“ล็อบสเตอร์” และ “อาหารทะเล” สด ที่ร้าน Red Lobster
“อาหารทะเล” สไตล์อเมริกัน Red Lobster กำเนิดที่รัฐฟลอริดา (Florida) วันนี้มาเสิร์ฟ ล็อบสเตอร์ ตัวโต ก้ามใหญ่ เนื้อนุ่ม ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในร้านยังมีเมนูอื่นๆเช่น “วากิว เบคอน ชีสเบอร์เกอร์” และ “สเต็กเนื้อยูเอส แองกัส ริบอาย” ปูหิมะ, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์
ร้านอาหารทะเล จากรัฐฟลอริดา Red Lobster (เร้ด ล็อบสเตอร์) มีจุดกำเนิดที่เมือง เลคแลนด์ (Lakeland) รัฐฟลอริดา (Florida)
เมื่อปี 1968 บิล ดาร์เดน (Bill Darden) มีแนวคิดว่า เขาจะทำให้อาหารทะเลที่มีคุณภาพ และอร่อย เข้าถึงคนที่อยู่ไกลจากทะเลได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเปิดร้านได้ประมาณ 2 ปี (ค.ศ.1970) ก็ประสบความสำเร็จ ทำให้ Red Lobster กลายเป็นเชนร้านอาหารทะเลที่โด่งดัง
และเติบโตในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ขยายสาขาไปในประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก ฯลฯ รวมแล้วมากกว่า 700 สาขาทั่วโลก
โดยมี Headquarter อยู่ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา นั่นเอง จุดยืนของร้านนี้ก็คือ คุณภาพอาหาร และความสด คัดสรรวัตถุดิบ
ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Sustainable รับผิดชอบต่อโลก และสิ่งแวดล้อม หมูหวานชวนชิม ได้ฟังแล้วรู้สึกประทับใจ
อาหารทะเล Red Lobster (เร้ด ล็อบสเตอร์) ยังได้ถูกเสนอชื่อจากนิตยสาร Forbes ประจำปี 2022 ให้เป็นบริษัทยอดเยี่ยมในอเมริกา
ด้าน America’s Best Large Employers และ Best Employers for Diversity อีกด้วย ส่วน Red Lobster (เร้ด ล็อบสเตอร์) ในประเทศไทยนั้น
บริหารงานโดย บริษัท เร้ด ล็อบสเตอร์ รีเทล เอเชีย จำกัด เพิ่งเปิดสาขาแรกไปหมาดๆ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G
เน้นกลุ่มครอบครัว พนักงานออฟฟิศ และผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเลแนวตะวันตก หมูหวานชวนชิม ได้ไปทดสอบความ อร่อย ปรากฏว่า
ประทับใจตั้งแต่รูปแบบการเสิร์ฟ ก่อนรับประทาน ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างสนุกสนาน ล็อบสเตอร์และวัตถุดิบหลักที่ใช้ในร้าน
ในประเทศไทย นำเข้าจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 20 ประเทศเลยทีเดียว และร้านนนี้เขาเน้นคุณภาพ และรสชาติของอาหารทะเล
ในคอนเซปต์ Friends & Family บรรยากาศอบอุ่นเป็นมิตรสไตล์อเมริกัน
อาหารทะเล ในบรรยากาศอบอุ่นสไตล์อเมริกัน ที่ดูทันสมัย ดึงความเป็นทะเล เกลียวคลื่น และชายหาด มาแต่งเติมบรรยากาศ
ราวกับไปนั่งรับประทานซีฟู้ด ริมทะเล โทนของร้านออกเป็น สีแดง ดำ ฟ้า น้ำตาล “หมูหวานชวนชิม” ได้หม่ำเมนูแรกก็ต้องตาโตด้วยความ “อร่อย”
ทาง ร้าน Red Lobster (เร้ด ล็อบสเตอร์) เริ่มเสิร์ฟ Cheddar Bay Biscuits (เชดดาร์ เบย์ บิสกิต) เป็น Signature Menu มาตั้งแต่ปี 1992
เมื่อได้ชิมจึงรู้ว่าสมกับเป็นเมนูยอดนิยม และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามาเป็นเวลายาวนาน เมื่อพูดถึง ร้าน Red Lobster ลูกค้าทุกคนจะ
นึกถึง Cheddar Bay Biscuits เป็นอันดับแรก จนกลายเป็นเมนูสัญลักษณ์ของร้านไปแล้ว
ทุกชิ้น อบสดใหม่ที่ร้านทุกวัน ใช้แป้งสูตรลับเฉพาะของทางร้านผสมกับ Cheddar Cheese คุณภาพดี และเคลือบด้านบนด้วย
เนยกระเทียมสูตรพิเศษ ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ปัจจุบัน "ร้าน Red Lobster" ทุกสาขาทั่วโลก
ได้อบบิสกิตให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยจำนวนรวมกันมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งจำนวน Cheddar Bay Biscuits
ที่อบในแต่ละวันนั้น สามารถนำมาเรียงต่อกันสูงถึง 137 เท่าของตึก Empire State Building เลยทีเดียว
บรรยากาศร้านในสาขาประเทศไทย
สำหรับในสาขาในประเทศไทย ทางร้านจะแจก Cheddar Bay Biscuits เป็น complimentary ให้กับลูกค้า ฟรี 1 ชิ้น
ถ้าต้องการสั่งเพิ่มก็บอกได้ จะสั่งกลับไปอร่อยที่บ้านก็ได้นะคะ มีทั้งแบบ 1 Dozen (12 ชิ้น) หรือ Half Dozen (6 ชิ้น)
วันนี้หมูหวานชวนชิม ขอแนะนำ Live Maine Lobster (ไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์) เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งอาหารทะเล เมนูนี้จึงเป็นเมนูที่พลาดไม่ได้
เมื่อมา ร้าน Red Lobster ซึ่งทางร้านได้เลือกใช้ล็อบสเตอร์ตัวเป็นๆ นำเข้าจากประเทศแคนาดา โดยจุดเด่นของล็อบสเตอร์สายพันธุ์นี้คือ
ขนาดตัวโต และมีก้ามใหญ่ เนื้อนุ่มที่สุดในหมู่ล็อบสเตอร์ทั้งหมด เป็นล็อบสเตอร์จากน่านน้ำทะเลแอตแลนติค อาศัยอยู่ในกระแสน้ำเย็น
จึงทำให้เนื้อล็อบสเตอร์มีความหวานกว่าล็อบสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในน้ำอุ่น เพราะไม่ซึมซับความเค็มของเกลือในทะเลเข้าไปในเนื้อ
โดยที่ร้านเลือกใช้ล็อบสเตอร์น้ำหนักประมาณ 1.25 ปอนด์ หรือประมาณ 550 – 600 กรัมต่อตัว นำมาอบ และมาพร้อม
Butter Sauce สูตรเฉพาะของทางร้าน เมนูนี้เราจะได้ลิ้มลองรสชาติของล็อบสเตอร์สดๆ ทั้งตัว เสิร์ฟมาพร้อมเมนู Side Dishes
อย่างร็อกเก็ตสลัดและเฟรนช์ฟรายส์ในราคา 1,350 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
ส่วนคนที่ชอบเบอร์เกอร์ ขอแนะนำ Lobster Tail Lobster Roll (ล็อบสเตอร์เทล ล็อบสเตอร์โรล) ใช้เนื้อล็อบสเตอร์เทลทั้งชิ้น
คลุกเคล้าด้วยมายองเนส และเซเลอรี่ตามแบบฉบับคลาสสิคอเมริกัน ราคา 980 บาท
หมูหวานชวนชิม ชอบเมนูเส้นอย่างพาสต้าอยู่เป็นทุนเดิม จึงยกให้จานนี้เป็นที่หนึ่งในดวงใจ นั่นก็คือ
Spaghetti Aglio Olio with Live Maine Lobster (สปาเก็ตตี้ อัลกลิโอ โอลิโอ วิท ไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์) สปาเก็ตตี้พริกกระเทียม และไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ รสชาติเข้มข้น
หอมพริก กระเทียม จัดจ้าน รับรองถูกปากคนไทย เพราะเข้ากันอย่างลงตัวกับล็อบสเตอร์สดๆ ทั้งตัว
ปรุงรสด้วยเนยกระเทียม ราคา 1,620 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
"กุ้งอาเจนติน่า เสียบไม้"
Signature Feast (ซิกเนเจอร์ ฟีสท์) เป็นหมวดอาหารที่คัดสรรเมนูอาหารทะเลที่เป็น Signature ของร้านมารวมไว้ในจานเดียว
เพื่อการลิ้มลองเมนูที่อร่อยแบบหลากหลาย เสิร์ฟพร้อม Side Dishes ทั้งหมด 2 จาน ที่เราสามารถเลือกSignature Feasts 3 เมนู
อาทิ Grand Grilled Feast (แกรนด์ กริลด์ ฟีสท์) จานซีฟู้ดรวมของย่าง ความอร่อยแบบเฮลท์ตี้ ประกอบด้วย
Lobster Tail (ล็อบสเตอร์ เทล) ปลาแซลมอน กุ้งอาร์เจนตินาเสียบไม้ จานนี้ราคา 1,750 บา
สุดท้ายจบสวยๆด้วยขนมหวานสไตล์เฟลมเบ้ มีสีสันของการเล่นไฟในจานที่ชื่อว่า
Flambe Burnt Cheesecake with Walnut and SangSom Caramel Sauce (วอลนัทชีสเค้ก แฟลมเบ) เป็นการ เบิร์น ชีสเค้ก ที่ไม่ธรรมดา
เสิร์ฟพร้อมวอลนัทและโฮมเมด รัม คาราเมลซอส ราดด้วยเหล้ารัม และจุดไฟเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ยังคงความหอมจากการเผา
วอลนัทชีสเค้ก แฟลมเบ
ไปคราวหน้าจะสั่ง “หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบเนย กระเทียม” กับ “ขาปูหิมะซอส 3 สหาย” ใครที่ชอบซีซาร์สลัด และ สเต็กปลาแซลมอน,
ฟิชแอนด์ชิปส์, สเต็กเนื้อยูเอส แองกัส ริบอาย ,วากิวเบคอน ชีสเบอร์เกอร์ ฯลฯ สั่งได้ตามใจปรารถนา
ลืมบอกไปว่า ที่นี่มีเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ Cocktails และ Mocktails ให้เลือกหลากหลายเมนู อาทิเช่น
Lobster Rock มีส่วนผสมหลักก็คือ Vodka / Strawberry / Passion Fruit / Lime)
และเครื่องดื่มสีฟ้าแสนสวย Blue Hawaiian มีส่วนผสมหลักก็คือ Rum / Coconut Rum / Pineapple Juice / Lime Juice) และมีเมนูอื่นๆมากมาย
อาหารทะเล Red Lobster อยู่ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00–22.00 น.สามารถจองโต๊ะ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 062-243-8237 และ Line Official Account: @redlobster_th