‘Carry-On’ หนังแอคชั่นก่อการร้ายที่ถูกยกเทียบชั้น ‘Die Hard’
ตำแหน่ง “หนังคริสต์มาส” ยอดนิยมตลอดกาลของ Die Hardมีสั่นคลอน เมื่อ ‘Carry-On’ หนังแอคชั่นทริลเลอร์ที่นำแสดงโดย ‘ทารอน เอเจอร์ตัน’ กระแสแรงจนมีลุ้นติดทำเนียบหนังยอดวิวสูงสุดตลอดกาล 10 อันดับแรกบน Netflix
ถือว่าเป็นม้ามืดจริง ๆ สำหรับภาพยนตร์แนวแอคชั่นทริลเลอร์เรื่อง ‘Carry-On’ ที่ตอนนี้กำลังมีลุ้นเข้าทำเนียบ 10 อันดับ “หนังที่มียอดรับชมสูงสุดตลอดกาลทางเน็ตฟลิกซ์” เพราะนับจากปล่อยสตรีมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้ยอดวิวยังคงแรงไม่มีแผ่ว
ข้อมูลจากเดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ระบุว่า ภายในระยะเวลาเพียง 10 วันหลังจากปล่อยสตรีมบนเน็ตฟลิกซ์ Carry-On มียอดรับชมถึง 97.1 ล้านวิว ซึ่งเป็นสถิติที่หายใจรดต้นคอภาพยนตร์เรื่อง Glass Onion: A Knives Out Mystery เจ้าของตำแหน่ง “หนังที่มียอดรับชมสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับ 10 ทางเน็ตฟลิกซ์”
ด้วยความที่ Carry-On เป็นหนังแอคชั่นที่เกิดขึ้นในสนามบินช่วงคริสต์มาส จึงส่งผลให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Die Hard หนังบู๊สุดระห่ำของบรูซ วิลลิสที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีเช่นเดียวกัน
โดยเนื้อหาของ Carry-on เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ TSA (เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านความปลอดภัยในการเดินทางของสหรัฐ) ชื่อ อีธาน โคเพค ที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามเพราะผิดหวังที่สอบไม่ติดตำรวจ
เขาถูกมองว่าเป็นคนขี้แพ้ ไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วอีธานเป็นคนมีความสามารถ มีสัญชาติญาณในการตรวจจับสิ่งผิดกฎหมาย แถมยังแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี และเคยเป็นนักวิ่งของโรงเรียนมาก่อน
เหตุระทึกขวัญเกิดขึ้นในวันคริสต์มาสอีฟ ซึ่งเป็นวันที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลีส (LAX) วุ่นวายที่สุดในรอบปี เมื่อผู้โดยสารร่วมสองแสนคนเดินทางพร้อมกัน อีธานซึ่งมีหน้าที่สแกนกระเป๋าที่ผู้โดยสารถือขึ้นเครื่อง ถูกผู้ร้ายแบล็กเมล์ให้ร่วมมือกับพวกเขาด้วยการยอมปล่อยกระเป๋าสัมภาระที่บรรจุวัตถุอันตรายเอาไว้ขึ้นเครื่องไป โดยเอาชีวิตของ นอร่า แฟนสาวของเขาที่เพิ่งตั้งท้อง มาเป็นข้อต่อรอง
Carry-On นำแสดงโดย ทารอน เอเจอร์ตัน บริติชบอยผู้โด่งดังจากแฟรนไชส์หนัง Kingsman, เจสัน เบทแมน, โซเฟีย คาร์สัน, แดเนียล เดดไวเลอร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Jaume Collet-Serra ผู้คร่ำหวอดในวงการฮอลลีวู้ด โดยผลงานก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างหลากหลาย ทั้งการกำกับ ‘เลียม นีสัน’ ในหนังแอคชั่นสุดเดือดอย่าง Non-Stop, The Commuter การกำกับหนังสยองขวัญอย่าง Orphan, The Shallows หรือแม้แต่หนังซูเปอร์ฮีโร่เขาก็ทำมาแล้วใน Black Adam
ในมุมมองของผู้กำกับ Collet-Serra เขาบอกว่าเอเจอร์ตัน และเบทแมนคือ “คู่ที่สวรรค์สร้าง” เพราะเขาต้องการให้หนังเรื่องนี้ออกมาสมจริงที่สุด ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังสามารถเกิดขึ้นกับพวกเราคนใดคนหนึ่งก็ได้ ในวันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง ณ สนามบินแห่งหนึ่ง แล้วการแสดงของเจสันและทารอนก็ช่วยให้หนังมีความติดดิน และให้ความรู้สึกเรียลจริง ๆ
“ผมคิดว่าพวกเขาเองก็สนุกสนานมากกับการเล่นเกมวิ่งไล่จับระหว่างสองตัวละครนี้ แถมพวกเขายังคิดหาทางทำให้แต่ละฉากนั้นยากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย”
TSA ตรวจสอบความถูกต้องด้วยตัวเอง
เพื่อความสมจริงตามที่ Collet-Serra ต้องการ นักแสดงได้ถูกส่งเข้ารับการฝึกจาก TSA นอกจากนี้ยังมีการเชิญคนจากหน่วยงาน TSA ประจำสนามบินนานาชาติลอสแองเจลีส (LAX) มาเป็นที่ปรึกษา 2 คนระหว่างการถ่ายทำ โดยพวกเขาจะคอยบอกหากมีตรงไหนไม่สมจริง
หนึ่งในที่ปรึกษาของหนังเรื่องนี้คือ ดร.เออร์โรล จี. เซาเธอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการก่อการร้ายและอดีตหัวหน้าหน่วย Homeland Security and Intelligence ประจำกรมตำรวจสนามบินโลก ลอสแองเจลีส (Los Angeles World Airports Police Department) ซึ่งเป็นหน่วยตำรวจประจำสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐฯ
หน้าที่ของเซาเธอร์สคือการตรวจสอบคำศัพท์ของ TSA ว่าใช้ถูกต้องหรือไม่, บอกว่าสถานที่ใดบ้างภายในสนามบินที่เจ้าหน้าที่ระดับเดียวกับอีธานได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ และที่สำคัญคือความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างตำรวจสนามบิน ตำรวจท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลาง
ถึงแม้หนังเรื่องนี้ยังถูกวิพากษณ์วิจารณ์ว่าสถานการณ์ที่ตัวเอกของเรื่องต้องเผชิญนั้นดูจะเกินจริงไปนิด แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ Carry-on เป็นหนังสูตรสำเร็จที่ดูสนุก ลุ้นระทึกสไตล์ one man show พระเอกคนเดียวลุยเดี่ยวฟาดฟันกับผู้ร้ายแบบสู้ยิบตา ก่อนที่จะเอาชนะมาได้ในสภาพสะบักสะบอมโดยอาศัยกำลังกาย และสมองของตัวเองแบบเดียวกับบรูซ วิลลิสใน Die Hard
จึงไม่แปลกที่จนถึงวันนี้ Carry-On ยังคงมียอดวิวติดอันดับสูงสุดของ Netflix ทำให้ได้ลุ้นกันว่าจะสามารถไต่ระดับขึ้นไปยึดตำแหน่ง Top 10 หนังยอดวิวสูงสุดตลอดกาลที่เต็มไปด้วยผลงานดัง ๆ นักแสดงเบอร์ใหญ่ เช่น Red Notice, Don't Look Up, The Adam Project, Bird Box, Leave the World Behind ได้หรือไม่
หากใครอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ‘Carry-On’ สนุกสมกับตำแหน่งที่ (อาจ) จะได้หรือไม่นั้น สามารถรับชมได้ทาง Netflix
#carryonnetflix