“ขาหมู” อร่อย ที่ร้าน “เกาเหลาสามหมู ข้าวขาหมูร้อยอาจารย์”

“ขาหมู” อร่อย สำหรับคนชอบกินหมู และ หมูหวานชวนชิม แนะนำ ร้าน “เกาเหลาสามหมู ข้าวขาหมูร้อยอาจารย์” ที่นี่มีแต่เรื่องหมูหมู ขอกดไลค์ให้กับ “ข้าวขาหมู” เนื้อหนัง นุ่มนวลละลายในปาก อีกจานที่ชอบ “ข้าวคอหมูทอดน้ำปลา” เค็มหอมยั่วน้ำลายดีแท้
ขาหมู อร่อย ที่ร้าน เกาเหลาสามหมู ข้าวขาหมูร้อยอาจารย์ ขอบอกว่าร้านนี้ไม่มีสาขา ขายมาประมาณ 26 ปี
เริ่มขายริมฟุตบาท หน้าแอมพาร์คจุฬา นักศึกษาติดตรึม มีแค่สามอย่างก่อนก็คือ “เกาเหลาเครื่องในหมู” ก๋วยจั๊บน้ำใส และ
ข้าวขาหมู เฮียพงศ์ หรือ ศิริพงศ์ งามจิตประพัฒน์ เจ้าของร้านวัย 65 ปี ได้สูตรมาจากพี่สาวแฟน(ก็ภรรยาแหละ) ปรับเป็นสูตรที่ตัวเองชอบ
“สมัยก่อนขายแบบรถเข็นเรายังไม่มีชื่อร้าน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น นิสิต นักศึกษา เด็กหนุ่มๆสาวๆเขาจะไม่กินเครื่องใน ก็จะสั่งหมูชิ้น
หมูกรอบ หมูสับ ชื่อยาว เวลาเราสั่งลูกน้อง หรือแฟน ก็จะย่อให้สั้นๆ เราจะคุยกันเองว่า 3 หมู ก็จะมีหมูสับ 2 หมูก็จะมีหมูชิ้น หมูกรอบ
ลูกค้าก็เรียกว่าร้าน เกาเหลาสามหมู ส่วน ข้าวขาหมูร้อยอาจารย์ ทีแรกสูตรไม่นิ่งมีคนมาบอกเราแบบนั้นแบบนี้ เราก็ปรับปรุงไปเรื่อยๆ
จนนิ่งแล้ว ก็เลยตั้งชื่อนี้ไปเลยจะได้ไม่เหมือนคนอื่น ความจริงไม่ถึงร้อยอาจารย์หรอก”
ขาหมู อร่อย ร้าน “เกาเหลาสามหมู ข้าวขาหมูร้อยอาจารย์” ย้ายจากแอมพาร์คจุฬา มาปักหลักที่ตึกแถว ซอยจุฬา 18
(เข้าซอยมาแยกแรกร้านอยู่ขวามือ)ได้กว่า10 ปี ต้องบอกว่าไม่มีสาขานะจ๊ะ เมนูขายดีตลอดกาลก็คือ“เกาเหลาเลือดหมู”
ก๋วยจั๊บน้ำใส “ข้าวขาหมู” และ “บะหมี่ขาหมู” เฮียพงศ์ หรือ ศิริพงศ์ งามจิตประพัฒน์ เล่าต่อไปว่า
“สูตรต้มเลือดหมูของผม น้ำจะไม่เหมือนทั่วไป ผมเน้นน้ำซุปใสๆเช็งๆ ไม่ใส่พริกไทยเยอะ เด็กๆกินได้ไม่เผ็ด คนแก่ก็กินได้
ถ้าใครชอบพริกไทยเราก็มีให้เติมเอง น้ำซุปเน้นกระดูกหมู อย่างเอียเล้ง คาตั๊ง ปรุงเกลือ รากผักชี กระเทียมพริกไทย”
วัตถุดิบอื่นๆก็มี หมูชิ้น หมูกรอบ หมูสับ ตับ กระเพาะ ลิ้น ไส้ เซี่ยงจี๊ เลือดหมู ไม่มีกลิ่นคาว เพราะใช้วัตถุดิบดี มีผักกาดหอม
ต้นหอม ผักชี หมูสับปรุงรสชาติด้วยซีอิ๊ว เกลือป่น พริกไทยนิดเดียว
ขาหมู สูตรนี้ใช้ขาหลัง เพราะเนื้อเยอะกว่า แม้ว่าขาหน้าเนื้อจะนุ่มกว่าแต่มีเนื้อน้อยกระดูกเยอะ จึงใช้ขาหลัง แล้วตุ๋นนานหน่อย
เพื่อให้เนื้อเปื่อยนุ่ม อร่อยเหมือนกันและ ข้าวขาหมู ร้านนี้มีครบครันทั้ง ไส้ เต้าหู้ คากิ เนื้อ-หนัง ไข่พะโล้
เฮียพงศ์ หรือ “ศิริพงศ์ งามจิตประพัฒน์” อธิบายเพิ่มเติมว่า “หลังๆผมเอาบะหมี่เข้ามา เพราะบางคนไม่อยากกินข้าว อยากกินเบาๆ
มาม่าผมก็มี จะใช้น้ำซุปต้มเลือดหมู หรือจะใส่หมูกรอบ หมูชิ้นก็ได้ ส่วนมากที่สั่งกันเยอะก็มี บะหมี่ขาหมู ใส่น้ำขลุกขลิก
จะใส่เนื้อหนัง หรือคากิก็ได้ ส่วนข้าวเราหุงข้าวสองอย่างผสมกันก็คือหอมมะลิ กับเสาไห้ สมัยก่อนใช้เสาไห้อย่างเดียว
ลูกค้าบอกแข็งไป พอเปลี่ยนมาใช้หอมมะลิ ลูกค้าบอกว่านิ่มไป ก็เลยลองเอาสองอย่างผสมกัน ลงตัวพอดี”
หมูกรอบ ร้านนี้เด็กจุฬาฯพากันนิยม เฮียพงศ์เล่าว่ากว่าจะทำให้ออกมากรอบแบบนี้ ต้องมีหลายขั้นตอน โดยต้มให้สุกเปื่อยก่อน
แล้วพักไว้ให้เย็น จิ้มๆๆๆ เหมือนทั่วๆไป แล้วผึ่งให้แห้ง แล้วทอดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บเข้าตู้เย็นไว้ขายวันรุ่งขึ้น
ค่อยนำมาทอดจนกรอบอีกครั้ง กว่าจะอร่อยแบบนี้บางทีทอด 2-3 ครั้ง
“ผมตื่นประมาณตี 4 มาทำเองทุกอย่าง ช่วงเวลาประมาณ 10-11 โมง ลูกน้องก็จะมาช่วยกันขาย บางคนมาก่อนก็ไปล้างผักเตรียมของ ส่วนผมก็ได้พักแล้ว”
ขณะนั้นลูก 2 คนยังเล็กๆ ลำบากมาก อาชีพขายอาหารหากตั้งใจทำให้ดี ก็สามารถดำรงชีพ เก็บเงิน ซื้อบ้าน ฯลฯ ได้
รู้สึกภูมิใจที่มีลูกค้ามาอุดหนุนกันยาวนาน 26 ปียังมีลูกค้าขาประจำเก่าๆแวะเวียนมาอุดหนุน
ล่าสุดมีเมนูอร่อยจากลูกสาว ศรีสุวรรณ สุราฤทธิ์ (มุก) ทำ ข้าวคอหมูทอดน้ำปลา หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ปีกไก่ทอดน้ำปลา
และข้าวหมูก้อนทอดกระเทียม มาเสริมทัพ หมูหวานชวนชิม ทดสอบแล้วอร่อยทุกเมนู เธอเล่าว่าดูสูตรจากยูทูป
ทดลองทำลองชิมจนพอใจแล้วให้คนในบ้านติชมมาแล้ว จึงทำขาย ขายมาได้ 2 ปีปรากฏว่าลูกค้าตอบรับเกรียวกราวเลยจ้า
ใครชื่นชอบเมนูหมูหมูเชิญทางนี้เลยจ้า อ้อขอชมอีกนิดว่า “เฮียพงศ์” หุงข้าวอร่อยมาก ไม่ค่อยเจอร้านริมทางหุงข้าวได้หอมนุ่มเหนียวนิดๆ เข้ากันได้ดีกับเมนูหมูทอดของลูกสาว