(รีวิวซีรีส์) The Tyrant เมื่อเกาหลีใต้ลุกขึ้นท้าทายอำนาจสหรัฐ
The Tyrant จัดจ้านตามสไตล์ผู้กำกับ ‘พัคฮุนจอง’ แต่ให้ความสำคัญกับ "สไตล์" และการ “ปั้นคาแรกเตอร์” มากกว่าการดำเนินเรื่อง ทำให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องย่อมาก่อนอยู่กับความงุนงงไปจน Ep. สุดท้าย ข้อดีคือนักแสดงมีฝีมือ ตัวละครมีสีสัน ขมวดปมจบได้น่าประทับใจไม่ค้างคา ปาหมอน
ด้วยชื่อชั้นของผู้กำกับ พัคฮุนจอง (Park Hoon-jung) เจ้าผลงานภาพยนตร์ New World (2013), The Witch 1 (2018), The Witch 2 (2022), The Childe (2023) และการกลับมารับเล่นซีรีส์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีของ คิมซอนโฮ หลังประสบความสำเร็จถล่มทลายจาก Hometown Cha-Cha-Cha ส่งผลให้ซีรีส์เรื่องใหม่จากดิสนีย์พลัสเรื่อง The Tyrant ที่มีกำหนดสตรีมพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ เป็นที่ตั้งตารอของคอซีรีส์เกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ชื่นชอบแนวแอคชั่นทริลเลอร์
ผู้เขียนมีโอกาสได้รับชม The Tyrant รอบ press screening ที่มีการจัดฉายในโรงภาพยนตร์ครบทั้ง 4 ตอนล่วงหน้า ก่อนวันฉายจริงทางแอปพลิเคชั่น Disney+ Hotstar จึงมารีวิวในแบบที่ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ตลอดจนบอกสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ เพื่อเป็นแนวทางในการรับชมกันต่อไป
หมายเหตุ : การรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งอาจจะไม่ตรงใจผู้อ่าน เพราะการที่เราจะชื่นชอบหนังหรือซีรีส์เรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยม และประสบการณ์ส่วนตัวเป็นสำคัญ สุดท้ายแล้ว การรับชมด้วยตนเองคือสิ่งที่ดีที่สุด
Cons : สิ่งที่ไม่ชอบ
-
‘พัคฮุนจอง’ ซึ่งเป็นทั้งผู้กำกับและคนเขียนบท ให้ความสำคัญกับการ “สร้างสไตล์” ในผลงาน และการ “ปั้นคาแรกเตอร์ตัวละคร” มากไปจนละเลยการดำเนินเรื่อง ซึ่งคนที่ไม่อ่านเรื่องย่อหรือพอรู้แบ็คกราวด์มาก่อนอาจจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร กำลังทำอะไรกันอยู่ แล้วทำไปทำไม เพราะในเรื่องมีคนหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง
-
ซีรีส์มีเพียง 4 ตอนจบ ก่อนรับชมคิดว่าคงจะดำเนินเรื่องแบบกระชับฉับไว สู้กันดุเดือดเลือดพล่าน ชิงไหวชิงพริบกันสนุก แต่กลับกลายเป็นว่า 3 ตอนแรกใช้เวลาไปกับการแนะนำ (หรือปั้น) ตัวละครหลัก 4 ตัวจนเนื้อเรื่องแทบจะไม่คืบหน้าไปไหน ต้องรอจนกระทั่ง Ep. สุดท้ายถึงจะดุเดือดเลือดพล่านสะใจคอแอ็คชั่น
-
ด้วยความที่เป็นซีรีส์เกาหลีจากดิสนีย์พลัสเหมือนกัน การดำเนินเรื่องแนวนี้ (ใช้เวลาปั้นตัวละครทีละตัวมากเสียจนมีบางช่วงที่ตัวละครหลักบางตัวหายจากหน้าจอไปนาน) พลอยทำให้นึกถึง Moving ซีรีส์สร้างเรื่องถึงขนาดทำให้ดิสนีย์ที่เกือบจะตัดงบผลิตคอนเทนต์เกาหลีทางแอปสตรีมมิงแล้วเกิดเปลี่ยนใจ กลับมาทุ่มเงินให้เป็นจำนวนมากแทน แต่ต่างกันตรงที่พล็อตเรื่องของ Moving ไปไกลกว่า และการดำเนินเรื่องก็ทำได้ดีกว่าเช่นกัน
-
ให้น้ำหนักตัวละคร ‘จาคยอง’ มากไป (แม้จะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น) แต่ก็ยังมีหลายตอนที่รู้สึกว่าสามารถตัดทิ้งไปได้เลย หรือทำให้กระชับกว่านี้ได้ ความเยิ่นเย้อที่ว่านี้ถึงกับทำให้มีแอบคิดในใจว่า นี่มันตอนที่ 3 (ตอนรองสุดท้าย) เข้าไปแล้วนะ เนื้อเรื่องยังไม่ดำเนินไปถึงไหนเลย
Pros : สิ่งที่ชอบ
-
อย่างไรก็ตาม การเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับ “การปั้นตัวละคร” ของผู้กำกับก็ส่งผลดีตรงที่พอทุกอย่างถูกเฉลยออกมาหมดแล้ว แรงจูงใจในการกระทำของตัวละครแต่ละตัวเลยมีน้ำหนัก เคลียร์คัททุกการกระทำ แต่ทั้งนี้ต้องชมนักแสดงทุกคนว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะ โจยุนซู ผู้รับบท ‘จาคยอง’ นักฆ่าสาวผู้มีที่มาลึกลับ
-
‘โจยุนซู’ นักแสดงสาววัย 26 ปี มีผลงานที่ผ่านมาเพียง 4 เรื่อง (True Beauty, Juvenile Justice, The Killer's Shopping List, The Interest of Love) แต่เธอ “เอาอยู่” มากกับบท ‘จาคยอง’ ที่ต้องบอกว่าคือตัวเอกที่แท้จริงของเรื่อง
-
ผู้กำกับ พัคฮุนจอง เผยถึงสาเหตุที่เลือก โจยุนซู มารับบทนี้ว่าเป็นเพราะเธอมีฝีมือและหน้ายังไม่ช้ำ เหมาะกับการรับบทหญิงสาวผู้ปกคลุมไปด้วยความลึกลับ
-
ในส่วนของ คิมซอนโฮ นั้น ผู้กำกับพัคฮุนจองที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในภาพยนตร์ The Childe (2023) มองขาดในการเลือกเขามารับบท ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองหนุ่มที่มีอุดมการณ์แรงกล้า สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อ “ปกป้อง” และ “ปกปิด” โครงการลับสุดยอดอย่าง Program Tyrant เอาไว้ภายใต้สีหน้าที่ดูเหมือน “ไก่อ่อน” แต่จริง ๆ แล้ว “เลือดเย็น”
-
โดยเฉพาะฉากจบที่ผู้เขียนชอบมาก เพราะมันเป็นการตอกย้ำซ้ำว่า ‘ผอ.ชเว’ ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ เพื่อให้ Program Tyrant เป็นความลับต่อไป และเขา “เลือดเย็น” ได้แม้กระทั่งกับ “ตัวเอง”
-
สำหรับพระเอกรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง ชาซึงวอน นั้นหายห่วง เขาทำให้บท ‘อิมซัง’ เป็นตัวละครที่มีสีสัน สร้างเสียงหัวเราะได้มากที่สุดในเรื่อง
-
บทสรุปในตอนจบ เคลียร์คัทชัดเจน ไม่ค้างคาใจ ไม่ออกทะเล จากตอนแรกที่บ่นว่ามัวแต่เสียเวลาปั้นตัวละครจนเนื้อเรื่องไม่คืบหน้า แต่สุดท้ายผู้กำกับ ‘พัคฮุนจอง’ ก็สามารถทำให้ทุกอย่างขมวดปมลงใน Ep.4 ได้อย่างสวยสดงดงาม
เมื่อเกาหลีใต้ลุกขึ้นท้าทายอำนาจสหรัฐ
ประเด็นที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในซีรีส์ The Tyrant คือการนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับ “การลุกขึ้นมาแข็งขืน หรืองัดข้อกับทางการสหรัฐฯ” เพราะที่ผ่านมา คอนเทนต์เกาหลีใต้จะนำเสนอเรื่องความขัดแย้งหรือบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่มีกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือเสียเป็นส่วนใหญ่
แต่ The Tyrant กลับนำเสนอเรื่องราวของคนเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่งที่อดรนทนไม่ไหวแล้วกับการตกเป็นเบี้ยล่างของสหรัฐฯ (ที่มาในคราบของพันธมิตรผู้หวังดีตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) จึงลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถ้าสำเร็จแล้วจะทำให้ประเทศชาติของพวกเขามีอำนาจต่อรอง สามารถยืนเคียงข้างกับชาติมหาอำนาจได้อย่างเท่าเทียมกัน
ตัวละคร ‘ผอ.ชเว’ สะท้อนแนวคิดนี้ออกมาอย่างชัดเจนในทุกคำพูด และการกระทำของเขา ที่ขอบอกว่ามีหลายตอนที่มันสะใจจริง ๆ
เรื่องควรรู้ก่อนดู The Tyrant
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าการจะดู The Tyrant ให้สนุกควรรับรู้เรื่องราวคร่าว ๆ มาก่อน ซึ่งเราจะสรุปให้ฟัง ในแบบที่ไม่สปอยล์จนเสียอรรถรสดังนี้
เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ตัวอย่างสุดท้ายจาก Program Tyrant หายไป โดย ‘โปรเจคต์ไทแรนต์’ คือโครงการลับที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่งแอบซุ่มพัฒนาเชื้อไวรัสที่ทำให้คนก้าวข้ามขีดจำกัด กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีร่างกายแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ด้วยความสำคัญดังกล่าว จึงมีคนหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตามหาไวรัสหลอดสุดท้าย ดังนี้
-
กลุ่มที่ซุ่มพัฒนา Tyrant – ทำทุกวิถีทางเพื่อ “ปกปิด” และ “ปกป้อง” ตัวอย่างสุดท้ายไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของสหรัฐฯ ตัวละครหลักของกลุ่มนี้นำโดย ผอ.ชเว
-
ทางการสหรัฐฯ – ทำการทดลองสร้าง super soldier แบบเดียวกับเกาหลีใต้แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่า พอรู้เรื่อง Program Tyrant สหรัฐฯ ในฐานะพี่ใหญ่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ จึงออกคำสั่งให้ส่งมอบตัวอย่างจากโครงการนี้ให้กับตัวเอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวอย่างหายไป จึงส่งมือดีมาปฏิบัติการไล่ล่า ตัวละครหลักของฝ่ายนี้นำโดย พอล
-
รัฐบาลเกาหลี - ทางการเกาหลีใต้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Program Tyrant ที่คนในหน่วยข่าวกรองกลุ่มหนึ่งแอบซุ่มพัฒนาขึ้น เท่านั้นไม่พอ คนในรัฐบาลเกาหลีใต้ยังถูกฝ่ายสหรัฐฯ โดยเฉพาะ พอล กดดันอย่างหนักจนต้องยอมทำตามสหรัฐฯ มากกว่าช่วยเหลือฝ่ายพัฒนา Tyrant ที่เป็นคนชาติเดียวกัน และทำเพื่อประเทศชาติแท้ ๆ
-
นักฆ่าอิสระ – จาคยอง (สาวผู้มีที่มาลึกลับ) , อิมซัง (คุณลุงสุดเพี้ยน) เป็นนักฆ่าฝีมือเข้าขั้นสุดยอดทั้งคู่ แต่จะเป็นคนของฝ่ายไหน ต้องตามดูกันเอาเอง
The Tyrant จะเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคม ชิงไหวชิงพริบ และเข่นฆ่ากันของคน 4 กลุ่มนี้ เพื่อแย่งชิงไวรัสไทแรนต์หลอดสุดท้าย ส่วนใครเป็นฝ่ายไหน เราเฉลยเฉพาะเท่าที่เปิดเผยแล้วในตัวอย่างเท่านั้น
#TheTyrant #DisneyPlusHotstarTH
หมายเหตุ : หลังจากรับชม The Tyrant ทางดิสนีย์พลัสจบแล้ว ใครที่ติดใจผลงานของผู้กำกับ พัคฮุนจอง และ คิมซอนโฮ สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Childe ที่ทั้งคู่ร่วมงานกันได้ทางแอปพลิเคชันเน็ตฟลิกซ์ต่อได้เลย