหนักจนต้องปลดประจำการจากกองทัพอิตาลีในปีถัดมา

 

เฟอร์รารีเริ่มอาชีพนักแข่งรถในปี 1919 (ขณะที่มีอายุ 21 ปี) ตามมาด้วยการเข้าสังกัดทีม Alfa Romeo ในปีถัดมา เขาคว้าแชมป์ Grand Prix มาได้หลายรายการ ก่อนจะตัดสินใจตั้งทีมรถแข่งของตัวเองชื่อ Scuderia Ferrari ในปี 1929 และวางมือจากการแข่งขันในปี 1931 เพื่อมาทำหน้าที่จัดการทีมของตัวเอง พร้อมกับทำงานให้ Alfa Romeo ควบคู่กันอยู่หลายปี

 

 

เฟอร์รารีเคยให้สัมภาษณ์ The Times of London เอาไว้ว่า

“การแข่งรถเป็นความคลั่งไคล้ใหลหลงอย่างใหญ่หลวง ถึงขนาดที่คน ๆ หนึ่งยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย”

 

ปี 1939 เฟอร์รารีออกมาตั้งบริษัทของตัวเองที่ตอนแรกใช้ชื่อว่า Auto Avio Costruzioni (AAC) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Ferrari SpA บริษัทของเขาจัดหายานพาหนะให้กับกองทัพอิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ควบคู่ไปกับการผลิตและซ่อมรถยนต์

หลังจากล้มเหลวอยู่เพียงไม่กี่ปี รถยนต์ Ferrari ก็ได้รับชัยในสนามแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการถือกำเนิดของรถสูตร 1 หรือ Formula 1 ซึ่งในหนังเราจะได้เห็นบรรยากาศคลาสสิกในยุคแรก ๆ ของการแข่งรถประเภทนี้

 

 

ภาพยนตร์เรื่อง Ferrari เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 1957 ซึ่งเป็นปีที่ยากแค้นลำเค็ญในชีวิตของเอนโซ เพราะถึงแม้ว่าทีมแข่งรถของเขาจะคว้าชัยในสนาม แต่ก็ประสบกับโศกนาฏกรรมร้ายแรงติดต่อกันหลายครั้งเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นักแข่งรถคนหนึ่งเสียชีวิตขณะขับรถสปอร์ตของเฟอร์รารีในปี 1955 และนักแข่งรถ 3 คนเสียชีวิตขณะขับรถ Formula 1 ของเฟอร์รารี ระหว่างปี 1957-1958

 

แต่เหตุการณ์ที่ร้ายแรงจนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของเอนโซลงก็คือโศกนาฏกรรมที่ Mille Miglia ในปี 1957 เมื่อนักแข่งทีมเฟอร์รารีชื่อ Alfonso de Portago ประสบอุบัติเหตุยางแตก ทำให้รถลอยขึ้นฟ้าไปชนเข้ากับเสาโทรศัพท์ ก่อนจะหล่นลงไปทับกลุ่มคนดูที่ยืนเบียดเสียดดูการแข่งขันอยู่ริมถนน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงคนขับรถและผู้ที่นั่งมาด้วยกัน

 

อุบัติเหตุร้ายแรงดังกล่าวส่งผลให้ทางการอิตาลีประกาศให้การแข่งรถบนถนนสาธารณะเป็นสิ่งผิดกฏหมาย ขณะที่ตัวเอนโซ เฟอร์รารีเองถูกตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต แม้ว่าจะได้รับการประกาศให้พ้นผิดในภายหลัง

 

 

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันครั้งนั้น นักขับทีมเฟอร์รารีอีกคน คือ Piero Taruffi (นำแสดงโดย แพทริก เดมพ์ซีย์) ที่มีอายุ 50 ปีแล้ว ยอมกลับมาขับรถให้เอนโซที่กำลังเผชิญวิกฤติในชีวิต

นอกจากนี้ ในการแข่งครั้งนั้นยังมีรถเฟอร์รารีเข้าเส้นชัย 10 คันแรกได้มากถึง 8 คัน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทของเขาเป็นที่หนึ่งในหลาย ๆ ด้าน แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเอนโซ และทุกคนในบริษัทเฟอร์รารี

 

แพทริก เดมซีย์

 

ชีวิตส่วนตัวที่เจ็บปวดไม่แพ้ทีมแข่งรถ

นอกจากอาชีพของ เอนโซ เฟอร์รารีแล้ว ผู้กำกับไมเคิล มานน์ยังให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวของเขามากพอกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวของเขากับภรรยา ลอรา เฟอร์รารี (นำแสดงโดย เพเนโลเป ครูซ) พร้อมกับลงรายละเอียดเรื่องที่เขาเป็นชู้กับ ลีนา ลาร์ดี (นำแสดงโดย เชลีน วูดลีย์)

 

 

เอนโซกับลอรามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่งแต่เขาเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อม (muscular dystrophy) ส่งผลให้เขาจากไปขณะที่มีอายุเพียง 24 ปี ซึ่งการที่ทายาทอาณาจักรเฟอร์รารีต้องเสียชีวิตลง ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตของเอนโซ ถึงขนาดทำให้นักธุรกิจอย่างเขาหลบลี้หนีหน้าจากผู้คนไปช่วงหนึ่งหลังลูกชายตาย

 

แน่นอนว่าการเสียชีวิตของลูกทำให้ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยายิ่งเลวร้ายหนักขึ้น โดยเอนโซกับลาร์ดี้เป็นชู้กันอยู่นานหลายสิบปี เพราะการหย่าร้างถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายอิตาลีในยุคนั้น

แต่ถึงแม้กฏหมายห้ามหย่าร้างจะยกเลิกไปในปี 1970 เอนโซก็ยังแต่งงานกับลอราอยู่ตราบจนกระทั่งเธอเสียชีวิตลงในปี 1978

 

ปี 1945 เอนโซมีลูกชายชื่อ ปิเอโร กับลาร์ดี้ แต่เขาไม่ได้ใช้นามสกุลของพ่อจนกระทั่งลอราเสียชีวิตถึงได้รับการประกาศให้เป็นทายาทอาณาจักรเฟอร์รารี

 

การตายของเฟอร์รารี และการสืบทอดบริษัท

เอนโซ เฟอร์รารี เสียชีวิตในวันที่ 14 สิงหาคม 1988 ขณะที่อายุ 90 ปี ช่วงบั้นปลายชีวิต เขาขายหุ้นบริษัท 90 เปอร์เซ็นต์ให้กับ Fiat โดยที่ลูกชาย ปิเอโร ถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ และยังได้ครองตำแหน่งรองประธานบริษัทดังเดิม

 

ปิเอโร่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อเอาไว้ในวันเปิดตัวหนัง Ferrari ที่เขาชื่นชมว่า

“มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวในช่วงที่เผชิญกับความลำบากยากเข็ญของชีวิตด้วยโศกนาฏกรรมต่าง ๆ แต่พ่อของผมคือผู้ชนะ ท่านประสบความสำเร็จ และทำให้ความฝันหลายอย่างของท่านเป็นจริง”

 

รับชมภาพยนตร์เรื่อง Ferrari เฟอร์รารี ได้ 30 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์