นวัตกรรมสุดล้ำ "Coffee Ball" แคปซูลกาแฟย่อยสลายได้เจ้าแรก!
ทำความรู้จัก คอฟฟี่บอล" หรือ "คอฟฟี่บี" (CoffeeBall/CoffeeB) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่แคปซูลพลาสติกเดิมๆ สามารถนำกลับมา "รียูส" ได้ใหม่ และเป็นนวัตกรรมลดกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่วงการกาแฟแคปซูลโดนกระหน่ำหนักมาตลอด
"แคปซูลกาแฟที่ดีที่สุด ไม่ใช่แคปซูล แต่เป็นลูกบอล" ข้อความหนึ่งในคลิปโฆษณาจากยูทูบของมิโกรส์ เชนค้าปลีกชื่อดังของสวิส ที่ระบุถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่เพิ่งวางตลาดไปเมื่อเร็วๆนี้
ในความหมายของมิโกรส์ ไม่ใช่ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันกีฬา แต่เป็นลูกกลมๆที่เปลือกหุ้มทำด้วยแผ่นสาหร่าย ข้างในบรรจุด้วยกาแฟคั่วบด ไม่ได้ทำเป็นแคปซูลพลาสติกหรืออะลูมิเนียม
ผู้ผลิตตั้งชื่อให้ลูกกลมๆที่นำมาชงกาแฟนี้ว่า Coffee Ball! หรือเรียกกันว่าแคปซูลลกาแฟลูกบอลก็น่าจะได้
ค.ศ.1986 เป็นปีที่เครื่องชงกาแฟที่เรียกกันว่า Single-serve capsule coffee maker หรือเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบเสิร์ฟเดี่ยว ออกทำตลาดเป็นครั้งแรกของโลก แม้จะเป็นนวัตกรรมใหม่(ในขณะนั้น) บนโลกกาแฟ แต่กลับได้รับความนิยมอย่างสูง จนถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเครื่องชงกาแฟยอดฮิตที่มีติดอยู่ตามบ้านหรือออฟฟิศแทบจะทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยด้วย ถึงกับได้รับการยกย่องว่า คือการปฏิวัติรูปแบบการชงและดื่มกาแฟครั้งใหญ่ของโลก
นวัตกรรมสุดล้ำ "Coffee Ball" แคปซูลกาแฟย่อยสลายได้เจ้าแรก! ภาพ : www.migros.ch/en
ปัจจุบัน เครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบเสิร์ฟเดี่ยว ที่ตามเว็บไซต์ค้าปลีกมักเรียกกันว่าเครื่องทำกาแฟแบบซิงเกิลเสิร์ฟ หรือก็ไม่เครื่องชงกาแฟแบบเสิร์ฟแก้วเดียว จนไปถึงเครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่ผู้เขียนชอบใช้เพราะสั้น ,กระชับ และความหมายตรง มักถูกพาดพิงเสมอว่า เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิด "ขยะพลาสติก" เป็นจำนวนมาก ปีละถึง 400 ล้านตัน ตามที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น) รายงานเอาไว้ เพราะผลพวงจากแคปซูลพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งนั่นเองเป็นสาเหตุสำคัญ
เครื่องชงกาแฟที่แคปซูลย่อยสลายได้ของค่ายคาเฟ่ รอยัล ภาพ : www.coffeeb.com/de-ch
กระทั่งผู้ผลิตรายใหญ่ๆในตลาดต้องหาทางแก้ไข ด้วยการผลิตแคปซูลที่ทำจากสแตนเลสขึ้นมาใช้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกลับมา "รียูส" ได้อีก หวังลดกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่โดนกระหน่ำหนักมาตลอด
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งพยายามคิดค้นและออกแบบวิธีชงกาแฟแบบแคปซูลที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด เพราะว่าตลาดกาแฟแคปซูลรวมไปถึงตัวเครื่องชงนั้น มี “มูลค่าตลาด” สูงมากทีเดียว ตัวเลขจากเว็บไซต์ futuremarketinsights.com บอกว่า มาร์เก็ตไซส์ของเซกเมนท์นี้ทั่วโลก ในปีค.ศ. 2022 อาจสูงถึง 6,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐทีเดียว แถมยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีโอกาสเปิดตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในฐานะ "แบรนด์รักษ์โลก" ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคสายกรีนหรือลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เรียกว่าได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่องควบคู่กันไป
ล่าสุด มีแคปซูลกาแฟ “แบบใหม่” เกิดขึ้น ที่ทางผู้ผลิตจากแดนสวิสบอกว่า เป็นการปฏิวัติวงการเครื่องชงกาแฟแบบซิงเกิลเสิร์ฟอีกเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องมีแคปซูลรูปถ้วยขนาดเล็กใส่กาแฟคั่วบดเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่หันไปใช้ "ผลิตภัณฑ์จากพืช" มาทำเป็นเปลือกหุ้มกาแฟคั่วบดแทน นอกจากช่วยลดปัญหาขยะจากแคปซูลพลาสติกแล้ว รสชาติกาแฟก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆอีกด้วย
พอเว็บไซต์ข่าวธุรกิจต่างประเทศเห็นแคปซูลใหม่ที่แปลกแหวกแนวนี้เข้า ก็รีบฟันธงลงไปเลยว่า จะเป็นคู่แข่งรายใหม่ล่าสุดของ "เนสเพรสโซ" (Nespresso) และ "เคอริก" (Keurig) ทั้งในตลาดเครื่องชงกาแฟแบบซิงเกิลเสิร์ฟและแคปซูลกาแฟกันเลยทีเดียว
เมื่อต้นเดือนกันยายนมานี้เอง "มิโกรส์" (Migros) เชนซูเปอร์มาร์เก็ตและธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศเปิดตัวระบบชงกาแฟสดแบบซิงเกิลเสิร์ฟแบบใหม่ขึ้นมา ภายใต้แบรนด์"คาเฟ่ รอยัล" (Cafe Royal) ประกอบด้วยเครื่องชงกาแฟที่นำวัสดุใช้แล้วมารีไซเคิลทำ พร้อมแคปซูลกาแฟทรงกลมเล็กๆ พร้อมโฆษณาว่า เป็นระบบชงกาแฟแบบแคปซูลเจ้าแรกของโลกที่สามรถย่อยสลายได้เอง ไม่มีขยะหลงเหลืออยู่หลังจบการชง และกว่าจะมาแถลงข่าวเปิดตัวนี้ ก็ใช้เวลาพัฒนามาถึง 5 ปีเต็มๆ
เจ้าแคปซูลกาแฟรูปทรงกลมนี้ เรียกกันว่า "คอฟฟี่บอล" หรือ "คอฟฟี่บี" (CoffeeBall/CoffeeB) ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่แคปซูลพลาสติกเดิมๆ เพราะใช้แผ่น “สาหร่าย” (seaweed) มาทำเปลือกห่อหุ้มผงกาแฟสดรูปทรงกลม จะมองว่าเป็นรูปโลกหรือลูกบอลก็ได้ แล้วก็หุ้มก้อนผงกาแฟไว้หลายชั้นด้วยกัน ป้องกันไม่ให้ออกซิเจนหลุดเข้าไปสัมผัสกับกาแฟข้างใน จนเป็นผลให้กาแฟเสื่อมคุณภาพเร็ว ยังคงความหอมของกาแฟเป็นเวลาสามเดือนหลังจากเปิดกล่องออกมา... นี่ก็เป็นไปตามที่ผู้ผลิตบอกเอาไว้
คอฟฟี่บอล เปลืกหุ้มทำจากแผ่นสาหร่าย ด้านในใส่กาแฟคั่วบด ภาพ : www.coffeeb.com/de-ch
ทางผู้ผลิตยังโฆษณาอีกว่า สาหร่ายดังกล่าวไม่มีสี ,ไม่มีกลิ่น และไม่มีรส จึงไม่มีผลทำให้กลิ่นรสกาแฟผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ และที่สำคัญสามารถย่อยสลายได้ด้วย
ตอนแถลงข่าวเปิดตัวระบบคอฟฟี่บอลนั้น ผู้บริหารมิโกรส์ ระบุว่า กาแฟแคปซูลแนวใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อ "จิตสำนึก" ด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ พร้อมให้ข้อมูลว่า กาแฟแคปซูลมียอดขายประมาณ 63,000 ล้านชิ้นทั่วโลกในแต่ละปี ทำให้เกิดขยะหนึ่งแสนตัน
"เพียงแค่กดปุ่ม โดยไม่ต้องทิ้งหรือรีไซเคิลแคปซูล ในทุกๆการชงกาแฟแบบซิงเกิลเสิร์ฟ"...คือประโยคที่บริษัทมิโกรส์ใช้เป็นสโลแกนทางการตลาด เป้าหมายในการผลิตก็เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดจากแคปซูลแบบชงครั้งเดียวแล้วทิ้ง วางตัวเป็นเครื่องชงกาแฟทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลเดิมๆ ที่แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อกันตรงๆ แต่ก็ชัดเจนว่า “พุ่งเป้า” ไปยังเนสเพรสโซกับเคอริก สองยักษ์ใหญ่ของวงการตลาดกาแฟแคปซูลในปัจจุบัน
แคปซูลกาแฟในแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพิ่มปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก ภาพ : Jisu Han on Unsplash
อันที่จริง มีคนทำวิจัยมาหลายปีแล้วในเรื่องการนำผลิตภัณฑ์จากพืชมาใช้แทนแคปซูลพลาสติก ในความพยายามทำให้เครื่องชงกาแฟแบบซิงเกิลเสิร์ฟเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แต่ยังไม่มีการผลิตออกมาทำตลาดอย่างจริงจังเหมือนรายของบริษัทมิโกรส์
ส่วนเจ้าเครื่องชงนั่นเล่า ถูกตั้งชื่อว่า "โกลบ" (Globe) หรือโลกใบนี้นั่นเอง ผลิตขึ้นจากวัสดุที่ผ่านการรีไซเคิล ถูกออกแบบมาในลักษณะ "โมดูลาร์ ดีไซน์" เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปซ่อมบำรุงได้ที่ศูนย์บริการมิโกรส์ทุกแห่ง
วิธีการทำงานก็ไม่ต่างไปจากเครื่องชงกาแฟแคปซูลดั้งเดิม คือ ใส่คอฟฟี่บอลลงไปตรงช่องด้านบนของตัวเครื่องแล้วก็กดปุ่มให้เครื่องทำงาน โดยด้านบนของตัวเครื่องมีถาดใสๆแบ่งเป็น 9 ช่องสำหรับบรรจุคอฟฟี่บอล เวลาจะชงก็ให้ใช้มือบิดให้ช่องตรงกับรูใส่คอฟฟี่บอล เมื่อกรรมวิธีชงเสร็พสรรพ สิ่งที่ได้นอกจากกาแฟในแก้วแล้ว ก็เป็นลูกสาหร่ายกลมๆที่มีผงกาแฟอยู่ด้านใน จากนั้นจะเอาไปใส่ต้นไม้เพื่อเป็นปุ๋ยก็ได้ ใช้เวลาในการย่อยสลายเพียงไม่กี่สัปดาห์
ตามที่เป็นข่าวไปนั้น เครื่องชงกาแฟมิติใหม่ของแบรนด์"คาเฟ่ รอยัล" เริ่มวางขายไปแล้วที่สวิสและฝรั่งเศส ก่อนเตรียมขยายตลาดไปยังเยอรมนีในปีหน้า ส่วนในสหรัฐซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเซกเมนต์เครื่องชงกาแฟอัตโนมัตินั้นก็อยู่ในแผนการเช่นกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ เจ้าคอฟฟี่บอลที่ใช้ในระบบของคาเฟ่ รอยัลนั้น ไม่สามารถนำไปใช้กับเครื่องชงของค่ายอื่นๆได้
สำหรับคอฟฟี่บอลนี้ ในหนึ่งกล่องมี 9 ลูก ปริมาณกาแฟคั่วบดในคอฟฟี่บอลแต่ละลูกอยู่ในราว 5.3-5.9 กรัม ขึ้้นอยู่กับชนิดกาแฟ ให้ปริมาณน้ำกาแฟตั้งแต่ 1.4-3.8 ออนซ์ หรือ 40-107 กรัม ขึ้นอยู่กับประเภทกาแฟเช่นกัน ราคาขายปลีกอยู่ที่ 4.8 ดอลลาร์ต่อหนึ่งซอง ตกลูกละ 0.5 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเครื่องชง มีราคาตกอยู่ในราว 170 ดอลลาร์สหรัฐกล่องบรรจุคอฟฟี่บอล ภายในมีคอฟฟี่บอล 9 ลูกด้วยกัน ภาพ : www.migros.ch/en
ชนิดเมนูกาแฟนั้นเบื้่องต้นมีทั้งสิ้น 8 ชนิด เช่น เอสเพรสโซ่ ,ริสเทรตโต้ และลุงโก้ รวมไปถึงกาแฟมีคาเฟอีนต่ำอย่างดีแคฟด้วย ส่วนผู้จัดหาเมล็ดกาแฟและดำเนินการคั่วกาแฟก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือเจ้าของแบรนด์คาเฟ่ รอยัล นั่นเอง เมล็ดกาแฟก็ซื้อมาจากไร่ที่ได้รับตราสัญลักษณ์แสดงถึงการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น "แฟร์เทรด", "เรนฟอเรส" หรือ "ออแกนิก"
แม้มิโกรส์จะเป็นบริษัทค้าปลีกและเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ติดอันดับ 1 ใน 40 ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก แต่สำหรับธุรกิจกาแฟแล้วถือว่ายังมีขนาดเล็กอยู่มาก
ตลาดกาแฟแคปซูลจัดเป็นเซกเมนต์ที่มีมูลค่าสูงมากในแต่ละปี ภาพ : Sylvain Thrd on Unsplash
ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทวิจัยทางการตลาด ให้ข้อมูลว่า คาเฟ่ รอยัล มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 0.3% เท่านั้นในยุโรปตะวันตก เทียบไม่ได้เลยกับเนสเพรสโซที่มีสัดส่วน 12.1% แต่มิโกรส์ตั้งความหวังว่า ด้วยระบบชงกาแฟแบบใหม่จะช่วยให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในไม่ช้านี้
แม้ช่วงที่ผ่านมา จะมีการออกแบบกาแฟแคปซูลในเชิงนวัตกรรมใหม่มาโดยตลอด เพื่อเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก และพยายามรักษาไว้ซึ่งรสชาติกาแฟ ไม่ให้แพ้แคปซูลดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม รอยต่อแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว ผู้เขียนเองมองว่า ก็เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่กระแสความนิยมใช้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันที แต่ค่อยๆก่อตัวขึ้นจนกระทั่งลุกโชนในที่สุด
ไม่แน่ใจว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราอาจได้ยินประโยคนี้กันหนาหูมากขึ้นก็ได้...ประโยคที่ว่า แคปซูลกาแฟเปลี่ยนโลก!