กิน “แก้วมังกร” วันละลูก เพิ่มไฟเบอร์ ไม่เพิ่มน้ำตาล สร้างภูมิต้านทาน
ผลไม้รูปสวยชื่อเพราะ “แก้วมังกร” รสละมุนหวานน้อย เพิ่มไฟเบอร์ ไม่เพิ่มน้ำตาล ช่วยลดน้ำหนัก กินทุกวันป้องกันโรค
แก้วมังกร เป็นพืชตระกูลกระบองเพชร ถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและเม็กซิโก รู้จักกันในชื่อ Pitahaya, Pitaya raja ในภาษาสเปน
ส่วนชื่อ Dragon fruit ไม่รู้ที่มาว่าใครตั้ง หากคาดว่าเริ่มเรียกกันเมื่อปี 1963 จากรูปทรงเหมือนไข่ เปลือกสีแดงอมชมพู มีปลายแหลมชี้ออกมารอบเปลือก คนตั้งชื่อบอกว่าเหมือนเปลวไฟจากมังกรพ่นไฟในนิทานปรัมปราของจีน
(Cr. poringdown on Freepik)
บางคนเรียกแก้วมังกรว่า strawberry pear บอกว่ามีส่วนผสมของสีและเท็กซ์เจอร์ของลูกแพร์+กีวี+แตงโม และเมล็ดเล็ก ๆ มีรสมันเหมือนถั่ว
แก้วมังกร เป็นผลไม้ของคนไทยไปแล้ว ปลูกมากในภาคตะวันออก กาญจนบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม ฯลฯ ก่อนหน้านี้เล่ากันว่าแก้วมังกรมาจากเวียดนาม โดยชาวฝรั่งเศสนำแก้วมังกรจากอเมริกากลางไปเวียดนามเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 จากเวียดนามก็ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในเอเชีย
ทุกวันนี้เรากินแก้วมังกรกันตลอดปี เป็นผลไม้ที่กินได้ตลอดไม่กลัวอ้วน ไม่กลัวน้ำตาล ด้วยรสค่อนข้างจืด เมื่อเทียบกับผลไม้ไทยอีกหลายอย่าง ทำให้กินอย่างสบายใจ
(Cr. tastylicious.com)
แก้วมังกรมี 3 ชนิด คือ
เนื้อขาว เปลือกแดง หวานน้อย อมเปรี้ยวนิด ๆ
เนื้อขาว เปลือกสีเหลืองสด รสหวานพอดี ๆ
เนื้อแดง เปลือกสีแดง รสหวานพอดี ๆ เนื้อฉ่ำ
ชนิดสีเหลืองมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำ ขนาดใหญ่กว่าชนิดสีขาวและสีแดง มีฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระ และพรีไบโอติกส์
(Cr. cookingdoughdiaries.com)
ชนิดสีแดงยอดนิยม หายากและแพงกว่า มีสารไลโคปีน และเบต้าไซยานิน สารพฤกษเคมีที่พบในผักผลไม้สีแดง เช่น บีทรูท สวิสชาร์ด ผักโขมแดง มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง บำรุงสายตา ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด
กิน แก้วมังกร สีไหนให้ประโยชน์ทั้งนั้น เพราะอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แคลอรี่ต่ำช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื้อเยอะ ฉ่ำน้ำ กินแล้วสดชื่น
เนื้อแก้วมังกร 100 กรัม ให้พลังงาน 66 กิโลแคลอรี่ ไฟเบอร์หรือเส้นใย 2.6 กรัม แคลเซียม 9 มก. โปรตีน 1.4 กรัม ฟอสฟอรัส 32 มก. วิตามินซี 7 มก.
(Cr. kosher.com)
เพราะเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ หวานน้อย มีวิตามินซีช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน และช่วยระบบขับถ่าย จึงเป็นผลไม้ยอดนิยมของชาววีแกนและชาวคีโต เหมาะกับคนกลัวอ้วน และคนที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาล
(Cr. goodfon.com)
ประโยชน์ของแก้วมังกร :
มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์, กรดฟีโนลิก และเบต้าไซยานิน ช่วยปกป้องเซลล์ ช่วยชะลอวัยและต้านเซลล์มะเร็ง
ไฟเบอร์สูง กินระหว่างวัน กินแทนขนมขบเคี้ยว ช่วยลดการกินของว่างหวาน ๆ
มีพรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารของโพรไบโอติกในลำไส้ ช่วยกำจัดแบคทีเรียและไวรัสที่ไม่ต้องการ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายดี
วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิต้านทาน ส่งเสริมสุขภาพผิวและเส้นผม
มีธาตุเหล็ก และวิตามินซีในแก้วมังกรช่วยดูดซึมและส่งเสริมการทำงานของธาตุเหล็ก ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันอาการอ่อนเพลีย
เมล็ดเล็ก ๆ สีดำมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวคือไลโนเลอิก และไลโนเลนิก ช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลสะสมที่ผนังหลอดเลือด ช่วยบำรุงสุขภาพผิวและเส้นผม
ไอศกรีมแก้วมังกร (Cr. cookingchew.com)
จากสารสำคัญในแก้วมังกร พบว่า เป็นผลไม้หวานน้อย กินเป็นประจำป้องกันโรค NCDs เช่น ต้านเซลล์มะเร็ง ต้านการอักเสบ ลดไขมันในเลือด ป้องกันเบาหวาน ลดความดัน ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แก้ท้องผูก ช่วยดูดซับสารพิษตกค้าง
(Cr. vegkitchen.com)
วิธีกินแก้วมังกร : กินสด ๆ อร่อยที่สุด ทำสมูทตี้ ทำฟรุตสลัด ใส่ในสลัดผัก แก้วมังกรอบมอซซาเรลล่าชีส กินกับโยเกิร์ต, เมล็ดเจีย, เมล็ดแฟล็กซ์ ทำไอศกรีม แก้วมังกรบนหน้าเค้กช็อกโกแลต หรือเป็นส่วนประกอบในทาร์ตผลไม้ ทุกซุปเย็นกินตอนหน้าร้อน ทำซัลซ่า
ทำค็อกเทลชื่อ Dragon’s Blood Punch, Dragotini
(Cr. pixabay.com)
ดอกแก้วมังกรที่บานเพียง 1 คืน ก่อนจะออกผล บางคนเรียกว่า Moonflower นิยมมาทำชาดื่ม
แก้วมังกรเนื้อสีแดงหรือสีแดงเข้มอมม่วง กินมากเวลาถ่ายอุจจาระและปัสสาวะจะมีสีแดงคล้ายมีเลือดปนออกมา อย่าตกใจ ไม่เป็นอันตราย
ดังนั้นกินแก้วมังกรพอดี ๆ วันละลูก (ขนาดย่อม) จะได้รับแร่ธาตุวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย และควรกินผลไม้ชนิดอื่นหมุนเวียนกัน อย่างที่กรมอนามัยแนะนำว่าให้กินผลไม้วันละ 3-5 ส่วน
(Cr. freepik.com)
ซึ่ง แก้วมังกร ตอบโจทย์คนรักษ์สุขภาพ กินแล้วเพิ่มไฟเบอร์ ไม่เพิ่มน้ำตาล ไม่เพิ่มความกังวลว่าจะอ้วน
อ้างอิง : pharmacy.mahidol.ac.th, webmd.com